Monday, September 26, 2011

David Guetta ใครว่าทำเป็นแต่เพลงตลาด

Technorati Tags: ,

ถ้าจะไล่เรียงชื่อดีเจชื่อดังในโลกตอนนี้ แน่นอนว่า พลาดไม่ได้ที่จะใส่ชื่อของ David Guetta ดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงแดนซ์จากฝรั่งเศษที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างอย่างงดงามจริงๆครับ เพราะตอนนี้ถ้าไปเที่ยวคลับ คงไม่พลาดที่จะได้ฟังเพลงแดนซ์ที่ติดหูจริงๆของเขาครับ

david-guetta-4

David Guetta คือ หนุ่มปารีเซียง ฝรั่งเศส ที่เริ่มสนใจงานดีเจตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น และสร้างผลงานเพลงพร้อมทั้งเป็นดีเจ และดูแลคลับมาตั้งแต่ยุค ’90 และก็มีผลงานที่เป็นที่นิยมในคลับในฝรั่งเศสบ้าง ซึ่งก็เป็นโชคของเขาที่มันเป็นยุครุ่งเรืองของดนตรีเฮาส์จากฝรั่งเศสที่เบ่งบานไปทั่วยุโรปด้วยการเจาะตลาดของรุ่นพี่ระดับตำนานอย่าง Daft Punk หรือ Dimitri from Paris ซึ่งการทำงานเพลงในยุคนั้นก็ได้สร้างเสริมประสบการณ์ให้เขาก่อนที่จะเริ่มเบ่งบานตามหลังรุ่นพี่

ผลงานแรกของเขาในช่วงต้นยุค 2000 คือซิงเกิ้ลชื่อ Just a Little More Love ที่เป็นเพลงเฮาส์ที่เปิดตัวเขาได้อย่างงดงาม และตามมาด้วยอัลบั้มเต็มชุดแรกที่ใช้ชื่อ Just a Little More Love ที่มีเพลงติดอย่าง Love Don’t Let Me Go เพลงเฮาส์ที่แสนประณีตและประกอบด้วยเสียงร้องที่ยอดเยี่ยมของ Chris Willis ทำให้มันเป็นเพลงที่โดดเด่นในช่วงนั้นจริงๆ เช่นเดียวกับเพลง People Come People Go เพลงเฮาส์ที่มีกลิ่นอายของเสียกีตาร์แบบ Stardust บวกกับจังหวะแบบเฮาส์แท้ๆและเสียงร้องเนียนๆ ทำให้มันเป็นซิงเกิ้ลที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าที่จะลืมแม้จะได้ฟังแค่ครั้งเดียวก็ตามที

หลังจากงานชุดแรก เขาก็ออกอัลบั้มรีมิกซ์ของเขาเองที่ใช้ชื่อว่า Fuck Me I’m Famous ตามชื่อปาร์ตี้ของเขาที่คลับใน Ibiza ซึ่งก็มีเพลง Just a Little More Love ที่ถูกนำมา Mash Up กับเพลง Heroes ของ David Bowie ได้อย่างเนียน นอกจากนี้ยังรวมเพลงเด่นของศิลปินคนอื่นอีกหลายเพลง เช่น Stock Exchange ของดาวโรจน์ของอีล็กโทรแคลชในตอนนั้นอย่าง Miss Kittin & The Hacker หรือ Who Need Sleep Tonight ของเจ้าพ่อเฟรนช์เฮาส์ Bob Sinclar

ต่อมาในปี 2004 เขาก็ออกอัลบั้มที่สองชื่อ Guetta Blaster ที่มีเพลงที่โครมครามกว่าเดิมอย่าง Money กับเพลง Stay ที่ร่วมงานกับนักร้องคู่บุญอย่าง Chris Willis และมาในรูปแบบเฮาส์แบบดั้งเดิม แท้ๆ เช่นเดียวกับอีกซิงกิ้ลที่สร้างชื่อให้กับเขา นั่นคือ The World Is Mine

และในปี 2007 ในที่สุด เขาก็กลายเป็นดีเจทีสร้างชื่อในระดับนานาชาติได้ เมื่ออัลบั้มที่สาม Pop Life ซึ่งเต็มไปด้วยซิงเกิ้ลที่เปี่ยมไปด้วยพลัง พร้อมที่จะเติมเต็มฟลอร์ทุกแห่งในโลก ตั้งแต่ Love is Gone ที่ร่วมงานกับ นักร้องคู่บุญ Chirs Willis ที่ร่วมงานกันจนเป็นเหมือนคู่หูที่ลงตัวและรู้ใจ ไม่ต่างกับซาบี้และอินิเอสต้า ส่วน Baby When The Light ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่พร้อมจะลากเราลงไปบนฟลอร์เลยจริงๆ

หลังจากสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้ เขาก็ออกอัลบั้ม One Love ในปี 2009 ซึ่งเป็นงานที่ป๊อปเอามากๆ เพราะเขาเลือกร่วมงานกับศิลปินดังๆหลายคน จนกลายเป็นขุดสนใจในวงการเพลงไป แต่ละเพลงที่ตัดออกมาเป็นซิงเกิ้ล กลายเป็นเพลงฮิตไปหมด ทั้ง When Loves Take Over ที่ร่วมงานกับ Kelly Rowland, Getting Over You ที่ร่วมงานกับ Chris Willis, Fergie และ LMFAO, Sexy Bitch กับ Akon หรือกระทั่ง Memories กับ Kid Kudi จึงไม่แปลกอะไรที่ทำให้มันกลายเป็นงานดังระดับโลกที่ได้เข้าชิงรางวลับแกรมมี่ และยังทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือ แฟนเพลงแดนซ์แบบฮาร์ดคอร์มองว่า เขาเปลี่ยนไป เหมือนเขาเน้นทำเพลงเพื่อขายตลาดมากกว่าที่จะสร้างงานเพลงแดนซ์ที่ยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติดเหมือนเก่า ซึ่งคำตอบที่เขามีให้กับทุกคนคือ “งั้นก็เอาไปทั้งสองแบบเลยไป๊” ด้วยอัลบั้มล่าสุด Nothing But the Beat

DAVID-GUETTA-Nothing-But-The-Beat-frontcover

ที่บอกว่า ได้ทั้งสองแบบคือ งานชิ้นนี้เป็นอัลบั้มคู่ โดยแบ่งเป็น Vocal Album และ Electronic Album ซึ่ง แผ่นแรกเป็นงานเพลงแดนซ์ที่ป๊อปติดตลอดแบบที่เขาถนัดในช่วงหลัง และเขาขนศิลปินดังๆและมาแรงมาร่วมฟีเจอริ่งเต็มไปหมด ตั้งแต่ Flo Rida และ Nicki Minaj ในเพลง Where Them Girls At หรือ Usher ในเพลง Without You นอกจากนี้ยังมีทั้ง Jessie J, Will I Am, Snoop Dogg บางคนที่มาร่วมงานก็ทำให้กลายเป็นเพลงของตัวเองไปเลย อย่าง I Just Wanna F ที่กลายเป็นเพลงของ Timbaland และ Dev ไปเลยทีเดียว ถือว่าเป็นงานป๊อปแดนซ์ที่ฟังได้ติดหู และพร้อมจะดังในคลับเสมอครับ

ส่วนแผ่นที่สอง ทำออกมาเอาใจแฟนเพลงแดนซ์ที่เซีเรียสกว่า มันเต็มไปด้วยบีทที่หนักหน่วง และอลังการ งานเพลงแต่ละชิ้นถูกผลิตออกมาได้อย่างดี Lunar ก็เหมือนกับการเข้าไปแจมกับ Daft Punk ใน Tron Legacy เช่นเดียวกับ Metro Music ที่มาในแนวเดียวกัน ส่วน Toy Story ก็โดดเด่นมาด้วยเสียงประกอบแบบ 8-Bit Chiptune แบบย้อนยุคเพลินๆ แต่ล่ะเพลงนั้นน่าจะถูกใจคนที่เสพบีตเป็นอาหารได้

David Guetta อาจจะกลายเป็น DJ ที่เน้นทำเพลงตลาดไปแล้ว แต่เมื่อเขาต้องการทำเพลงโชว์ฝีมือ เขาก็สามารถทำได้เสมอ

No comments: