Monday, December 23, 2013

Aloe Blacc เสียงนุ่มๆรับลมหนาว

จู่ๆ ใครจะเชื่อนะครับว่า ลมหนาวที่โผล่มาทักทายบางกอกได้วันสองวันแล้วหายไป มันจะกลับมาอีก แล้วรอบนี้กลับมาที ยาวและหนาวเชียว น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมอยู่กรุงเทพแล้วรู้สึกหนาว แต่ก็ยังธรรมดาถ้าเทียบกับที่ขอนแก่นแต่ก่อน แต่เวลาอากาศหนาวๆแบบนี้ แทนที่จะฟังเพลงร๊อคที่เร่าร้อน อากาศชิลๆแบบนี้ ก็ขอฟังเพลงนิ่มๆ เบาๆ ฟังสบาย และอีกหนึ่งศิลปินที่ผมชอบฟังในช่วงนี้เหลือเกินคือ Aloe Blacc หนุ่มผิวสีเจ้าของเสียงร้องระดับเทพ

aloe-blacc

Aloe Blacc เกิดในครอบครัวชาวปานามาที่อาศัยอยู่ในออเรนจ์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย เขาโตมากับการเล่นทรัมเป็ตตั้งแต่ชั้นประถม ซึ่งเขาก็เป่าอย่างจริงจังมาเรื่อยๆ จนช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็เลือกให้ความสำคัญกับการเรียนก่อนดนตรี แต่ถึงอย่างนั้น ก็สามารถเรียนรู้การเล่นกีตาร์ และเปียโน หลังจากจบการศึกษาจาก USC เขาก็เข้าทำงานในบริษัท แต่สุดท้าย เขาก็ทนแรงดึงดูดของวงการเพลงไม่ไหว ต้องออกจากงานหันกลับมาทำงานเพลงตามที่ใจเรียกร้อง

Monday, December 16, 2013

Tour de Farm สองล้อกับเป้าหมายประจำปี

ระหว่างที่ท่านๆทั้งหลายถือหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อ่านอยู่ ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ก็จะหมดปี 2013 แล้วนะครับ แป๊บๆ ก็หมดไปอีกปีล่ะ เร็วจริงๆ ไม่ทราบว่ามีท่านไหนที่เวลาเริ่มต้นปี จะกำหนดเป้าหมายของตัวเอง ว่าปีนี้จะทำอะไรไหมครับ หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า New Year Resolution นั่นล่ะครับ

1470307_10152073514270289_535417604_n

บางคนอาจจะเลือก เลิกบุหรี่ หางานใหม่ ลดน้ำหนักให้ได้ ซึ่งการจะสำเร็จแต่ละเป้าหมายนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ส่วนของผม มีสองเป้าหมาย อย่างแรกคือ เลื่อนระดับขึ้นมาวิ่งฮาฟมาราธอน ให้ทันกรุงเทพมาราธอน ซึ่งก็หมดโอกาสไปแล้ว เพราะเกือบทั้งปีผมเจ็บจากอาการเอ็นพลิก เพราะไม่ยอมยืดกล้ามเนื้อให้ดีตอนวิ่งขอนแก่นมาราธอน เลยอดซ้อม ต้องอยู่ที่มินิมาราธอนเหมือนเดิม เลื่อนไปปีหน้าแทน แต่อีกเป้าหมายหนึ่งคือสิ่งที่ผมจะทำในวันพรุ่งนี้ คือการแข่งจักรยานรายการ Tour de Farm ในรุ่น 107 กิโลเมตร ซึ่งผมไม่เคยปั่นระยะขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ก็เป็นเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จให้ได้ครับ

Monday, December 9, 2013

Death from Above 1979 คู่หูนรกพร้อมกลับมาแล้ว

วงดนตรีหลายวงเกิดแล้วแตกดับไปตลอดเวลา แต่ก็มีหลายวงที่ดับไปแล้วยังกลับมารวมตัวกันใหม่ได้ และหนึ่งในวงที่กลับมาใหม่ที่ผมรอคอยผลงานเอามากๆก็คือ Death from Above 1979 ที่เป็นวงสุดคัลต์ในตำนานอีกวงหนึ่ง

Death From Above 1979

Death from Above 1979 ถือกำเนิดจากการโคจรมาพบกันของสองหนุ่มชาวแคนาดา Jesse F. Keeler (เจส เบส ซินธ์) อดีตสมาชิกวง Black Cat #13 และ Sebastien Grainger (เซบาสเตียน ร้องนำ กลอง) ในคอนเสิร์ตของ Sonic Youth และก็ตัดสินใจร่วมกันทำงานเพลงในนาม Death from Above โดยทะลึ่งพอที่จะไม่เอามือกีตาร์ที่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของวงร๊อคทั่วไปมาอยู่ในวง โดยให้เหตุผลง่ายๆว่า “ไม่จำเป็น” และ “ไม่อยากแบ่งค่าตัว”

Monday, December 2, 2013

Placebo ฉันจะคัลต์ใครจะทำไม

สำหรับวงดนตรีที่ไม่ได้โด่งดังในตลาดเมนสตรีมมาก เมื่อทำวงไปได้ถึงจุดหนึ่ง จะเริ่มเจอกำแพงคือ ทำยังไง เพลงก็ไม่ดังไปกว่าเดิม หลายวงก็ท้อจนเลิกวง แต่บางวง ก็สามารถปรับสถานะกลายเป็นวงคัลต์ ทำเพลงเพื่อรับใช้ฐานแฟนเพลงของตัวเองเป็นหลัก วงประเภทหลังมักจะอยู่ในตลาดได้นานกว่า ซึ่ง Placebo ก็เป็นอีกหนึ่งวงที่อาศัยแนวทางนี้

PLACEBO1

กำเนิดของวง Placebo ออกจะเหมือนนิยายน้ำเน่าหน่อย สองแกนนำหลักของวงคือ Brian Molko (ไบรอัน ร้องนำ กีตาร์) หนุ่มฝรั่งเศส และ Stefan Olsdal (สเตฟาน เบส) หนุ่มสวีเดนนั้น เคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จักกัน จนบังเอิญได้มาเจอกันที่อังกฤษ โดยที่ Brian ชวน Stefan มาดูเขาเล่นสนในบาร์ และ Stefan เห็น Brian มีศักยภาพล้นเหลือจึงตัดสินใจว่า ควรจะเริ่มตั้งวงกับไอ้หมอนี่ พวกเขาได้ Robert Schutlzberg (โรเบิร์ต) หนุ่มสวีเดนที่รู้จักกันกับ Stefan มาก่อน มาเล่นกลองให้ ในที่สุด วงนานาชาติชื่อ Placebo ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

Monday, November 25, 2013

The Naked and Famous ดาวเด่นจากแดนกีวี

หลายครั้งที่วงจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่แค่อเมริกาหรือทางยุโรป สามารถไปเจาะตลาดใหญ่ทั้งสองประเทศได้ ที่ผ่านมาเท่าที่ผมจำได้ตั้งแต่มัธยมก็ Silverchair หรือ Pendulum รวมไปถึงที่เพิ่งเขียนถึงไปหมาดๆอย่าง Empire of the Sun ซึ่งที่ไล่มาก็มาจากออสเตรเลียหมด แต่ยังมีประเทศใกล้ๆกันอย่าง New Zealand ที่เคยส่ง The Datsuns มาให้เรามันส์ แต่คราวนี้จะเขียนถึงอีกวงที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆอินดี้ในตอนนี้ นั่นคือ The Naked and Famous

The Naked and Famous

The Naked and Famous คือวงที่มีแกนกลางหลักของวงคือ Alisa Xayalith (อลิสา ร้องนำ คีย์บอร์ด) และ Thom Powers (ทอม ร้องนำ กีตาร์ สารพัด) ส่วนสมาชิกที่เหลือ ปัจจุบันคือ Aaron Short (แอรอน คีย์บอร์ด) David Beadie (เดวิด เบส) และ Jesse Wood (เจส กลอง) สองสมาชิกหลักเริ่มฟอร์มวงในปี 2008 โดยเลือกชื่อวงมาจากเนื้อเพลงของ Tricky ที่เสียดสีวัฒนธรรมการเป็นเซเล็บ

Monday, November 18, 2013

Coldrain สายหนักจากนาโกย่า

ตามที่เล่าไปเมื่อสัปดาห์ก่อนครับว่าผมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ญี่ปุ่นเกือบสัปดาห์ ภารกิจที่ว่าคือ ไปจัดงานแต่งงานที่ญี่ปุ่นครับ เป็นฝั่งเป็นฝาซะที แหม่ แล้วสถานที่ไปก็คือก็คือ จังหวัดกิฟุ บ้านของแฟนผม ซึ่งติดอยู่กับจังหวัดไอจิ ที่ผมไปเรียนที่นาโกย่า เมืองหลวงของจังหวัดเป็นเวลาหลายปี ซึ่งก็ได้แวะเดินเที่ยวเล่นในนาโกย่าก่อนกลับวันสองวัน ไปสัมผัสกับถิ่นเก่าที่เคยอยู่ในบรรยากาศลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิ ก็เพลินๆดีนะครับ

coldrain

แน่นอนว่าด้วยความรักดนตรี สมัยที่อยู่นาโกย่า ผมก็เพลิดเพลินไปกับมิวสิคซีนในนาโกนย่า ไม่ว่าการจะไปดูคอนเสิร์ตวงดนตรีทั้งจากต่างประเทศและวงดนตรีท้องถิ่น ไปดูเทศกาลต่างๆที่มีดนตรีสดเล่น และรวมไปถึงการไปเที่ยวคลับต่างๆที่มีดีเจท้องถิ่นเปิดแผ่นอย่างเพลิดเพลิน แน่นอนว่า ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ท้องถิ่นสามารถแข่งกับเมืองหลวงได้ ศิลปินจากนาโกย่าหลายรายก็สามารถไปขายระดับประเทศได้ โดยเฉพาะในนาโกย่าที่ซีนฮิพฮอพจัดว่าเข้มข้นใช้ได้ มีศิลปินท้องถิ่นดังอย่าง Nobodyknows+ และ Home Made Kazoku เป็นตัวชูโรง แต่ที่จะมาแนะนำในวันนี้ ถึงจะมาจากนาโกย่า แต่ก็ไม่ใช่วงฮิพฮอพ แต่เป็นสายร๊อค โพสต์ฮาร์ดคอร์ ชื่อ Coldrain ที่ผมเพิ่งได้ฟังไม่นานนี้ แต่ติดใจมาก คิดว่าเด็ดไม่แพ้วงที่ดังในบ้านเราอย่าง One OK Rock แน่นอน

Monday, November 11, 2013

N’Shukugawa Boys ขอเขียนถึงอีกครั้ง

ขณะที่ท่านกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่ ผมก็กำลังมีความสุขกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น เพราะมาที่นี่เพื่อภารกิจส่วนตัวพอดีครับ และแน่นอนว่า เมื่อมาญี่ปุ่น ก็ต้องขอจัดธีมให้มันเข้ากันหน่อย ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีของวงสุดเก๋ N'Shukugawa Boys เพราะพวกเขากำลังมาแรงเลย จะได้รู้ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ผลิตแต่ไอดอลหน้าใสนะครับ แหม่

03_shukugawa_p

N'夙川BOYS หรือ N’Shukugawa Boys (อ่านว่า อึ้น ชุคุกาว่า บอยส์) คือวงอินดี้ ที่ก่อตั้งในแถบโกเบ โดยสมาชิกก็คือ สองหนุ่มจากวง King Brothers นั่นคือ มายะ เลิฟ (กีตาร์ ร้องนำ กลอง) และ ชินโนะสุเกะ บอยส์ (กลอง กีตาร์) แยกออกมาทำไซด์โปรเจคต์ร่วมกับ ลินดา ดาดา (กีตาร์ ร้องนำ กลอง) นางแบบสาว ในปี 2007 โดยได้รับการดูแลจาก มาซาฮิดะ ซาคุมะ โปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงพังค์ร็อคจากยุค 80 ทำให้ซาวด์ของพวกเขาใกล้เคียงกับวงพังค์ระดับตำนานของญี่ปุ่นอย่าง The Blue Hearts ส่วนชื่อวง N’ มาจากร้านกาแฟของป้าของมายะ ส่วน Shukugawa คือแม่น้ำแถวบ้าน

Monday, November 4, 2013

เสพหนัง ฟังเพลง : About Time

นอกจากการฟังเพลงแล้ว ความสุขของผมสามารถเกิดได้จากการดูหนังหรืออ่านหนังสือ และมันจะยิ่งสุขมากขึ้น เมื่อได้ดูหนังดีๆที่มีเพลงประกอบเพราะๆ เข้ากันกับหนัง

about_time

และเมื่อพูดถึงหนังที่เพลงประกอบเข้ากันกับเนื้อเรื่องมากๆแล้ว ส่วนใหญ่ผมจะมองไปที่ทางหนังฝั่งอังกฤษมากกว่าทางฮอลลีวู้ด เพราะส่วนใหญ่ หนังฮอลลีวู้ดจะยัดเพลงประกอบเข้ามาเพื่อเน้นขายเพลงควบไปกับหนัง โดยพยายามใส่เข้าไปในฉากต่างๆแบบบางทีก็แค่ เปิดวิทยุมาเจอเพลงบ้าง เปิดในคลับบ้าง แล้วก็เฟดหายไป แต่หนังฝั่งอังกฤษ มักจะเลือกเพลงที่ตรงกับเนื้อเรื่องตอนนั้น และใช้มันได้อย่างยอดเยี่ยม จนติดตราตรึงหูเรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ฉากเสพยาจนโอเวอร์โดสไปกับเพลง Perfect Day ใน Trainspotting เพลงดิสโก้สุดเหวี่ยงใน The Full Monty หรือ Billy Elliot กับฉากเจ้าหนุ่มน้อย อัดอั้นตันใจ จนต้องระบายกับเพลง A Town Called Malice และหนึ่งในผู้กำกับชาวอังกฤษที่มีขื่อเสียงมากกับการสร้างหนังที่มีเพลงเด่นคนหนึ่งก็คือ Richard Curtis

Monday, October 28, 2013

20 ปี In Utero

เวลาผ่านไปไวแบบไม่น่าเชื่อครับ แป๊บๆ อัลบั้ม In Utero ที่ออกวางขายในปี 1993 ก็มีอายุครบ 20 ปีล่ะ นี่ ผมเองแก่ขนาดนั้นแล้วเหรอ จากหนุ่มน้อยในตอนนั้น ตีนกาก็เพิ่มตามมา แต่งานดนตรีนี่มันเหมือนไวน์ครับ ของดีๆ ยิ่งผ่านกาลเวลาที่เนิ่นนาน มันก็ยิ่งเพิ่มคุณค่า และ In Utero ก็เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ทรงคุณค่าเสมอ แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน

Nirvana-In-Utero

ก่อนอื่น ผมต้องขอออกตัวว่า ผมไม่ใช่แฟน Nirvana เหมือนหลายๆคน ที่โตมาในยุคนั้น เพราะว่า ผมดันเริ่มฟังเพลงกับสายกีตาร์ฮีโร่ ร๊อคผมหยอยยาวทั้งหลาย แล้วพอเข้าม.ปลาย ก็หันมาสายอังกฤษแบบเต็มตัวเลย ไม่ค่อยได้แตะสายกรันจ์ แต่ตอนเล่นดนตรีกับเพื่อน ก็เล่นเพลง Nirvana นะครับ เพราะสมาชิกวงต้องการเล่นด้วย ผมยึดเสียงข้างมากครับ แหม่

Monday, October 14, 2013

John Legend ว่าที่ตำนานสมชื่อ

ในวงการเพลงโซลของชาวผิวสี ตั้งแต่ผมเริ่มฟังเพลงมา ก็เจอศิลปินเสียงระดับคุณภาพมากมายหลากหลาย ตั้งแต่ Maxwell หรือ D’Angelo รวมไปถึงศิลปินรุ่นคลาสสิกที่ทำให้ผมหลงใหล Marvin Gaye หรือ Otis Redding ที่ทำให้ผมมีความสุขเสมอเมื่อหยิบแผ่นมาเปิดฟัง แต่สำหรับตั้งแต่ยุค 2000 เริ่มต้นขึ้น ต้องยกให้ John Legend เป็นดาวเด่นแห่งยุค และพร้อมเป็นตำนานสมชื่อเขาจริงๆ

1280-john-legend-man-made-music

John Legend (จอห์น เลเจนด์) ชื่อเดิมคือ John Stephens เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานในโอไฮโอ แต่ถึงพื้นฐานจะไม่ได้ดีมาก แต่ครอบครัวก็เลี้ยงเขาอย่างดี แค่อายุห้าขวบเขาก็เล่นเปียโนได้ และก็ร่วมร้องเพลงกับวงประสานเสียงของโบสถ์ตั้งแต่ยังเล็ก (ตามสไตล์โบสถ์ชาวผิวสี) แม้ต่อมาพ่อแม่เขาจะหย่าร้างกัน แต่เขาก็ยังเป็นเด็กตั้งใจ พอจบม.ปลายก็ได้มหาวิทยาลัยดังๆส่งเทียบเชิญรับเข้าเรียน แต่เขาก็เลือกเข้าเรียนที่ U. of Pennsylvania ในฟิลาเดเฟีย และเริ่มโปรเจ็คต์งานเพลงต่างๆตั้งแต่สมัยเรียน และด้วยความโดดเด่นของผลงานของเขา ทำให้เริ่มขายฐานแฟนเพลงออกไปจากฟิลาเดเฟีย กว้างไปถึงนิวยอร์ก และฝากผลงานเสียงเปียโนในเพลง Everything is Everything ของ Lauren Hill อีกด้วย

Monday, October 7, 2013

MGMT ไม่ใช่แค่วงฮิพๆ

ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต Napster MP3 YouTube Facebook และ Myspace อุบัติขึ้นมา มีวงดนตรีหลายต่อหลายวงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ด้วยความเป็นวงฮิพ เก๋ นำเทรนด์ สร้างชื่อออนไลน์ จนดังขึ้นมา แต่ก็เป็น One Trick Pony พอเทรนด์เปลี่ยน คนก็ไม่สน จนวงฮิพๆเหล่านั้นล้มหายตายจากไปหลายวง แต่บางวง แม้จะเริ่มด้วยการเป็นวงฮิพ แต่กลับสามารถพัฒนาตัวจนอยู่ในวงการเพลงได้อย่างมั่นคง หนึ่งในนั้นคือ MGMT นี่ล่ะครับ

MGMT02

MGMT เริ่มต้นขึ้นในปี 2002 โดยเพื่อนคู่หูเด็กอาร์ตปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย Wesleyan ใน คอนเนคติคัต สหรัฐ ประกอบด้วย Andrew VanWyngarden (แอนดริว ร้องนำ และทำเกือบทุกอย่าง) Ben Goldwasser (เบน ร้อง และเล่นหลายอย่างเช่นกัน) ทีแรกพวกเขาก็ไม่ได้คิดจะตั้งวงดนตรีอะไรหรอก แต่ตั้งใจแค่มานั่งคุยกัน เปิดเพลงที่ชอบให้กันฟัง ไปๆมาๆ พวกเขาก็เริ่มทำเพลง แสดงสดบนเวที โดยผสมผสานซาวด์แนว Noise Rock เข้ากับดนตรีอีเล็กโทรนิกส์ และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ทำงานเพลงต่อและออกทัวร์ซัพพอร์ทให้กับวง of Montreal เพื่อดัน EP Time to Pretend ที่พวกเขาวางขายบน iTunes ในปี 2005 อีกด้วย

Monday, September 30, 2013

Passenger สืบสายบริทิชโฟล์ค

ผมเคยเขียนถึงแนวเพลง British Folk มาครั้งสองครั้งแล้วนะครับ ทั้งกับ Mumford and Sons และ Noah and the Whale รวมไปถึง Ed Sheeran ด้วย ซึ่งในครั้งนี้ ก็จะขอเขียนถึงอีกทีครับ แหม่ อเมริกันมีโฟล์คดีๆไม่น้อย แต่ผมติดใจสายอังกฤษมากกว่าครับ ซึ่งครั้งนี้ก็จะเป็นคิวของ Passenger หนุ่มจาก Brighton ครับ

arjanwrites_2008_passenger

Passenger เดิมเป็นชื่อของโปรเจ็คต์ร่วมกันของ Mike Rosenberg (ไมค์ นักร้อง นักเขียนเพลง) และ Andrew Phillips (แอนดริว นักประพันธ์) สมาชิกหลักสองคน ร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ซึ่งรวมตัวตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งวิธีเขียนชื่อวงให้ถูกต้องเป็น /Passenger นะครับ แหม่ ต้องมีลูกเล่น

Monday, September 23, 2013

Empire of the Sun หลุดไปในจินตนาการ

สิ่งนึงที่ทำให้เพลิดเพลินในการฟังเพลงคือการเสพเนื้อเพลงนะครับ ซึ่งแนวเพลงแต่ละแนวก็มักจะมีเนื้อเพลงแตกต่างกันไปตามโทนเพลง ไม่ว่าจะเป็นร๊อคอกหัก หรือถ้าเป็นยุคไซคีเดคลิกก็มันจะเพ้อๆล่องลอย เพลงเพื่อชีวิต แอนตี้สังคม ไปจนกระทั่งเพลงหาเรื่องต่อยกันอย่างฮิพฮอพ การเสพเนื้อเพลงนี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งครับ แต่กับแนวเพลงเต้นรำนี่ส่วนใหญ่เนื้อเพลงจะไม่ค่อยมีอะไรมาก แหม่ ก็คนมันอยากเต้น เน้นจังหวะไว้ก่อน จนมีเพลงล้อเลียนอย่าง The Fox ของ Ylvis (แนะนำให้ลองหาฟังครับ ฮา) แต่ก็ยังมีวงแนวเต้นรำบางวง จินตนาการบรรเจิด เขียนเนื้อเพลงแหวกๆหลุดโลกล้ำจินตนาการ หนึ่งในนั้นคือ Empire of the Sun

empire-of-the-sun-500759b7d569a

Empire of the Sun คือวงจากดาวน์อันเดอร์ ออสเตรเลีย จริงๆแล้วไม่ใช่วงหลักนะครับ เพราะสมาชิกทั้งสองคนต่างสังกัดวงของตัวเอง แต่มาร่วมงานกันในโปรเจคต์นี้เท่านั้น โดยที่ Nick Littlemore (นิค) ที่รับหน้าที่ภาคดนตรี ก็คือสมาชิกของวง PNAU วงแดนซ์สุดเก๋ที่ผมเคยเสนอไปเมื่อนานมาแล้วตอนเขียนเกี่ยวกับเพลงเต้นรำในออสเตรเลีย กับอีกคนคือ Luke Steele (ลุค) รับหน้าที่ร้องนำและกีตาร์ เขาคือนักร้องนำและแกนหลักของวง The Sleepy Jackson จริงๆจะว่าแกนหลักก็แปลกๆ เพราะเหมือนวงพี่แกเองเลยมากกว่า ใครไม่ถูกใจไล่ออกหมด ขนาดพี่น้องตัวเองยังโดน จนรายชื่ออดีตสมาชิกยาวขนาดไปตั้งวงใหม่ได้สามวง

Monday, September 16, 2013

White Lies: การเติบโตของเด็กหนุ่ม

White Lies คือการรวมตัวกันของเพื่อนวัยเด็กสามคนจากรอบๆลอนดอนคือ Harry McVeigh (แฮรี่ ร้องนำ กีตาร์) Charles Cave (ชาลส์ เบส แต่งเนื้อร้อง) และ Jack Lawrence-Brown (แจ๊ค กลอง) เนื่องจากเติบโตมาด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าสายใยที่เชื่อมพวกเขาไว้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

white-lies-event

พวกเขาเริ่มต้นชีวิตนักดนตรีด้วยการตั้งวง Fear of Flying ตั้งแต่อายุแค่ 15-16 เท่านั้น และหลังจากออกผลงานเพลงแนว Funk Punk กับสังกัดอิสระมาได้แค่สองซิงเกิ้ล และเป็นที่รู้จักด้วยการออกเล่นเปิดให้รุ่นพี่บ้าง พวกเขาก็ตัดสินในยุบ Fear of Flying ในปี 2007 เพราะว่า เมื่อพวกเขาเขียนเพลง Unfinished Business เสร็จ พวกเขาก็พบว่ามันสมบูรณ์แบบตามแนวทางที่พวกเขาค้นหา และต่างจากแนวทางที่ผ่านมา จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวงซะ

Monday, September 9, 2013

ตั้งวง นานๆทีกับหนังไทย

นานๆผมจะดูหนังไทยทีนะครับ ยิ่งดูในโรงนี่ ยิ่งนานมาก จนจำไม่ได้ว่าเรื่องสุดท้ายที่ดูคือเรื่องไหน สงสัยจะเป็น เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แล้วก็เฟลมากจนเล่นเอาขี้เกียจไปดูหนังไทยในโรงอีกเลย แต่ว่าครั้งนี้ ไปดูแล้วประทับใจจนต้องอยากเอามาเล่าสู่กันฟัง ตอนที่หนังสือพิมพ์วางแผงไม่รู้ว่าเรื่อง ตั้งวง จะยืนโรงอยู่กี่รอบกับ อาจจะไม่เหลือแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็อยากเล่าครับ ต่อให้ไม่ทันยุค เชยแค่ไหนก็ตามที เพราะว่านี่คือหนังไทยที่เด่นที่สุดเท่าที่ผมได้ดูในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลยทีเดียวครับ

1003782_10151825416133330_1348103452_n

หลังจากเข้าฉายเมื่อสัปดาห์ก่อน และได้รับคำชมจากหลายๆคนที่ไปดูรอบสื่อมา เลยทำให้ผมครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะไปดูหนัง ผลงานของพี่คงเดชแห่งวงสี่เต่าเธอขึ้นมามากๆ เพราะได้รับคำชมเยอะเหลือเกิน แถมตัวโปสเตอร์ก็น่าสนใจ เพราะนอกจากเจ้าเด็ก เกรียนสี่คน จะมาใส่ชุดไทยตั้งท่ารำ หรือที่เรียกว่า ตั้งวง (ซึ่งผมเองก็เพิ่งรู้จัก) เตรียมรำแก้บน ทั้งที่ไม่เข้ากับหน้า แถมโลโก้ชื่อเรื่องก็เหมือนกับหลุดมาจากขบวนการ์ซูเปอร์เซนไตของญี่ปุ่น ดูแล้วกวนแปลกๆดี

Sunday, August 25, 2013

Sonic Bang มันเต็มสูบ

ขณะที่เขียนคอลัมน์อยู่นี้ บอกตรงๆว่า สภาพยังไม่ฟื้นดีครับ เพราะกว่าจะกลับจากงานโซนิคแบงก็เล่นเอาตีหนึ่งล่ะ แถมทั้งยืนทั้งเต้นทั้งโยกตลอดหลายชั่วโมง เล่นเอาหมดแรงจริงๆ แต่เป็นการหมดแรงที่แฮปปี้มากๆครับ สมกับที่รองานโซนิคแบงมานานจริงๆ เป็นการมัน ชนิดที่เรียกว่า มันจนหมดสภาพก็ว่าได้

ในวันงาน ผมเลือกไปสายหน่อย ทั้งที่เริ่มจริงก็ตั้งแต่ 10 โมงเช้า แต่ไม่ไหวครับ สังขารปละภารกิจไม่เอื้ออำนวยเหมือนเด็กๆล่ะ และที่ไปเป้าหมายหลักๆคือ ไปให้ทันดู Far East Movement (จริงๆอยากดู Miyavi ด้วย แต่งานไม่เสร็จ) ไปถึงงาน รับบัตร แลกสายรัดข้อมือ ก็ไวดีครับ แป๊บๆเดียวก็เสร็จ เห็นว่าสายรัดข้อมือมี RFID ไว้แปะที่บูธหน้าฮอลแต่ละฮอลเพื่อเข้าชม แต่ดูเหมือนว่า จะยกเลิก ไปฮอลไหนก็เข้าได้ตามสะดวกเลย ผมเองก็ไปรอที่ฮอล POW เพื่อรอ FM ขึ้นเวทีอย่างใจจดใจจ่อ

พอพวกเขาขึ้นมาเท่านั้นล่ะครับ เฮทั้งฮอล ทั้ง 4 คน มาในยูนิฟอร์มเป็นจัมป์สูทขาวล้วน เล่นเอานึกถึง Beastie Boys ยุค Intergalactic เลย แถม J-Splif มีแผงอะไรห้อยคอมาก็ไม่รู้ครับ นึกว่าจะมาขายลอตเตอรี่ พวกเขาอัดหนักด้วย Ain’t Coming Down กับ Wild Things ก่อนจะเฉลยตอนท้ายว่าที่ห้อยคอมาคือแท็บเล็ตที่ใช้เป็นแผงแซมเปิ้ล4ตัว จิ้มกันเพลิน ก่อนที่จะแซมเปิ้ลอินโทรเพลง Like a G6 เพลงดังของพวกเขา ฮอลยิ่งสนั่นหนักกว่าเดิมครับ พวกเขามาแบบจัดหนัก เบสบวม แถม Drop the Bass ไม่รู้กี่รอบ โคตรมัน

Monday, August 5, 2013

Editors: กลับมาพร้อมกับเสียงใหม่

ในวงการเพลงอังกฤษ มีหลายวงที่ได้รับอิทธิพลจาก Joy Division วงดนตรีที่บุกเบิกแนวทางเพลงโพสต์พังค์ พร้อมกับภาพลักษณ์ของชายหนุ่มผู้เกรี้ยวกราด Editors เองก็เป็นอีกวงที่ได้รับอิทธิพลจาก Joy Division เช่นกัน แต่พวกเขาก็เองก็ได้หยุดอยู่กับซาวด์เดิมซ้ำไปมาเหมือนอีกหลายวง แค่พวกเขาเลือกที่จะสร้างเสียงใหม่ๆให้กับเพลงของพวกเขาเอง

96943e84

Editors คือการรวมตัวกันของนักศึกษาด้านเทคโนโลยีดนตรีของมหาวิทยาลัย Staffordshire โดยใช้ชื่อแรกว่า Pilot ก่อนจะเปลี่ยนเป็น The Pride, Snowfield และเริ่มออกผลงานในระดับอินดี้ ก่อนสุดท้ายจะมาลงตัวที่ Editors (ใช้อะไรคิดในการตั้งแต่ละชื่อกันนี่) โดยไลน์อัพคือ Tom Smith (ทอม ร้องนำ กีตาร์) Chirs Urbanowicz (คริส กีตาร์ ซินธ์) Russell Leetch (รัซเซล เบส) และ Ed Lay (เอ็ด กลอง)

Thursday, August 1, 2013

นายกปู ญี่ปุ่น รังไข่แก่ และ หาสามี

เมื่อวานมีประเด็นเรื่อง ปกนิตยสารญี่ปุ่นที่นายกไปโผล่ พาดหัวว่า "รังไข่แก่ และการหาสามี" แพร่ไปทั่วเน็ต ซึ่ง ถ้าคนแปลอย่างนั้นไม่มีความรู้เรื่องภาษาที่ดี ก็ไม่แปลกอะไรล่ะครับ มาดูดีกว่าว่า จริงๆแปลว่าอะไร (เอาจริง รังไข่แก่และการหาสามี มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลยด้วย)

547688_617783024921541_1682214318_n
พาดหัวญี่ปุ่นคือ 卵子の老化と婚前「卵活」ความหมายจริงๆก็ตามนี้ครับ

Monday, July 29, 2013

Beady Eye ก้าวออกจากเงาของตัวเอง

หลังจากการลาออกจากวงของ โนเอล กัลลาเกอร์ แกนนำ และนักแต่งเพลงหลักของวงระดับตำนานแห่งยุค ’90 อย่าง Oasis ซึ่งเป็นเหมือนวงในดวงใจของวัยรุ่นยุคนั้น (ผมด้วย) ชนิดที่ หลายคนที่เล่นกีตาร์คงต้องเคยเล่นเพลง Wonderwall กันบ้างล่ะ ทุกคนก็ต่างหวังว่า ไอ้สองพี่น้องตระกูลกัลลาเกอร์สุดปากหมา มันคงแค่จะทะเลาะกันชั่วคราว ไม่ได้กะจะเอากันตาย เดี๋ยวก็คงกลับมาคืนดีกัน ทำงานต่อ แต่ไปๆมาๆ ก็ไม่เห็นแววที่มันจะกลับมาร่วมงานกันอีกซะที จะว่าไปก็คงไม่แปลก เพราะไอ้สองคนนี้มันเกลียดกันชนิดที่ว่า ไม่อยากทัวร์ต่างประเทศเพราะว่าทรมานที่ต้องนั่งข้างๆกันนานๆในเครื่องบิน

beady-eye

และเมื่อเริ่มชัดเจนว่า สองพี่น้องนี้จะไม่กลับมาร่วมงานกันอีกแล้ว อย่างน้อยแฟนเพลงก็ได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่า สมาชิกที่เหลือของ Oasis ก็ตัดสินใจจะทำงานเพลงต่อไป โดยมีแกนนำเป็นน้องชายปากหมา นายเลียม กัลลาเกอร์ แทนพี่ชาย แต่จะใช้ชื่อ Oasis ต่อไป ก็คงมิงาม พวกเขาเลยตัดสินใจเรียกตัวเองว่า Beady Eye แทนซะ

Monday, July 22, 2013

Tom Odell ขอไฝ่ว์นักวิจารณ์

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ศิลปินคนหนึ่งดังขึ้นมาได้ นอกจากแฟนเพลงและต้นสังกัดแล้ว ก็หนีไม่พ้น นักวิจารณ์เพลง ซึ่งแต่เดิม ก่อนยุคอินเตอร์เน็ต ก่อนที่คนจะหาข้อมูลศิลปินได้ง่าย ก่อนที่คนจะลองหาเพลงมาฟังได้อย่างง่ายดาย ทั้งโหลดเถื่อน ทั้งเปิด Youtube ดู แต่ก่อน ข้อมูลเรื่องดนตรีที่พอจะพึ่งพาได้ก็นักวิจารณ์เพลงตามนิตยสารต่างๆนี่ล่ะครับ แต่พอเวลาเปลี่ยนไปตามที่บอก บทบาทของนักวิจารณ์เพลงก็ค่อยๆลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ ถึงจะเป็นอย่างนั้น อิทธิพลของพวกเขาก็ยังคงอยู่บ้าง ขนาดที่บางครั้งนักวิจารณ์เพลงก็ยังสามารถเชียร์ซะจนศิลปินหลายคนดังขึ้นมาได้ และบางทีก็สามารถขยี้ชีวิตนักดนตรีของศิลปินได้เช่นกัน และ Tom Odell ก็เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่กลายเป็นศูนย์กลางของข่าวร้อนๆเมื่อมีปัญหากับนักวิจารณ์

tom odell

ก่อนอื่น เรามาย้อนดูก่อนว่าเขาคือใครกัน Tom Odell คือหนุ่มน้อยวัย 20 ต้นจาก Chichester ใน Sussex ประเทศอังกฤษ เขาเติบโตมาในครอบครัวธรรมด้าธรรมดา พ่อขับเครื่องบิน แม่สอนหนังสือ แต่เขาก็สนใจในงานเพลงเป็นอย่างมาก เขาเริ่มเรียนเปียโนคลาสสิกตั้งแต่เล็ก และเริ่มแต่งเพลงเองตั้งแต่อายุ 13 แต่กลับไม่บอกใคร เพราะคิดว่าไม่เท่ (แต่จริงๆคงจะอายสินะ) ซึ่งศิลปินที่ส่งอิทธิพลต่อเขามากตั้งแต่ในวัยเด็กก็คือ Elton John กับเปียโนคู่ใจ นอกจากนี้ยังมีนักร้องนักแต่งเพลงคนอื่นอย่าง Jeff Buckley, Leonard Cohen, Randy Newman และ Tom Waits

Monday, July 15, 2013

Noah and the Whale ฉีกออกจากเพื่อนร่วมรุ่น

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เทรนด์แนวเพลงโฟล์คยุคใหม่ของอังกฤษก็ได้รับความนิยมมาก ไม่เพียงแต่ในบ้านตัวเอง แต่ยังสามารถข้ามฝั่งไปดังถึงทางอเมริกา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Mumford and Sons ที่เคยเขียนถึงไปแล้ว และยังมีศิลปินร่วมรุ่นวงอื่นอีก ซึ่งถ้าพูดถึงแนวเพลงนี้แล้ว ก็ต้องพูดถึง Noah and the Whale อีกวงดังของอังกฤษ ที่มาพร้อมกระแสนี้ แต่สามารถฉีกไปจากแนวทางเดิมๆได้

noah2

Noah and the Whale คือวงที่ตั้งขึ้นใน Twickenham ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2006 โดยสมาชิกคือ Charlie Fink (ชาลี ร้องนำ กีตาร์) Tom Hobden (ทอม ไวโอลิน คีย์บอร์ด) Matt Owens (แมต เบส) Fredd Abbott (เฟรด กีตาร์) และ Michael Petulla (ไมเคิล กลอง) ซึ่งแต่เดิมมีสมาชิกอีกสองคนคือ Doug Fink น้องชายของชาลีในตำแหน่งกลอง ก่อนที่จะลาออกจากวงไปเพื่อที่จะเรียนต่อแพทย์ แล้วได้ไมเคิลมาแทน และอีกหนึ่งคือ Laura Marling แฟนของชาลี ที่ทำหน้าที่ร้องเสริม ที่ออกจากวงไปเพื่อทำงานเดี่ยว พร้อมทั้งจบชีวิตคู่ของทั้งสองด้วย แต่ต่อมาเธอก็กลายเป็นศิลปินในแนวเพลงเดียวกันที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก (อาจจะคุ้มกันก็ได้นะ)

Monday, July 8, 2013

ถวิลหา กับการวัฒนธรรมคอนเสิร์ต

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมสะดุดสายตากับโฆษณาใหญ่ยักษ์อันหนึ่ง ที่สถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรี ที่สะดุดตา เพราะมันคือโฆษณาโปรโมตคอนเสิร์ตที่ชื่อว่า Reunion เป็นการรวมตัวกันจัดคอนเสิร์ตของนักร้องเพลงพ๊อพที่ดังในช่วงสิบกว่าปีที่แล้วของค่ายเพลงใหญ่ของเมืองไทย

music-lights-live-concert-club

ที่สะดุดเพราะเล่นเอาผมคิดขึ้นมาในสมองทันทีว่า “อีกแล้วเหรอ” เพราะช่วงหลายที่ผ่านมา คอนเสิร์ตใหญ่ๆในบ้านเราหลายต่อหลายครั้ง แทนที่จะเป็นศิลปินที่ดังอยู่ในตอนนี้ กลับเป็นคอนเสิร์ตรวมศิลปินรุ่นเก่า ที่ออกมาโยกย้ายส่วนสะโพกให้ให้แฟนๆรุ่นใหญ่ได้ตื่นเต้นกัน (ใช้คำว่ารุ่นใหญ่อาจจะโดนรุมกระทืบได้)

Monday, July 1, 2013

Twenty One Pilots – Vessel

วงน้องใหม่จาก โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ที่อยู่ภายใต้สังกัด Fueled By Ramen บ้านเดียวกับศิลปินอย่าง Fun. และ Gym Class Heroes และแน่นอนว่า เมื่อค่ายที่ผลิตวงเจ๋งๆออกมาไม่น้อยลงทุนเซ็นสัญญากับพวกเขา ก็แสดงว่าพวกเขาเองต้องมีทีเด็ดไม่น้อยเหมือนกัน

top-new

Twenty One Pilots เริ่มต้นด้วยการฟอร์มวงของเพื่อนนักศึกษาในปี 2009 สมาชิกคือ Tyler Joseph (ไทเลอร์ ร้องนำและเกือบทุกอย่าง) Nick Thomas (นิค เบส) และ Chris Salih (คริส กลอง) โดยที่ไทเลอร์เสนอชื่อ Twenty One Pilots ที่ได้มาจากบทละครของอาเธอร์ มิลเลอร์ และพวกเขาก็เริ่มตั้งต้นทำงานเพลงจนสามารถออกอัลบั้มแรกด้วยตัวเอง ชื่อเดียวกับวงในปี 2009 แต่เพราะตารางกิจกรรมถี่เกินไป นิค และ คริส จึงขอลาออกจากวง ทำให้ Joseph Dun (โจเซฟ กลอง) เข้ามาร่วมวงแทนกลายเป็นดูโอไป

Bastille–Bad Blood

ถึงชื่อจะฟังแล้วนึกถึงประเทศฝรั่งเศส แต่จริงๆแล้ว Bastille คือวงน้องใหม่จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ กถึงประเทศฝรั่งเศส (ผมนึกถึงคุกดัง) รอบนี้เลยขอเสนอสองวงใหม่ที่ได้ฟังแล้วเห็นว่าน่าสนมาให้ฟังกันครับ

Bastille

ซึ่งกำลังเก็บเกี่ยวความสำเร็จจากเพลงดัง Pompeii จากอัลบั้มเปิดตัว Bad Blood

Monday, June 17, 2013

Foals ไม่เคยหยุดนิ่ง

ทีแรกอยากจะเขียนเกี่ยวกับหนัง Man of Steel ที่ได้ไปดูมาเมื่อวานหมาดๆ แต่รู้สึกประทับใจเอาเรื่อง แต่นึกอีกที จะนอกเรื่องสองสัปดาห์ติด ก็คงจะมิงามนัก เลยตัดสินใจ เขียนเรื่องเพลงตามถนัดดีกว่า และพอดีกับที่ได้ซีดีของวงที่น่าสนมากๆอย่าง Foals จึงอยากเขียนถึงพอดีเลย

Foals Press Shot

Foals เกิดขึ้นในเมืองอ๊อกฟอร์ดของประเทศอังกฤษ พวกเขาเริ่มต้นจากการตั้งวงของ Andrew Mears (แอนดริว ร้องนำ) โดยดึงเอง Yannis Philippakis (ร้องนำ กีตาร์) และ Jack Bevan (แจ๊ค กลอง) ที่เพิ่งยุบวง The Edmund Fitzgerald ตามด้วย Jimmy Smith (จิมมี่ กีตาร์) และ Walter Gervers (วอลเตอร์ เบส) พวกเขาเรียกตัวเองว่า Foals และทำซิงเกิ้ลออกวางขายเองเพลงหนึ่ง ก่อนที่ Andrew จะออกจากวงไปเพื่อโฟกัสกับวงหลักของเขานั่นคือ Youthmovies ปล่อยเพื่อนๆไว้ตามมีตามเกิด Yannis เลยต้องเพิ่มหน้าที่ร้องนำเข้ามา จากแต่เดิมคิดแค่จะเล่นกีตาร์ และพวกเขาก็ได้ดึงเอา Edwin Congreave (เอ็ดวิน) เข้ามาเพิ่มในฐานะมือคีย์บอร์ด ทั้งๆที่เขาไม่เคยเล่นคีย์บอร์ดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และในที่สุด ไลน์อัพของ Foals ก็สมบูรณ์เสียที

Monday, June 10, 2013

Hello Myanmar 24 ชม. ในเมียนมา

จั่วหัวแบบนี้ ชัดครับ นอกเรื่องดนตรีอีกแล้ว แฮ่ นานๆที คงไม่เป็นไรนะครับ พอดี มีโอกาสได้ไปประเทศเมียนมา หรือที่เราคุ้นกันดีว่า พม่า ซึ่งผมพยายามจะเรียกว่า เมียนมา มากกว่า เพราะถือเป็นการให้เกียรติเขา ที่กลับมาใช้ชื่อประเทศเดิม ไม่ใช่ชื่อที่ต่างชาติตั้งให้เพราะสะดวกปาก (รวมไปถึงเมือง ย่างกุ้ง ไม่ใช่ แรงกูน แบบสำเนียงฝรั่ง) ซึ่งเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน (อย่าง บอมเบย์ ก็เป็น มุมไบ แทน)

P1040719

ที่มีโอกาสได้ไปเมียนมาเป็นครั้งแรก เพราะถูกเรียกตัวไปช่วยงานล่ามภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นโดยกะทันหัน แบบ บอกวันเสาร์ บินเย็นวันจันทร์ เลยต้องรีบจองตั๋วเครื่องบิน รีบไปยื่นวีซ่าด่วน (ก็ยังงงว่า ASEAN ทำไมต้องขอด้วย ไปที่อื่นก็ Visa on Arrival ได้) ตกเย็นก็บินกับบางกอกแอร์เวย์ไปย่างกุ้งวันนั้นเลย แถมไปแบบแค่ 24 ชม.

Monday, June 3, 2013

Hurts เมื่อยุค 80 ย้อนกลับมา

วงดนตรีก็เหมือนแฟชั่น ที่มักจะมีลูปวนรอบมันออกมา เทรนด์เพลงที่เคยฮิตในอดีต ก็มักจะกลับมาฮิตได้อีกครั้ง เพราะวงดนตรีรุ่นใหม่ ก็มักจะอยากทำเพลงโดยมีอิทธิพลจากเพลงที่ตนเองเคยฟังในอดีต ดังนั้นลูปของดนตรีก็จะวนรอบกลับมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ Hurts ที่ทำเพลงที่ได้รับอิทธิพลจากอดีต และนำมาเจิดจรัสในยุคนี้ได้อย่างงดงาม

Hurts

Hurts เริ่มต้นได้อย่างประหลาด เมื่อ Theo Hutchcraft (ธีโอ ร้องนำ) และ Adam Anderson (อดัม คีย์บอร์ด ซินธิไซเซอร์) เจอกันในคลับที่แมนเชสเตอร์ เนื่องจากเพื่อนของพวกเขากำลังซัดกันนัว แต่พวกเขาเมาเกินกว่าที่จะไปร่วมวง เลยนั่งคุยกันเรื่องเพลงแทน และพบว่ารสนิยมเพลงของทั้งคู่ตรงกันพอดี จึงตัดสินใจตั้งวงร่วมกัน โดยทำงานผ่านทางอีเมล จนในปี 2006 พวกเขาก็ตั้งวง Bureau ในปี 2006 และออกเล่นตามคลับ กับออกซิงเกิ้ลด้วยตัวเอง ซึ่งทำได้ดีถึงกับได้เป็นซิงเกิ้ลประจำสัปดาห์ของสถานีอินดี้ชื่อดังอย่าง XFM แต่พวกเขาก็ยุบวง และตั้งวงใหม่ชื่อ Daggers แทนในปีถัดมา

Monday, May 27, 2013

Phoenix ในที่สุดก็ดังซะที

วงบางวงก็เริ่มต้นจากการเป็นวงเล็กๆ ออกอัลบั้มมาไม่น้อย ก่อนที่จะมี Turning Point ออกผลงานดัง จนเปลี่ยนตัวเองจากวงระดับธรรมดา กลายเป็นวงแถวหน้า และออกผลงานที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลงได้ และ Phoenix เองก็เป็นหนึ่งในวงประเภทที่ว่า

phoenix2

Phoenix คือวงที่จุติในประเทศฝรั่งเศส โดยมีสมาชิกวงคือ Laurent Brancowitz (โลรอง กีตาร์) Thomas Mars (โทมัส ร้องนำ) Deck d'Arcy (เดค เบส) และ Christian Mazzalai (คริสเตียน กีตาร์) โดยเริ่มต้นคือ สามหนุ่มหลัง เริ่มตั้งวงการาจเล่นกันเองในบ้านของพวกเขาในปารีส ก่อนที่ต่อมา ปี 1995 โลรอง พี่ชายของคริสเตียนที่เพิ่งยุบวง Darlin’ (ที่ร่วมงานกับ โทมัส และ กี แห่ง Daft Punk จะว่าไป เขาคือสมาชิกคนที่ 3 ของ Daft Punk ก็ว่าได้) ก็เข้ามาร่วมแจมเป็นสมาชิกถาวรอีกคน กลายเป็นไลน์อัพ 4 คนที่ไม่เคยเปลี่ยนของวง Phoenix

Monday, May 20, 2013

Justin Timberlake เปลี่ยนแนวแล้วรุ่ง

ในวงการเพลง อิมเมจตอนเริ่มต้นเปิดตัวของศิลปินขายดีโดยมากแล้วมักจะฝังกับตัวศิลปินคนนั้น การที่จะเปลี่ยนแนวเพลง เปลี่ยนสไตล์ แล้วประสบความสำเร็จเหมือนเดิมก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะคนจำภาพเดิมมากกว่า ยิ่งศิลปินป๊อปวัยใสหลายคนที่พออายุมากขึ้นก็พยายามจะเปลี่ยนแนวมาเป็นศิลปินจริงจัง แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความล้มเหลวกันโดยมาก แต่ต้องยกเว้นให้กับคนนึงคือ Justin Timberlake

20experienceTom-Munro_justin-timberlake

Justin Timberlake เกิดปี 1981 ในเทนเนซซี อเมริกา โดยเขาเริ่มเข้าวงการตั้งแต่เด็กๆ โดยเริ่มจากรายการทางช่องดิสนีย์ นั่นคือ The New Mickey Mouse Club โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นที่กลายมาเป็นดาราดังหลายรายคือ JC Chasez อนาคตเพื่อนร่วมวง Britney Spears ว่าที่แฟนในอนาคต Christina Aguilera รวมไปถึง Ryan Gosling (คนหลังนี่เงิบสุด) เรียกได้ว่าแววออกแต่เด็ก

Monday, May 13, 2013

The Phantom of the Opera คุ้มค่าแบบไม่ต้องไปไกล

พอได้ดู Les Miserable ฉบับภาพยนตร์ (ที่เคยเขียนไปแล้ว) ผมก็เริ่มสนใจอยากที่จะดูละครเพลงบอร์ดเวย์ สดๆขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะพอดูภาพยนตร์แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ได้ดูยากมากมายอะไรนักหนา เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองดูมั่ง ส่วนนึงคงเป็นเพราะตัวเองก็เคยทำละครเวทีสมัยเป็นนักศึกษามาก่อน (แต่ไม่น่าเอามาเทียบหรอกครับ อายส์) แต่ที่ผ่านมาก็รู้สึกกลัวว่าจะต้องปีนบันไดดู ที่ผ่านมาเลยไม่ได้ดูซะที ไม่ว่าจะเป็นมิวสิคคอลที่มาไทยอย่าง Cats หรือที่เล่นในญี่ปุ่นอย่างยาวนานอย่าง Lion King แต่ในใจอีกส่วนหนึ่งด็คิดว่าอยากดูเรื่องที่ร๊อคๆอย่าง American Idiot หรือเรื่องจากหนังโปรดอย่าง Billy Elliot แต่ก็ไม่มีโอกาสซะที

โชคดีที่ BEC Tero ได้นำเอามิวสิคคอลเรื่องดังอย่าง The Phantom of the Opera เข้ามาแสดงในไทย ส่วนตัวแล้วผมเองถือว่ายังซิงกับเรื่องนี้ เพราะไม่เคยดูในเวอร์ชั่นไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นนหนังฉบับลอน เชนีย์ที่เลื่องลือ หรือเวอร์ชั่นใหม่อย่างของเจอราร์ด บัตเลอร์ ยิ่งทำให้ดีใจที่จะได้ดูผลงานเรื่องนี้เป็นครั้งแรกก็แบบละครเพลงเลย

Monday, May 6, 2013

Fall Out Boy ในที่สุดก็กลับมา

วงดนตรีหลายๆวง เมื่อทำงานเพลงได้ซักระยะนึงก็จะหยุดกิจกรรมของวงไป ด้วยสาเหตุสารพัดตามประสาอาร์ตติสต์ ที่ให้สาเหตุว่าอยากพักผ่อนบ้าง อยากหาอะไรใหม่ๆทำบ้าง บางวงก็เงียบไปทั้งอย่างนั้นเลย บางวงก็กลับมารวมตัวกันอีก ทำเพลงดีกว่าเดิมบ้าง เหมือนกับแยกกันไปฝึกวิชาแล้วกลับมารวมตัวกัน ซึ่งอีกวงที่หายไปนานแล้วกลับมาได้อย่างงดงามในปีนี้คือ Fall Out Boy

fall_out_boy_20131

ต้นกำเนิดของ Fall Out Boy คือการรวมตัวกันของสมาชิกของวงร๊อควงนู้นนี้ในชิคาโก และสุดท้ายกลายมาเป็น Fall Out Boy โดยมีสมาชิกคือ Patrick Stump (แพทริค ร้องนำ กีตาร์) Pete Wentz (พีท เบส) Joe Trohman (โจ กีตาร์) และ Andy Hurley (แอนดี้ กลอง) โดยได้ชื่อดังกล่าวจากแฟนเพลงที่เสนอชื่อมาโดยไอเดียมาจากตัวละครใน The Simpsons

Monday, April 29, 2013

Paramore การจุติใหม่

สำหรับวงดนตรี การเสียสมาชิกสำคัญหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ หลายวงถึงกับไปต่อไม่ได้และต้องแยกย้ายไปตามทางใครมัน แต่สำหรับบางวง กลับกลายเป็นนิมิตหมายใหม่ของวง ให้รีแบรนด์ตัวเองและค้นพบเส้นทางใหม่ๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆคือ Joy Division ที่กลายมาเป็น New Order และอีกวงที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างน่าสนใจเมื่อขาดสมาชิกวงไปก็คือ Paramore

 Paramore-Fourth-Album

Pamore เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2003 เมื่อนักร้องสาวอายุ 13 Harley Williams (ฮาร์ลีย์) ย้ายไปที่ Tennessee และได้พบกับพี่น้อง Josh Farro (จอช กีตาร์) และ Zac Farro (แซ๊ค กลอง) และเริ่มตั้งวงกันโดยมี Jeremy Davis (เจเรมี่) เล่นเบสให้ และเลือกชื่อวง Paramore ที่แปลว่า Secret Lover

Monday, April 8, 2013

Sound City ทริบิวต์ให้กับสตูดิโอ

คนที่ฟังเพลง คงเคยชินกับงานเพลงประเภท Tribute ที่มาร่วมกันทำเพลงเพื่อยกย่องศิลปินรุ่นพี่ ที่เหมาะสมกับการยกย่องกันเป็นประจำ แต่มาคราวนี้ แปลกไปกว่าปกติ คือการทำงานเพลงเพื่อยกย่องสตูดิโอ ใช่แล้วครับ สตูดิโอ ที่ปกติเราก็ไม่ค่อยรู้กันหรอกว่าอัดเสียงกันที่สตูดิโอไหน แต่ที่เค้าทำเพลงยกย่องกันในวันนี้คือ Sound City Studio สตูดิโอในตำนานที่เป็นแหล่งให้กำเนิดงานเพลงระดับมาสเตอร์พีซหลากหลายชิ้น

sound-city-poster

Sound City Studio คือสตูดิโอในตำนาน ที่อยู่ที่ San Fernando Valley ใน ลอสแองเจลิส ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1969 และเป็นสตูดิโอที่อัดเสียงงานเพลงชื่อดังในประวัติศาสตร์มากมาย เป็นศูนย์กลางของนักดนตรีหลายราย วงดนตรีอยู่กับสตูดิโอเหมือนกันครอบครัว มีประวัติศาสตร์ต่างๆที่รายล้อมสตูดิโอแห่งนี้ ด้วยความที่มันมีจุดเด่นที่เสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากเสน่ห์ของอนาลอก ที่อัดลงในเทป ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยปรุงแต่ง ทำให้ได้เสียงที่ดิบและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นผลมาจากบอร์ดควบคุมที่สั่งทำขึ้นพิเศษ ราคาแพงกว่าบ้านเจ้าของสตูดิโอเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็ตอบแทนอย่างคุ้มค่า เพราะมันกลายเป็นบอร์ดในตำนานของวงการเพลงร๊อคไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียกลองที่ออกมาจากจากสตูดิโอนี้ มีความโดดเด่นจนกระทั่งศิลปินอย่าง Metallica เมื่อฟังเสียงกลองที่อัดจากหลายๆสตูดิโอ โดยไม่ระบุว่ามาจากสตูดิโอไหนบ้าง ก็เลือก Sound City เป็นที่อัดเสียงงานชุด Death Magnetic หรือ Dave Grohl เคยยื่นเงื่อนไขให้กับ Nine Inch Nails ว่า ถ้าจะให้ช่วยไปอัดเสียงกลอง ก็ขออัดแค่ที่สตูดิโอนี้เท่านั้น

Monday, April 1, 2013

Bloc Party: Live in Bangkok

ตามที่เคยเขียนไปแล้วว่า หลังจากพลาดโอกาสดูคอนเสิร์ตของ Bloc Party สมัยเรียนที่ญี่ปุ่น แล้ววงก็แทบจะแตกไปรอบนึง จนคิดว่า ชาตินี้ทำบุญร่วมกันมาน้อยเกินไป คงไม่ได้ดูล่ะ ไปๆมาๆ พวกเขากลับมารวมตัวกันทำอัลบั้มใหม่เมื่อปีก่อน โล่งใจไปเปลาะนึง อย่างน้อยก็วางใจได้ว่ายังไม่แยกวง แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนมีโบนัส คือ พวกเขาตกลงจะมาเล่นสดให้พวกเราดูถึงไทยในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา

P1040098

และพอวันงาน ผมก็ไปพร้อมที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นใน Bangkok Convention Center จัดว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างสะดวกเพราะอยู่ในเมืองเลย รอบๆมีสินค้าที่ระลึกขาย กับคนทำสกูปอยู่ไม่น้อย และพอรอไม่นาน วงเปิด Desktop Error ก็ขึ้นเล่นบนเวทีรอแล้ว

Sunday, March 24, 2013

Disney on Ice เปลี่ยนไปดูโชว์บ้าง

Technorati Tags:

ช่วงนี้ชีวิตมีความสุขครับ อีเวนต์เข้าตลอด ไปดูงานนู้นงานนี้ติดๆกันเลย วันนี้ (ศุกร์ที่ 23 มีนาคม) ก็มีโชว์ วันอาทิตย์ก็มีคอนเสิร์ต Bloc Party วันจันทร์ก็มี Sound City สารคดีของเฮีย Dave Grohl อีเวนต์มาติดๆกันแบบนี้ ไปดูจนเหนื่อย แต่ก็มีสุขที่ได้ดูอะไรมันๆ แล้วจริงๆที่ไปดูหมาดๆเมื่อเย็นวันนี้ ก็คือ Disney on Ice ที่จะว่าไปก็เป็นโชวท์ที่แม้จะไม่เกี่ยวกับดนตรีโดยตรง แต่ก็ถือเป็นโชว์ที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงของดิสนีย์ หรือชอบดูสเกตน้ำแข็ง อันไหนก็เพลินครับ

url

จริงๆส่วนตัวผมเองก็พอจะดูสเกตน้ำแข็งบ้าง แม้บ้านเราจะไม่ค่อยฉาย แต่สมัยเรียนโทที่ญี่ปุ่น ก็ได้ดูทางทีวีบ่อยๆ เพราะญี่ปุ่นมีนักสเกตลีลาดังๆระดับโลกหลายคน แถมเป็นกีฬาโปรดแฟนผมด้วย เลยดูจนรู้เรื่อง บางทีดูๆไป ของงามๆพวกนี้มันก็ละลายหัวใจหยาบกร้านได้นะครับ เวลาดูแล้วก็นึกถึงตอนที่ ลีออง นักฆ่าพูดน้อยจาก The Professional ดูหนังเพลงแล้วเห็นตัวแสดงร้องไปเต้นไปแล้วบอกว่า ดูเหล่าเทพธิดาจริงๆ

Monday, March 18, 2013

Imagine Dragons ลาส เวกัส ไม่ได้มีแค่วงเดียว

Technorati Tags: ,

เมืองหลายเมืองในโลกนี้เป็นเหมือนแหล่งผลิตนักดนตรี ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ นิวยอร์ก บริสตอล แต่บางเมือง เวลาเราพูดถึงแล้ว คนก็คิดไม่ค่อยออกว่ามีวงดนตรีดังมาจากเมืองนั้นด้วยหรือ ยกตัวอย่างเช่น เมืองคนบาป ลาส เวกัส ที่เป็นแหล่งการพนันมากกว่าจะเป็นแหล่งทำเพลง จนกระทั่งวง The Killers ทำให้คนรู้ว่า ลาส เวกัสก็มีวงดนตรีดีๆด้วย และมาวันนี้ ทางที่พวกเขาถางไว้ก็มีคนเดินตามแล้ว นั่นคือ Imagine Dragons วงที่กำลังมาแรงนตอนนี้

Photo_Night Vis_300CMYKrz

Imagine Dragons คือวงน้องใหม่ที่เริ่มต้นทำงานเพลงในลาส เวกัส (แต่เริ่มตั้งวงในยูทาห์) ในปี 2009 พวกเขาประกอบด้วย Dan Reynolds (แดน ร้องนำ) Wayne Sermon (เวนย์ กีตาร์) Ben McKee (เบน เบส) และ Daniel Platzman (แดเนียล กลอง) โดยก่อนหน้านี้เคยมีสองพี่น้อง Tolman ที่เล่น กลอง กลับ คีย์บอร์ดให้กับวงด้วย ส่วนที่มาของชื่อพวกเขาคือ การเรียนตัวอักษรของคำๆหนึ่งใหม่ (Anagram) จนกลายเป็นคำนี้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเปิดเผยว่าคำตั้งต้นเป็นคำว่าอะไร

Sunday, March 3, 2013

The Blue Nile ของดีไม่ต้องมาบ่อย

Technorati Tags: ,

ตอนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เล่มนี้ พี่น้องชาวบางกอกรวมทั้งชาวจังหวัดอื่นก็คงทราบผลการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯกันเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะไปใช้สิทธิ์กันทุกคนนะครับ ได้คนที่ชอบก็ยินดีด้วย ได้คนที่ไม่ชอบก็ทนๆหน่อยครับ ตามรูปแบบระบบประชาธิปไตย หวังว่าต่อไปจังหวัดอื่นคงมีโอกาสได้เลือกบ้าง

The Blue Nile

กลับมาเรื่องดนตรี เมื่อเดือนก่อนผมเพิ่งได้งานอัลบั้ม Hats ฉบับ Re-Issued ของวง The Blue Nile วงโปรดที่ฟังมาตั้งแต่เรียนมัธยม แม้จะเป็นงานเพลงเก่าตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน แต่เมื่อหยิบมาฟังแล้วคุณภาพก็ไม่ได้ลดลงเลย พอมานึกดู ตลอดระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในวงการเพลงมานานถึงเกือบ 30 ปี แต่พวกเขากลับมีผลงานเพลงแค่ 4 ชุดเท่านั้น เทียบกับศิลปินเพลงพ๊อพที่พยายามจะเข็นงานเพลงออกมาขายถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาช่างทำเพลงอย่างใจเย็นจริง เหมือนการบ่มไวน์ชั้นดี ที่ต้องให้เวลากับมัน จึงจะได้งานเพลงที่กลมกล่อมและมีคุณภาพ ไม่ใช่งานสุกเอาเผากินแบบลวกๆ

Monday, February 25, 2013

Deadmau5 เกรียนหัวหนู

Technorati Tags: ,

เวลานึกถึงชื่อดีเจที่โดดเด่นมากๆในช่วงหลังๆ คนนึงที่คงไม่พลาดที่จะโผล่ขึ้นมาในความคิดคือ Deadmau5 ดีเจจอมเกรียนที่มีเอกลักษณ์ที่หัวหนูเลียนแบบมิกกี้เมาส์ขนาดยักษ์ที่เขาสวมไว้ตลอดเวลาขึ้นเวที แถมบางทีก็มีกิมมิคหัวหนูมีไฟวิ่งอย่างแรดอีกด้วย ด้วยความแหวกแนว (ถึงจะดูคล้ายๆ Daft Punk ก็เถอะ) แต่ไม่ใช่แค่หัวหนูหรอกที่ทำให้เขาดัง แต่การทำเพลงเก๋ๆของเขาต่างหากที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว

70345150

Deadmau5 หรือ เดดเมาส์ ชื่อจริงคือ Joel Thomas Zimmerman ชายหนุ่มจาก ออนตาริโอ แคนาดา เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีแม่เป็นศิลปินแต่พ่อทำงานในโรงงาน และสิ่งที่ทำให้เขาได้เข้าสู่การทำเพลงคือ โปรแกรมมิ่งคีย์บอร์ดที่เขาได้รับเป็นของขวัญคริสมาส

Monday, February 18, 2013

Blur – Park Live

Technorati Tags: ,

พออายุมากขึ้น หลายคนก็เริ่มจะปิดตัว ไม่ค่อยฟังเพลงใหม่ๆ แต่ไปฟังเพลงเก่าๆ คนรุ่นเดียวกับผมหลายคนก็ไปกรี้ดกันตามคอนเสิร์ตศิลปินไทยรุ่นเก่าที่ตัวเองฟังสมัยยังวัยรุ่นอยู่ อย่างนูโวบ้าง อัสนี วสันต์ บ้าง กระทั้งเจ เจตริน หรือพวก RS ก็ไปกรี้ดกันหมด แต่ส่วนตัวเนื่องจากไม่ได้ฟังเพลงแนวนั้นอยู่แล้ว เลยไม่ได้สนอะไร แต่ถ้าเป็นศิลปินตะวันตกที่ฟังสมัยวัยรุ่นมีสิ รับรองไม่เก็บอาหาร เหมือนตอนป๋าๆ Suede มาครั้งที่แล้ว นี่ก็สมใจมากๆ และวงหนึ่งที่กลับมาให้ได้ปลื้ม แม้จะไม่ได้มาเล่นสด แต่มาแบบแห้งเป็นแผ่น แต่ก็ยังคงความมันได้เป็นอย่างดี พวกเขาคือ Blur กับการแสดงสดที่ Hyde Park ในลอนดอนเมื่อปลายปีก่อน

url

วง Blur คือหนึ่งในตำนานของวงการเพลงอังกฤษอย่างแท้จริง พวกเขาคือตัวแทนของหนุ่มสำอางจากลอนดอนในช่วงต้นยุค ’90 ตั้งแต่ฟอร์มวงในช่วงปี 1988 มีผลงานสร้างชื่อช่วงแรกสองชิ้นคือ Leisure (1991) กับ Modern Life is Rubbish (1993) ที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาในวงการเพลง หลังจากความเงียบและซบเซาของประเทศอังกฤษในช่วงยุค ’80 พวกเขาก็เป็นกลุ่มที่สร้างภาพลักษณ์ของ Cool Britainnia ให้โลกต้องกลับมามองใหม่อีกครั้ง และร่วมเป็นหัวหอกของวงที่สร้างกระแส Brit Pop ร่วมกับ Suede และตามด้วย Oasis (ส่วน Radiohead ไม่น่าจะอยู่กลุ่มป๊อปนะ เหมือนอยู่อีกสาย)

Monday, February 11, 2013

LUNA SEA: The End of the Dream Live in Bangkok

Technorati Tags: ,

หลังจากที่ BEC Tero ได้จุดกระแสความมันของดนตรี J-Rock ในบ้านเราให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งด้วยคอนเสิร์ตของ X-Japan และ L’arc en Ciel ไปสองปีติดแล้ว งวดนี้ก็เป็นกระบี่เล่มที่ 3 จากญี่ปุ่นเช่นกันคือ Luna Sea วง J-Rock ชื่อดังในบ้านเราอีกวงนึง และคงเป็นที่รอคอยของหลายๆท่าน

LUNA SEA_028

พอถึงวันงาน ก็ตกใจนิดนึงที่คนน้อยกว่าที่เคยเจอ ดูเหมือนกระแสจะไม่แรงเท่าสองวงที่มาก่อน แต่แฟนเพลงที่มาก็จัดได้ว่า จัดเต็ม เอาเรื่องเลย แต่ละคนแต่งตัวกันอย่างเต็มสูบ ทางวงคงปลื้มไม่น้อย แถมคนญี่ปุ่นก็เยอะเอาเรื่อง แต่ละคนคงดีใจที่มีโอกาสได้ดูวงโปรดของตัวเองในต่างแดน

Monday, February 4, 2013

Les Miserables ดูหนังฟังเพลง

Technorati Tags: ,

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในที่สุดผมเองก็มีเวลาว่างพอที่จะไปหาความสำราญให้ตัวเอง ด้วยการตีตั๋วเข้าไปดูหนังในโรง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อยากทำบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกซะที แถมพอซื้อตั๋วเมื่อวาน แทบลมจับ ราคาตั๋วกดไปที่นั่งละ 200 ถ้าที่นั่งแถวหน้าก็ 180 โอว หนังเรื่องนึงทำไมมันแพงขนาดนี้ เวลาหันไปดูราคาดีวีดี (แท้) ตามแผงแผ่นละ 99 บาทแล้วรู้สึกว่า การดูภาพยนต์ในโรงนี่เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างจะหรูหราเอาเรื่องเลยนะ

Les-Miserables

แต่ภาพยนต์ที่มีแรงดึงดูดให้ยอมเสียเงินเข้าไปดูในโรงด้วยราคาลากเลือดได้คราวนี้ก็คือ Les Miserables ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ดัดแปลงจากหนังสือดังของวิคเตอร์ อูโก นักเขียนดังชาวฝรั่งเศสที่มีผลงานระดับคลาสสิกมากมาย และเรื่อง Les Miserables นี้ก็เป็นผลงานเด่นของท่าน ผมงงนิดหน่อยว่าทำไมชื่อไทยจึงเลือกใช้ชื่อทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศส เล มิเซราบล์ ทั้งๆที่ชื่อฉบับหนังสือแปลไทยที่ใช้ว่า เหยื่ออธรรม นั้นทั้งโดดเด่นและสื่อความหมายได้ดีมากๆ แต่กลับไม่ใช้

Sunday, January 27, 2013

The Best of 2012 ตอนจบ

Technorati Tags:

maccabeel

8. The Maccabees – Given to the Wild งานชุดที่สามของวงอินดี้จากลอนดอน อังกฤษ ที่เป็นก้าวกระโดดในการพัฒนางานเพลงของพวกเขา ตั้งแต่เพลงแรก Given to the Wild ก็ได้สร้างบรรยากาศที่ล่องลอยซ้อนทับกันของเลเยอร์ของเสียงได้เป็นอย่างดี ก่อนจะส่งต่อเข้าเพลงแรก Child ได้อย่างไร้ที่ติ และ Child เองก็โดดเด่นด้วยการเริ่มต้นอย่างเนิบๆคลอไปด้วยเสียงเครื่องเป่า ก่อนที่จังหวะจะเร่งเร้าขึ้นราวกับเพลงของชนเผ่าในแอฟริกา บวกกับเสียงกีตาร์ที่เล่นล้อไปกับเครื่องเป่า ซิงเกิ้ลแรกอย่าง Pelican อาจจะอินโทรขึ้นมาให้เราคิดว่าพวกเขาคงทำเพลงโจ๊ะๆเหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่าแม้จังหวะจะเร่งเร็วขึ้น แต่รายละเอียดของานเพิ่มขึ้น แนะนำให้ฟังทั้งอัลบั้มรวดเดียวเลย

Sunday, January 20, 2013

The Best of 2012 ตอนที่ 2

Technorati Tags:

12312032181

18. Paul Weller – Sonik Kicks เรียนป๋าพอล เวลเลอร์ ตำนานแห่ง Mod ที่ยังคงมีชีวิต ผมกราบขออภัยจากใจจริง ที่เคยสบประมาทป๋า ว่าป๋าหมดน้ำยา เป็นไดโนเสาร์หลงยุค ไม่มีปัญญาผลิตเพลงใหม่ที่มีคุณภาพแบบที่ป๋าเคยทำกับงานคลาสสิกสมัย The Jam และ The Style Council มาบัดนี้ผมได้รู้แล้วว่า ป๋าคือขิงแก่ของแท้ เพราะ Sonik Kicks ช่างเป็นงานที่ก้าวหน้า สดใหม่ เต็มไปด้วยพลัง ชนิดที่วงรุ่นน้องป๋ายังต้องอาย ขออภัยครับ แนะนำ Dragonfly

Sunday, January 13, 2013

The Best of 2012 ตอนที่ 1

Technorati Tags:

กิจกรรมประจำหลังจากผ่านแต่ละปีก็คือการจัดอันดับอัลบั้มยอดเยี่ยมของปีที่ผ่านมา ซึ่งก็แน่นอนว่าจัดตามความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งก็ต้องออกตัวว่าอาจจะพลาดหลายอัลบั้มที่หลายท่านชอบไป เพราะนอกจากจัดตามใจแล้ว ยังไม่ได้ฟังครบทั้งหมดด้วย (หลายแผ่นก็ไม่มีใครส่งให้ฟัง) ไปดูกันเลยดีกว่า

the-shins-port-of-morrow

30. The Shins – Port of Morrow ผมไม่ใช่แฟนของ The Shins มาก่อน ไม่ได้ชอบอัลบั้มก่อนที่คนชมอย่าง Wincing the Night Away แต่กลับมาติดใจอัลบั้มนี้มากๆ ตั้งแต่ได้ฟังซิงเกิ้ลแรกอย่าง Simple Song เพลงโฟลค์พ๊อพที่ฟังง่าย แต่ติดหูอย่างเหลือร้าย จนพอได้อัลบั้มมาฟัง ก็พบว่าเป็นงานเพลงโฟลค์เสพง่าย ติดหู เหมาะกับการฟังระกว่างขับรถสบายๆจริงๆ แนะนำ Simple Song

Monday, January 7, 2013

Looking Back 2012 มองย้อนกลับไป

สวัสดีปีใหม่ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ อะไรที่ไม่ดีก็ขอให้หายไปกับปีเก่า ส่วนปีใหม่ก็ขอให้พบแต่กับสิ่งดีๆนะครับ และก็เหมือนทุกๆปีที่ผมจะมองย้อนกลับไปดูว่า ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจบ้าง แต่เว้นเรื่องดนตรีไว้ เพราะว่านั่นเดี๋ยวค่อยไปดูตอนจัดอันดับรายปีอีกทีครับ แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องบอกด้วยว่า เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ

DSC_4138[5]

คอนเสิร์ตแห่งปี หัวข้อนี้ก็แบเบอร์มาเลยครับ แม้จะจัดตอนต้นปี แต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรกของ L’arc~en~Ciel ที่โด่งดังในบ้านเรามานาน แต่พึ่งได้โอกาสมาเล่นคอนเสิร์ตเต็มๆเป็นครั้งแรกเสียทีและก็ไม่เสียแรงรอครับ ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ เลือกเพลงก็ดี จะมีเสียนิดหน่อยก็ตรงที่จอภาพบางส่วนเสีย (ฮา) แต่โดยรวมแล้วประทับใจ สมกับที่แฟนๆรอกันมานานจริงๆ ทำออกมาซะซึ้งเชียวครับ ว่าแล้วก็อยากให้รีบมาเล่นอีกรอบเลย ปล. ผมไม่ได้ดู Lady Gaga ครับ