Monday, June 17, 2013

Foals ไม่เคยหยุดนิ่ง

ทีแรกอยากจะเขียนเกี่ยวกับหนัง Man of Steel ที่ได้ไปดูมาเมื่อวานหมาดๆ แต่รู้สึกประทับใจเอาเรื่อง แต่นึกอีกที จะนอกเรื่องสองสัปดาห์ติด ก็คงจะมิงามนัก เลยตัดสินใจ เขียนเรื่องเพลงตามถนัดดีกว่า และพอดีกับที่ได้ซีดีของวงที่น่าสนมากๆอย่าง Foals จึงอยากเขียนถึงพอดีเลย

Foals Press Shot

Foals เกิดขึ้นในเมืองอ๊อกฟอร์ดของประเทศอังกฤษ พวกเขาเริ่มต้นจากการตั้งวงของ Andrew Mears (แอนดริว ร้องนำ) โดยดึงเอง Yannis Philippakis (ร้องนำ กีตาร์) และ Jack Bevan (แจ๊ค กลอง) ที่เพิ่งยุบวง The Edmund Fitzgerald ตามด้วย Jimmy Smith (จิมมี่ กีตาร์) และ Walter Gervers (วอลเตอร์ เบส) พวกเขาเรียกตัวเองว่า Foals และทำซิงเกิ้ลออกวางขายเองเพลงหนึ่ง ก่อนที่ Andrew จะออกจากวงไปเพื่อโฟกัสกับวงหลักของเขานั่นคือ Youthmovies ปล่อยเพื่อนๆไว้ตามมีตามเกิด Yannis เลยต้องเพิ่มหน้าที่ร้องนำเข้ามา จากแต่เดิมคิดแค่จะเล่นกีตาร์ และพวกเขาก็ได้ดึงเอา Edwin Congreave (เอ็ดวิน) เข้ามาเพิ่มในฐานะมือคีย์บอร์ด ทั้งๆที่เขาไม่เคยเล่นคีย์บอร์ดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และในที่สุด ไลน์อัพของ Foals ก็สมบูรณ์เสียที

พวกเขาเริ่มแต่งเพลงและเล่นสดตามงานปาร์ตี้เล็กๆ แนวเพลงของพวกเขาเป็นการผสมผสานระหว่างเพลง โพสต์ร๊อค และแมธร๊อคที่ซับซ้อน โดยใส่เซนส์ของเพลงพ๊อพเข้าไป บวกกับจังหวะที่เร็วกระชับ ทำให้พวกเขามักจะถูกจับเข้าไปอยู่กับเทรนด์ดนตรี อินดี้ดิสโก้ หรือเพลงร๊อคที่เต้นได้ที่เป็นที่นิยมตั้งแต่ช่วงกลางยุค ’00 ตั้งแต่วงอย่าง The Rapture และ Franz Ferdinand ทำให้หนุ่มๆรู้ว่า เวลาไปผับไม่ต้องยืนเก๊กเป็นเลียม กัลป์ลากเกอร์อีกต่อไป

ด้วยความขยันและน่าสนใจของพวกเขา ทำให้แมวมองค่าย Transgressive Records รีบสอยพวกเขาเข้าสังกัดทันที ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของพวกเขา เพราะ Transgressive Records ถือว่าเป็นค่ายเพลงที่มาแรงในตอนนั้นและมีศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Larrikin Love, The Shins, Bloc Party, Good Books และ The Mystery Jets

เมื่อได้ต้นสังกัด พวกเขาก็เหมือนเสือติดปีก เริ่มออกซิงเกิ้ลแรกอย่าง Hummer ในปี 2007 และเป็นที่เลื่องลือในวงการเพลงทันที เพราะมันช่างโดดเด่นเสียเหลือกัน ทุกอย่างผสมกันอย่างลงตัว ตั้งแต่จังหวะกลองโจ๊ะๆ เบสที่ไหลลื่น กีตาร์ที่ตอดเป็นจังหวะ เสียงคีย์บอร์ดที่แทรกมาเป็นระยะๆ กับเสียงร้องกวนๆพร้อมคอรัสที่เข้ามาเสริม แถมด้วยท่อนร้อง อู้อ้าอู้อู้อ้า ที่แสนติดหู ไม่ว่าใครเจอเพลงนี้เข้าไปก็คงจะอดเต้นตามไม่ได้หรอก อย่างน้อยๆก็คงต้องเผลอโยกใหล่ตามล่ะ บอกตรงๆว่า บางทีฟังแล้วรู้สึกว่ามันโจ๊ะพอๆกับเพลงหมอลำซิ่งเลย แหม่

foals

เมื่อ Hummer ได้รับคำชม พวกเขาก็ตามด้วย Mathletics ที่ยังโจ๊ะไม่แพ้กัน แถมจังหวะกีตาร์นี่ซับซ้อนสมกับเป็นแมธร๊อค บวกกับการแหกปากได้อย่างเมามันจริงๆ และด้วยความยอดเยี่ยมของมันทำให้พวกเขาหอบคำชมไปอีกกองโต กลายเป็นอีกวงที่ถูกจับตามองเอามากๆในช่วงนี้

ในที่สุด พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มเต็มชุดแรกชื่อ Anitidotes ในปี 2008 โดยดึงเอา Dave Sitek จาก TV on the Radio มาช่วยโปรดิวซ์ร่วม แต่ที่น่าอึ้งคือ พวกเขาไม่ได้เอาสองซิงเกิ้ลที่สร้างชื่อให้กับพวกเขามาใส่ไว้ในอัลบั้มด้วย แต่เริ่มทำงานเพลงใหม่หมด เล่นเอาคนที่รอฟังเหวอเหมือนกัน (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะโปรดิวเซอร์คนละคนรึเปล่า) และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้นักวิจารณ์หลายคนเสียดายและมองอัลบั้มนี้ว่าไม่ยอดเยี่ยมเท่าที่ควร แต่มันก็ยังมีเพลงเด่นๆอยู่ในอัลบั้มไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Cassius ที่โจ๊ะเหลือหลาย บอกตรงๆว่า เสียงร้องของYannis นี่ แรดมากครับ แต่ละเพลงยังเน้นที่ความโจ๊ะ ความซับซ้อนของจังหวะเพลงเหมือเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น The French Open หรือ Balloons แม้มันจะทำให้หลายคนที่รอคอยอยู่ผิดหวังไปเล็กน้อย แต่ Antidotes ก็ถือว่าเป็นอัลบั้มที่โดดเด่นเอามากๆอีกชุดนึงในปีนั้น และขึ้นไปถึงอันดับ 3 ในอัลบั้มชาร์ตของอังกฤษ

นอกจากแนวเพลงสุดเก๋แล้ว พวกเขายังเป็นศิลปินที่พยายามพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งงานออกแบบปกอัลบั้ม หรือ MV ที่พยายามจะทำด้วยตัวเองในงบประมาณที่ต่ำ กลายเป็นความเก๋ไปอีกแบบ

FOALS-2

เมื่อประสบความสำเร็จพวกเขาก็ไม่รอช้า เริ่มทำงานชุดต่อมาทันที จนได้เป็นอัลบั้ม Total Life Forever ในปี 2010 ซึ่งเป็นงานเพลงที่เหนือความคาดหมายของทุกคน เพราะถ้าใครคาดหวังว่าจะได้ฟังเพลงโจ๊ะๆมันๆแบบที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง คนต้องผิดหวัง เพราะพวกเขาสร้างซาวด์ในแบบของพวกเขาอีกแล้ว งานชุดนี้กลายเป็นงานที่กลิ่นของ Progressive Rock หนักขึ้นมาก แต่เราก็ยังคงเห็นร่องรอยของดนตรีแบบชุดเก่าอยู่ เรียกได้ว่าพวกเขาพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้น ไม่ได้เป็นแค่วงที่เกาะกระแสดัง Total Life Forever กลายเป็นงานเพลงที่ล้ำลึกและแสดงให้เห็นถึงความเก๋าเกมของพวกเขาทั้งที่มีประสบการณ์ไม่ได้มากอะไรเลย แต่ละเพลงช่างโดดเด่นมากๆ แค่ฟังซิงเกิ้ลอย่าง Spanish Sahara หรือ This Orient ก็คงเข้าใจได้ไม่ยาก จึงไม่แปลกอะไรที่มันกลายเป็นอัลบั้มที่ได้รับเสียงชมจากทั่วสารทิศและติดอันดับอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีของสื่อหลายเจ้า

หลังจากหายไประยะหนึ่ง พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งในปีนี้ด้วย Holy Fire งานชุดที่ 3 ของพวกเขาที่เบิกร่องมาด้วย Inhaler ซิงเกิ้ลแรก ที่เล่นเอาหลายคนงง เพราะแม้จะมีกลิ่นของดนตรีแบบเดิมๆของพวกเขา แต่มันกลับหนักหน่วงขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ แต่พอมาเป็นซิงเกิ้ลต่อมาอย่าง My Number กลับเป็นเพลงฟังค์โจ๊ะๆ ฟังสนุก ติดหู เต้นตามได้อย่างเพลิดเพลิน เล่นเอาสับสนว่าพวกเขาจะมาไม้ไหน จนเมื่อได้ฟังทั้งอัลบั้ม ยิ่งเล่นเอาอึ้ง เพราะมันคืองานเพลงที่เด่นที่สุดของพวกเขาจริงๆ แต่ละเพลงแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ของพวกเขาที่ผสมผสานจับเล็กผสมน้อยออกมาจนได้แนวเพลงของตัวเองอย่างโดดเด่น ตัวอย่างคงเห็นได้ชัดใน Milk & Black Spiders, Out of Woods หรือ Late Night ไม่แปลกอะไรที่นักวิจารณ์หลายค่ายยก Holy Fire ให้เป็นอัลบั้มแห่งปีที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

Foals เริ่มต้นจากวงที่มากับกระแสอินดี้ดิสโก้ที่เป็นที่นิยม แต่พวกเขากลับสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นด้วยประสบการณ์และความเก๋าเกม ซาวด์ของพวกเขาจึงพัฒนาต่อไปอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง

No comments: