Monday, February 4, 2013

Les Miserables ดูหนังฟังเพลง

Technorati Tags: ,

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในที่สุดผมเองก็มีเวลาว่างพอที่จะไปหาความสำราญให้ตัวเอง ด้วยการตีตั๋วเข้าไปดูหนังในโรง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อยากทำบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกซะที แถมพอซื้อตั๋วเมื่อวาน แทบลมจับ ราคาตั๋วกดไปที่นั่งละ 200 ถ้าที่นั่งแถวหน้าก็ 180 โอว หนังเรื่องนึงทำไมมันแพงขนาดนี้ เวลาหันไปดูราคาดีวีดี (แท้) ตามแผงแผ่นละ 99 บาทแล้วรู้สึกว่า การดูภาพยนต์ในโรงนี่เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างจะหรูหราเอาเรื่องเลยนะ

Les-Miserables

แต่ภาพยนต์ที่มีแรงดึงดูดให้ยอมเสียเงินเข้าไปดูในโรงด้วยราคาลากเลือดได้คราวนี้ก็คือ Les Miserables ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ดัดแปลงจากหนังสือดังของวิคเตอร์ อูโก นักเขียนดังชาวฝรั่งเศสที่มีผลงานระดับคลาสสิกมากมาย และเรื่อง Les Miserables นี้ก็เป็นผลงานเด่นของท่าน ผมงงนิดหน่อยว่าทำไมชื่อไทยจึงเลือกใช้ชื่อทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศส เล มิเซราบล์ ทั้งๆที่ชื่อฉบับหนังสือแปลไทยที่ใช้ว่า เหยื่ออธรรม นั้นทั้งโดดเด่นและสื่อความหมายได้ดีมากๆ แต่กลับไม่ใช้

Les Miserables เป็นเรื่องราวของชีวิตนาย ฌอง วาลฌอง ชายที่ต้องติดคุกถึง 20 ปี เพราะขโมยขนมปังก้อนเดียวเพื่อมาเลี้ยงหลาน เมื่อพ้นโทษ นายตำรวจ ชาแวร์ ก็ไม่เชื่อว่าคนจะกลับตัวได้ ก็ตามติดเขาต่อไป แต่วาลฌองได้ความกรุณาจากบาทหลวงที่อภัยให้กับการที่ขโมยของในโบสถ์ ทำให้เขากลับตัว หนีทัณฑ์บนของตัวเองและกลายเป็นคนใหญ่โต แต่ชาแวร์ก็ยังตามเขามาจนเจอ เหตุการณ์ผันแปรอีกเมื่อ ฟองตีน (สงสัยว่าไม่อ่านว่า ฟองแตง เหรอ) อดีตคนงานในโรงงานของวัลฌอง ต้องขายผม ขายฟันของตัวเอง กลายเป็นโสเภณีเพื่อส่งเงินไปเลี้ยงคอเซ็ตต์ ลูกสาวที่เกิดกับสามีทิ้งไปและฝากไว้กับเจ้าของโรงแรม ฟองตีนจากไปต่อหน้าวัลฌองและเขาสำนึกผิดที่ทำให้เธอเสียงานจนตาย เขาจำไปรับคอเซ็ตต์มาเลี้ยงเป็นลูกสาว ทั้งที่ชาแวร์ก็ไล่ตามเขาเรื่อยๆ

9 ปีต่อมา เหล่าหนุ่มนักศึกษาเลือดร้อนต้องการทำการปฏิวัติฝรั่งเศส โดยมีแกนนำคือ อองเชอราส และ มาเรียส เมื่อมาเรียสได้สบตากับคอเซ็ตต์ที่โตเป็นสาวก็ตกหลุมรักกันในชั่วสบตาม มาเรียสจึงอาศัย เอพิโนน ลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่กลายมาเป็นมิจฉาชีพในกรุง ทั้งๆที่เธอรักมาเรียสอยู่ หนุ่มสาวได้พบกันอีกครั้งก่อนที่วัลฌองจะต้องพาเธอหนีไปอีก มาเรียสตัดสินใจจับปืนเข้าร่วมกับเพื่อนๆเพื่อสู้กับรัฐบาล ชาแวร์แอบแทรกเข้าไปในหมู่พวกเขา แต่ถูกจับได้ วัลฌองออกไปตามหาตัวมาเรียสเพื่อลูกสาว และกลายเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของชาแวร์ แต่กลับปล่อยชาแวร์ไปทั้งที่จะล้างแค้นก็ได้ จากนั้นก็เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่สู้อย่างกล้าหาญและชีวิตบั้นปลายของวัลฌองที่อยากให้ไปชมในโรงจริงๆ

tumblr_me3vqtlZWn1ro9ypro1_1280

ผู้กำกับ Tom Hooper จาก The King’s Speech มาสร้างเรื่องนี้ก็จัดเต็มเลยครับ ทำเป็นมิวสิคอลแบบเต็มๆ ผมไม่เคยดูฉบับละครบรอดเวย์มาก่อน แต่ดูแล้วน่าจะยืนพื้นจากบทละครมาก โดยเดินเรื่องด้วยการร้องเพลงเกือบทั้งเรื่อง จะมีบทพูดบ้างก็นิดหน่อย แม้จะเป็นมิวสิคอล แต่กลับทำออกมาได้สมจริง ดูแล้วไม่ผิดที่ผิดทางเลย ตั้งแต่ฉากแรกที่สุดอลังการ เหล่านักโทษลากเรือเข้ามาแล้วร้องกันเป็นกลุ่ม ไปจนกระทั่งฉากปิดเรื่องที่ตัวละครออกมากันเกือบหมด

จุดที่เด่นมากๆคงเป็นฝีมือการร้องเพลงของนักแสดงแต่ละคน ที่ทำเอาอึ้งได้เหมือนกัน การที่ผู้กำกับเลือกให้นักแสดงร้องสดๆ ไม่ใช่มาอัดเสียงทีหลัง ทำให้สาสน์ถูกส่งออกมาได้อย่างทรงพลัง รวมทั้งมุมกล้องที่แปลกเหมือนกับการใช้กล้องเดินตามติดตัวละครอย่างอิสระ ทำให้กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นจริงๆ แม้แอน แฮธเวย์จะมีบทแค่นิดเดียว แต่ฉากที่เธอร้องเพลง I dreamed a dream นั้นช่างทรงพลังจนน่าขนลุกจริงๆ การส่งสาสน์ผ่านเนื้อเพลงนี่ถ้าทำได้ดีมันทรงพลังกว่าบทพูดจริงๆ อย่างฉากรักสามเศร้าที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว หรือฉากการต่อสู้ของเหล่าเด็กหนุ่ม ที่ดูแล้วสะเทือนใจกับความกล้าหาญของพวกเขาจริงๆ

ถ้าถามว่าหนังดีมั้ย ก็ตอบง่ายๆว่าดีครับ ดูแล้วสะเทือนใจได้ขนาดนี้ ตัวละครเกือบทุกคนก็เล่นดีหมด ที่ชอบมากคือคู่รักเจ้าของโรงแรมที่ได้ ซาช่า บารอน โคเฮน ดาราจอมแสบ กับ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ เจ้าแม่บทหลุดโลก สองคนเล่นเป็นตลกหน้าม่านได้สนุกดีจริงๆ ดูแล้วเพลินมาก แต่ (มักจะมีแต่เสมอ) ก็เป็นส่วนที่ทำให้ดูหลุดๆไปหน่อย ถ้าเราดูในโรงละครคงไม่แปลกอะไร แต่พอมาอยู่ในบริบทของภาพยนต์แล้ว มันออกจะขาดๆเกินไปนิด อีกอย่างคือ บทชาแวร์ของรัซเซล โครว์ ดูยังไม่เต็มที่ และเสียงร้องเค้ายังไม่ถึงอารมณ์ (ทั้งๆที่พี่แกก็ทำวงร๊อคนะ) เลยดูไม่กดดันเท่าที่ควร แต่นอกนั้นดีหมดครับ สมกับรางวัลที่ได้ และกำลังจะได้จริงๆ

ดูเรื่องนี้แล้วประทับใจบทประพันธ์ของวิคเตอร์ อูโก จริงๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นมนุษย์นิยม เชื่อในความดีงามในจิตใจมนุษย์เสมอ แม้วัลฌองจะเจอแต่เรื่องเลวร้าย แต่เขาก็ยังให้อภัยมนุษย์คนอื่นได้ รวมไปถึงเรื่องความเสมอภาคในสังคม ที่ถูกขับเร้าออกมาอย่างโดดเด่น ท่าทางอูโกคงจะชื่นชมเหล่าขบถหนุ่มจริงๆ ดูแล้วก็ขนลุกกับความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมของพวกเขาเสียจริง

อย่างที่บอกไปว่า ค่าตั๋วภาพยนต์เดี๋ยวนี้มันแพงเสียจริง จะไปดูแต่ละเรื่องคงต้องคิดแล้วคิดอีก แต่สำหรับ เหยื่ออธรรม นี่ ไปดูเถิดครับ เพลินทั้งตาและหู เป็นภาพยนต์ที่ไม่ควรพลาดเสียจริง ขอเชียร์ครับ

No comments: