Saturday, September 19, 2009

Little Boots อีกหนึ่งสาวมาแรง

Technorati Tags: ,

ช่วงนี้ผมคงจะขอแนะนำวงใหม่ๆเยอะเป็นพิเศษนะครับ สาเหตุก็เพราะว่า วงใหม่ๆหลายวงนี่ซาวนด์สดใหม่จนเวลาฟังแล้วครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะเอามาเขียนถึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จริงๆครับ และหลังจากที่ฟังอัลบั้มของ Little Boots จบ ผมก็เกิดอาการคันตามง่ามนิ้วจนรีบต้องเอามาเขียนทันที

Little Boots คือชื่อในวงการของ Victoria Hesketh สาวน้อยมากความสามารถจาก Blackpool ประเทศอังกฤษ ที่สนใจดนตรีตั้งแต่เล็ก ก่อนที่จะหันไปตั้งใจเรียนจนได้ปริญญาเกียรตินิยม แต่ถึงจะตั้งใจเรียน เธอก็ทนกลิ่นเย้ายวนไม่ไหว ร่วมตั้งวง Dead Disco กับเพื่อนสาวอีกสองคน ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากค่ายเพลงในระดับหนึ่ง

little-boots

แต่เมื่อโดนค่ายเพลงกดดันเข้ามากๆ และเพื่อนร่วมวงไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะเขียนเพลงที่ติดหู เธอจึงเลือกตัดสินใจออกจากวงในปี 2007 ซะ เพื่อที่จะได้เป็นอิสระและทำตามที่เธอต้องการ ปล่อยให้เพื่อนเธอกลายเป็น Video Villain แทน เธอเริ่มคัฟเวอร์เพลงของศิลปินป๊อปอย่าง Wham ลง Youtube เมื่อไปเจอกับทีมงานที่เธอเคยร่วมงานด้วยสมัย Dead Disco เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นอย่างจริงจังกับงานเพลงของเธอโดยเริ่มต้นใช้ชื่อ Little Boots และตั้งแต่ต้นปี 2009 นี้เองที่เธอเริ่มเป็นที่สนใจของสื่อ ถึงขนาดว่าเธอได้รับการโวตในโพล BBC Sound of Music 2009 เอาชนะ White Lies และ Florence and the Machine เลยทีเดียว แสดงถึงความคาดหวังที่มีต่ออัลบั้มของเธอเป็นอย่างสูง

ซิงเกิ้ลแรกของเธอ New In Town เป็นเพลงป๊อปจ๋าที่ช่วงติดหูชนิดที่ได้ลองครั้งเดียวแล้วลืมไม่ลง ไม่ต่างกับขนมหวานชั้นเยี่ยมที่เราจะเรียกร้องหาเรื่อยๆหลังจากการชิมครั้งแรก มันคือเพลงที่ฟังดูเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่พร้อมจะทำให้เราหลงรักได้ทันที แค่ประโยคง่ายๆอย่าง I'm gonna take you out tonight I'm gonna make you feel alright. I don't have a lot of money, but we'll be fine. No, I don't have a penny, but I'll show you a good time. ก็กลายเป็นท่อนฮุคที่ติดหูเกินกว่าที่เราจะทานทนไหว ใครจะไม่หลงรักได้ล่ะครับ ก็เธอเล่นเสนอตัวพาเด็กหน้าใหม่ในเมืองอย่างพวกเราไปเที่ยวซะขนาดนั้น ส่วนภาคดนตรีนั้น ก็เหมือนการหยิบเอาส่วนดีที่สุดของวงป๊อปสารพัดวงมาขยำรวมกันได้อย่างลงตัวเหลือเกิน (ส่วนMV ลองหาดูครับ ผมชอบฉากลานจอดรถมาก อีโรติคเช็ด) ไม่แปลกอะไรที่สื่อสารพัดค่ายต่างพากันหันมาเทใจเชียร์เธออย่างเต็มสตีมหลังจากผิดหวังเล็กน้อยจาก Florence and the Machine มา บางคนถึงขนาดว่าเธอจะกลายเป็นคู่แข่งชิงบัลลังก์ราชินีป๊อปกับ Girls Aloud, Lily Allen หรือ Lady Gaga เลยทีเดียว (คงไม่เกี่ยวกับทาทา ยังนะ)

littlebootsiscute

และเมื่อ Hands อัลบั้มเปิดตัวของเธอที่ออกวางขายในปี 2009 นี้ มันควรจะเป็นหนึ่งในอัลบั้มเพลงป๊อปที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปีนี้เลยทีเดียว หรือบางที อาจจะของทศวรรษนี้เลยก็ได้ เพราะว่ามันคืออัลบั้มที่เทิดทูนดนตรีป๊อปแบบไม่กลัวใครจะตราหน้าเลยว่าเพลงป๊อปเป็นแค่เพลงขยะ ตรงกันข้าม เธอกลับทำเพลงออกมาเพื่อจะบอกโลกว่า “นี่แหละคือป๊อป และจงหลงรักมันซะ” มันคืออัลบั้มที่รวบรวมเอาอาวุธทุกอย่างของดนตรีป๊อปมาไว้ในเวลา 45 นาทีของมัน ชนิดที่เรียกได้ว่า ยังไงคุณก็ต้องหลงรักมันแน่ๆ

ไม่เพียงแต่ New in Town เท่านั้นที่ยอดเยี่ยม แต่ว่าทุกเพลงในอัลบั้มนั้นสามารถตัดมาเป็นซิงเกิ้ลได้หมดเลยทีเดียว ซิงเกิ้ลที่สองอย่าง Remedy ที่เริ่มต้นอย่างลึกลับพอๆกับเพลงหนัง James Bond ก่อนที่จะกลายเป็นเพลงป๊อปที่มากับท่อนฮุคที่ยากจะลืมอีกแล้ว Click ก็เริ่มต้นด้วยจังหวะที่เหมือนกับหลุดมาจาก Assault on Precinct 13 ของ John Carpenter แล้วค่อยกลายเป็นบรรยากาศเพลงป๊อปจากอวกาศไป อีกเพลงที่ลึกลับไม่แพ้กันคือ Ghost ที่เหมือนกับให้วิญญาณยุควิคทอเรียนมาเต้นในเพลง Thriller ส่วน Meddle ก็โครมครามไม่แพ้งานของ Dizzee Rascal เลยทีเดียว และ No Brakes ก็ได้เสียงอันเซ็กซี่ของเธอทำให้เราฟังได้อย่างเพลินเหลือเกิน

little-boots-dancing

อีกสามเพลงที่เด่นจนผมคิดว่ายอดจนกลายเป็นงานคลาสสิกได้เลยทีเดียว คือ Stuck on Repeat ที่เหมือนกับการหยิบเอาสารพัดเพลงของ Kylie Minogue มาคั้นเอาความยอดเยี่ยมจนกลายเป็นเพลงๆนี้ ส่วน Tune Into My Heart ก็เข้าข่ายเดียวกัน ซึ่งมันเยี่ยมถึงขนาดแค่ฟังครั้งเดียวก็ทำให้ผมน้ำตาคลอเพราะความยอดเยี่ยมของมันได้ ส่วน Symmetry คือการบูชาครูอย่างแท้จริง เพราะนอกจากมันจะเป็นเพลงดิสโกป๊อปชั้นเลิศแล้ว เสียงผู้ชายที่คุณได้ยินในเพลงคือ Phil Oakey แห่ง The Human League ผู้บุกเบิกดนตรีแนวนี้มาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วนั่นเอง และนั่นทำให้เราหวนนึกไปถึงงานระดับ Masterpiece อย่าง Don’t You want Me ขึ้นมาทันที

แม้จะเป็นศิลปินหน้าใหม่ แต่ Little Boots ก็ได้สร้างผลงานเพลงป๊อประดับคลาสสิกขึ้นมาแล้ว และอัลบั้ม Hands ของเธอจะกลายเป็นอัลบั้มที่มนุษย์ในอนาคตกล่าวถึงเมื่อพูดถึงเพลงป๊อปจากโลกยุคปี 2000

Saturday, September 5, 2009

Enter Shikari จับมันมาผสมพันธุ์

Technorati Tags: ,

นับตั้งแต่ผมเริ่มฟังเพลงมา นับวัน ผมยิ่งรู้สึกว่า เส้นแบ่งระหว่างแนวดนตรียิ่งบางลงเรื่อยๆ ไม่ต่างกับผ้าอนามัย บางที ผมฟังแล้ว ไม่รู้จะบอกว่ามันคือแนวอะไรกันแน่ ยิ่งแนวดนตรีหลังๆนี่ แทบจะเหมือนกับการจับนู่นผสมนี่ จนได้ลูกผสมที่ยิ่งชวนงงเข้าไปใหญ่ ว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่เขียนไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบนะครับ ถ้ามันผสมลงตัวกันนี่ ผมไม่เคยปฏิเสธหรอกครับ อย่างวงที่จะแนะนำในวันนี้ คือวงที่ผสมดนตรีสองแนวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ แต่พวกเขากลับทำออกมาได้อย่างลงตัวสุดๆ พวกเขาคือ Enter Shikari

enter shikari 

Enter Shikari คือการรวมตัวกันของเด็กหนุ่ม 4 คนจาก St. Albans ประเทศอังกฤษ นั่นคือ Rou Reynolds (รูว์ ร้องนำ ซินธ์) Liam Clewlow (เลียม กีตาร์) Chris Batten (คริส เบส) และ Rob Rolfe (ร๊อบ กลอง) ในช่วงปี 2003 หลังจากบ่มฝีมือมานานสองปี พวกพวกก็เขาเริ่มต้นด้วยการออกซิงเกิ้ลแบบดาวน์โหลดชิ้นแรก นั่นคือ Mothership กลายเป็นซิงเกิ้ลประจำสัปดาห์ของ iTunes ทันที คงเป็นเพราะความแปลกใหม่ของมัน ที่เป็นการผสมดนตรี Post-Hardcore หนักหน่วง เข้ากับ เสียงซินธ์แบบดนตรีเรฟ เรียกได้ว่าเป็นสองขั้วที่เอามาผสมกันได้ยากเหลือเกิน แต่ว่าพวกเขากลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาได้รับการจับตามองในทันที

ถ้า Mothership เจ๋งแล้ว การเอาเพลง Sorry You’re Not a Winner และ OK, It’s Time For Plan B กลับมาออกเป็นCDซิงเกิ้ลอีกครั้งยิ่งโคตรเจ๋งครับ เพราะมันคือDouble A Sides ที่ยอดเยี่ยมแบบหาที่ติแทบไม่ได้ ทั้ง Sorry (ขอย่อ) ที่เริ่มต้นด้วยเสียงซินธ์ ก่อนที่จะเริ่มสับอย่างไม่ยั้งตามแบบฮาร์ดคอร์ และยังมีท่อนฮุคที่พร้อมให้แฟนร้องตามได้อย่างสะใจจริงๆครับ (ก็ชื่อเพลงแหละครับ) พอกลับมาช่วงพักระหว่างเพลง เสียงซินธ์มันก็กลับมาอีกครั้ง จนท้ายเพลงที่สับสองกระเดื่องอย่างเมามัน ค่อยเติมเสียงซินธ์หลอนๆเข้าไป เรียกได้ความครบเครื่องจริงๆ

roughton-rou-reynolds-of-enter-shikari-1 

ส่วนเพื่อนร่วมแผ่นของมันอย่าง OK ก็สะใจไม่น้อยหน้าเลยครับ เพราะแค่เริ่มเพลงมากับเสียงสำรอกอ่อนๆของรูว์ สับกระเดื่องคู่ และเสียงซินธ์ ก็ทำให้เราได้พบกับการร่วมรักระหว่างดนตรีสองประเภทที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาร่วมเตียงกันได้ แต่มันกลับลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆครับ พอเข้าช่วงกลางเพลงที่เป็นเพลงฮาร์ดคอร์หนักๆ แต่กลับมีเสียงซินธ์ตามมาประกบ มันช่างวิเศษอย่างน่าประหลาดใจจริงๆครับ Double A Sides คู่นี้คือหนึ่งในการประสานงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆครับ และมันทำให้พวกเขาชื่อหอมหวนขึ้นมาทันที

ไม่เพียงแค่นิตยสารต่างๆจะเริ่มมาทำสกู๊ปสารพัด ค่ายเพลงต่างๆก็ตามล่าลายเซ็นของพวกเขาอย่างๆไม่เหน็ดเหนื่อยเลย แต่ระหว่างที่ยังไม่มีสังกัด พวกเขาก็สร้างตำนานการเป็นวงดนตรีวงที่สองที่ขายบัตรแสดงสดที่เวทีชื่อดังอย่าง Astoria ได้หมดทั้งๆที่ยังไม่มีสังกัด (วงแรกคือ The Darkness) ครับ ยิ่งทำให้ลายเซ็นในสัญญาของพวกเขามีค่าหัวสูงขึ้นอีก แต่พวกเขาก็เลือกหักอกค่ายเพลงทุกค่าย ด้วยการตั้งค่ายเพลง Ambush Reality ของตัวเองขึ้นมา เพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองจากการเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ไป (แล้วก็รับเงินเต็มๆด้วย)

enter

ปี 2007 ดูเหมือนจะเป็นปีทองของพวกเขา หลังจากออกซิงเกิ้ลที่สี่ พวกเขาก็ออกอัลบั้มแรก Take to The Skies ที่ได้รับคำชมจากทั่วทุกทิศ เพราะนอกจากซิงเกิ้ลแล้ว มันนยังมีเพลงเด่นๆอย่าง Johnny Sniper ที่เต็มไปด้วยเสียงซินธ์สวยๆ และที่สะใจที่สุดคือ Return to Energizer ที่ขึ้นต้นมาด้วยการสับแหลกอย่างไม่บันยะบันยังตามแบบของScreamo จริงๆ และเพราะความยอดเยี่ยมของมัน ทำให้พวกเขาคว้ารางวัลสารพัดรางวัล และได้รับการยกย่องจากสื่อเป็นอย่างมาก

Enter_Shikari_1 

นอกจากนี้แล้ว พวกเขาไม่ใช่วงที่ขี้เกียจเลย หลังจากการออกทัวร์อย่างหนักหน่วง พวกเขาก็ถือฤกษ์ปี 2009 ออกผลงานใหม่ที่ชื่อ Common Dreads ที่ถ้าเทียบกับอัลบั้มก่อนที่มีการแยกสัดส่วนระหว่างเพลงร๊อคกับเพลงเต้นรำแล้ว อัลบั้มนี้คือการขยำดนตรีทั้งสองแนวเข้ากันแบบไม่ให้แยกออกเลย ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวอย่าง Juggernauts ที่เหมือนจับ Paul Van Dyk มาหัดเล่นเพลงฮาร์ดคอร์ หรือเพลง Zzzonked ที่โคตรหนักและหลอน จนเหมือนกับการถีบเราหลุดเข้าไปในโลกของเกมคอมพิวเตอร์แบบยิงแหลกเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ Hectic สับแบบไม่ยั้งเช่นกัน Common Dreads คือการใส่ทุกอย่างเข้าไปแบบไม่ยั้งจนกลายเป็นยำใหญ่จานอร่อยเต็มสตรีมเลยทีเดียว

ถ้าอยากลองฟังเพลงที่ผสมกันได้อย่างลงตัว และสะใจเต็มสูบ ลองไปหามาฟังได้เลยครับ รับรองว่า Enter Shikari ถูกใจคุณแน่ๆ