Monday, December 15, 2014

Cold War Kids

บางทีผมไปไล่เช็คงานเก่าๆ ก็ตกใจที่ไม่เคยเขียนถึงหลายวงที่ชื่นชอบ และบางวงก็อยู่มาจะสิบปีแล้วแท้ๆ และมีงานออกมาหลายชิ้นแต่ก็ยังไม่เคยได้โผล่ที่นี่เสียที จนต้องขอเขียนถึงบ้าง และวงที่ว่าก็คือ Cold War Kids

10347158_10152540244478962_7246345922421756710_n

Cold War Kids ถือกำเนิดในช่วงปี 2004 ที่ Fullerton แคลิฟอร์เนีย ที่สมาชิกสามคน Nathan Willett (นาธาน ร้องนำ เปียโน) Matt Maust (แมท เบส) และ Matt Aveiro (แมท กลอง) มักจะรวมตัวกันที่อพาร์ทเมนต์ของ John Russell (จอห์น กีตาร์) ที่อยู่บนร้านอาหารชื่อ Mulberry Street พวกเขาตัดสินใจตั้งวง โดยได้ไอเดียเรื่องชื่อวงว่า Cold War Kids จากการเดินทางไปยุโรปตะวันออกของ Matt Maust ที่เขาได้เห็นอนุสาวรีย์ยุคคอมมิวนิสต์ที่ถูกทิ้งในสนามเด็กเล่น ทำให้นึกชื่อ Cold War Kids ขึ้นมา เพราะเขาเองก็เกิดปี 1979 ซึ่งโตมากับบรรยากาศของโลกยุคสงครามเย็นมาตลอด และชอบชื่อนี้เป็นอย่างมาก พวกเขาตัดสินใจย้ายไป Whittier ที่แคลิฟอร์เนียและออก EP แรกชื่อ Mulberry Street ตามชื่อร้านอาหาร กับค่าย Monarchy Music ในช่วงปี 2005 และได้ออก EP ออกมาอีกสองแผ่นในปี 2006 ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักและเริ่มได้ออกทัวร์กับวงดังอย่าง Editors และ Tapes ‘n Tapes รวมไปถึงได้ไปเล่นในเทศกาล Lollapalooza อีกด้วย

Monday, December 8, 2014

FKA Twigs

ในวงการเพลงอังกฤษ แต่ละปีก็มีศิลปินใหม่เกิดขึ้นมากมาย เรียกได้ว่าเป็นวงการที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ก็น่าสนใจที่ว่า แม้จะมีการแข่งขันกันสูงแค่ไหน แต่ก็มีพื้นที่สำหรับศิลปินสาวมากด้วยฝีมือเป็นจำนวนมาก และปีนี้ก็มีอีกหนึ่งรายที่กลายเป็นดีวาคนใหม่ของอังกฤษไปเรียบร้อยแล้ว เธอคือ FKA Twigs

FKA-Twigs-014

FKA Twigs มีชื่อจริงว่า Tahliah Barnett เกิดและโตขึ้นมาในแถบบ้านนอกของ Gloucestershire ประเทศอังกฤษ พ่อแท้ๆ ของเธอเป็นนักเต้นแจ๊ซชาวจาไมกา แต่ได้หย่ากับแม่ของเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก แม่ของเธอก็มีเชื้อสายอังกฤษผสมสเปน และเป็นนักเต้นเช่นเดียวกัน การเป็นลูกผสมในเขตบ้านนอกของประเทศอังกฤษก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เธอเป็นลูกผสมคนเดียวในโรงรียนคาธอลิกเอกชนที่เธอได้เรียนด้วยทุนการศึกษาเพราะว่าครอบครัวของเธอยากจน

Monday, December 1, 2014

Gravity Thailand 2014: Arcadia the Bangkok Landing

ตอนที่เขียนคอลัมน์นี้ ผมยังเบลอๆ อยู่เลยครับ เพราะเพิ่งกลับมาจากการอีเวนต์ Gravity Thailand 2014 ที่มีโชว์ชุด Arcadia: The Bangkok Landing เป็นโชว์หลักของงาน และมันเป็นอีเวนต์ที่ยาวมาก เพราะลากยาวตั้งแต่ตอนเย็น ยันตีหนึ่งกว่า กว่าจะกลับถึงบ้านได้ก็เริ่มหมดสภาพล่ะครับ แต่ก็ต้องมาปั่นงานก่อน

2014-11-29 23.20.53

ถึงจะบอกว่ายาวแค่ไหน แต่บอกตรงๆ ว่างานนี้พลาดแล้วเสียดายสุดๆ จริงๆ ครับ เพราะการยกเอาโชว์ Arcadia มาเล่นแบบจัดเต็มนี่ไม่ใช่เรื่องงายเลย หลายคนอาจจะงงว่า Arcadia คืออะไร

Monday, March 17, 2014

The View ดิบสดแบบคนหนุ่ม

จุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งของวงการเพลงคือการที่โลกเชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้วงดนตรีหน้าใหม่สามารถโชว์ผลงานของตัวเองให้โลกเห็นได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้แสดงฝีมือมากขึ้น ยิ่งการทำเพลงที่สามารถตัดต่อได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ก็ทำให้มีเด็กวัยรุ่นที่พร้อมจะแสดงฝีมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างของวงที่เบิกทางให้กับศิลปินอินดี้รุ่นกระทงคือ The Arctic Monkeys ซึ่งหลังจากพวกเขาโด่งดังก็มีศิลปินที่เติบโตมาในแนวทางเดียวกันเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย และหนึ่งในวงเหล่านั้นคือ The View

url

The View มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนคือ Kyle Falconer (ไคล์ ร้องนำ กีตาร์) Kieran Webster (คีแรน เบส) Pete Reilly (พีท กีตาร์) และ Steven Morrison (สตีเว่น ร้องนำ) กลุ่มวัยรุ่นใน Dundee เมืองหนึ่งในสกอตแลนด์ ที่ตั้งวงตั้งแต่สมัยเรียน โดยเริ่มต้นจากการเล่นคัฟเวอร์วงดังๆก่อน และเข้าประกวดตามในโรงเรียน ซึ่งพวกเขาก็ชนะบ้าง และเริ่มแต่งและเล่นเพลงของตัวเองในผับของญาติ ทำให้ได้งานแสดงสดตามอีเวนต์ต่างๆ และผับในเมืองดันดีด้วย จนไปเข้าตาค่ายเพลงท้องถิ่นที่เซ็นสัญญาชวนพวกเขาเข้าร่วมงาน ได้ออกอีพีแรกชื่อ The View EP ตามชื่อวงในปี 2006 โดยประกาศขายทางเว็บไซต์ของค่ายเพลงและจำกัดจำนวนแค่ 2,000 แผ่นเท่านั้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็อัดเดโมอัลบั้มเต็มชุดแรก และปล่อยให้ฟังฟรีๆบนเว็บของต้นสังกัด เท่านั้นล่ะครับ พวกดีเจชื่อดังทั้งหลายที่ติดใจผลงานของเขาก็ร่ำลือถึงวงหน้าใหม่ที่มาแรงโคตรๆจากสกอตแลนด์ ดีเจชื่อดังอย่าง เซน โลว์ แห่ง BBC ก็ไม่พลาดที่จะอัญเชิญพวกเขามาเล่นสดในรายการ ทั้งๆที่นอกจาก EP แล้วก็ยังไม่มีผลงานอะไรอีก แถม EP ยังขายแค่วงแคบอีกด้วย กลายเป็นก้าวกระโดดให้วงเล็กๆจากเมืองดันดีเป็นที่จับตามมองในวงการเพลงทั่วเกาะอังกฤษ

Monday, March 10, 2014

Visual Album การพลิกโฉมวงการเพลงของ Beyonce

หลังจากที่อ่านข่าวมาได้เดือนกว่าๆ อัลบั้มที่เป็นที่กล่าวขานในวงการเพลงตอนนี้ก็ได้มาถึงโต๊ะทำงานผมเสียที อาจจะช้ากว่าที่รู้สึกหน่อย แต่ไม่แปลกครับ เพราะมันมาในรูปแบบของแผ่นซีดีควบดีวีดี แต่ตอนที่เป็นข่าวนั่น มันออกขายแบบดิจิตอลก่อนแบบซีดีและแผ่นเสียงเสียอีก เลยทำให้กว่าเราจะได้ตัวจริงมาฟังก็รู้สึกว่านานเอาเรื่อง อัลบั้มที่ผมพูดถึงคือ Beyonce โดย Beyonce ครับ

beyonce_new_album

ที่มันเป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพราะว่ามันคืองานใหม่ของศิลปินสาวที่ได้ชื่อว่าทำอะไรก็เป็นข่าวและเต็มไปด้วยความหรูเริ่ด Fabulous เสมอ เท่านั้น แต่มันออกมาได้อย่างช็อควงการมากๆ นอกจากมันจะถูกวางขายแบบไม่มีข่าวแพร่งพรายออกมาก่อนเลย ซึ่งเป็นเรื่องแทบไม่น่าเชื่อสำหรับศิลปินระดับดังคับโลก (ต่อให้คนไม่ฟังเพลงฝรั่งก็คงต้องเคยผ่านตาเธอจากโฆษณาต่างๆบ้างล่ะ) แต่มันมีจุดเด่นตรงที่มันเป็นอัลบั้มที่เธอเรียกว่า Visual Album ซึ่งแตกต่างไปจากอัลบั้มต่างๆที่เคยมีมา

Monday, March 3, 2014

Andrew McMahon เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแนว

ท่านผู้อ่านรู้สึกอย่างไรเวลาศิลปินเปลี่ยนชื่อในการทำงานครับ ที่ถามนี่ไม่ได้หมายถึงดาราสาวที่เปลี่ยนชื่อกันแปลกๆแบบหนูอิมอิม หรือ คิกคิกสะระนัง อะไรนั่นนะครับ แตไปเน้นพวกศิลปินที่เปลี่ยนชื่อ เพราะเวลาเปลี่ยนแนวเพลงคนจะได้ไม่สับสนกับงานเดิม อย่าง Mike Skinner ก็ทิ้งชื่อ The Streets เมื่อรู้สึกว่าตันและหันไปทำเพลงในชื่อ The D.O.T. แนวเพลงก็ต่างจากเดิม ส่วนเฮีย Snoop Dogg พอไปทำเรกเก้ ก็เป็น Snoop Lion นี่ล่าสุดมาเป็น Snoopzilla เพราะทำเพลงฟังค์ (เกี่ยวกันไงวะ) และอีกคนนึงที่ใช้วิธีเดียวกันก็คือ Andrew McMachon

2683298473_a909152c3e_z

Andrew McMahon (แอนดริว ร้องนำ เปียโน) เริ่มต้นชีวิตนักดนตรีด้วยตำแหน่งนักร้องของSomething Corporate วงพังค์จากย่าน Orange County ซึ่งตัว Andrew ได้แต่งเพลงขึ้นมาในระหว่างที่พักทัวร์ แต่เขารู้สึกว่า มันไม่เหมาะที่จะเป็นเพลงของ Something Corporate และเมื่อแยกห่างจากเพื่อร่วมวงมากกว่าเดิมกว่าเดิม เขาก็เริ่มแต่งเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากขึ้น จนมันแยกห่างจากงานเพลงของวงหลัก เขาชอบมันมากถึงกับลงทุนจ่ายเงินค่าโปรดัคชั่นในการอัดเพลงเองเป็นเงินถึง 40,000 เหรียญ แต่ก็คุ้มค่าเพราะมันทำให้เขาได้สัญญากับค่ายเพลง Mavericks เขาจึงตัดสินใจตั้งวงขึ้น โดยทีแรกจะตั้งชื่อว่า The Mannequins แต่เบิ่อเทรนด์วงที่ชื่อ The เลยเปลี่ยนเป็น Jack’s Mannequin ตามชื่อตัวละครในเพลงของเขาแทน และหลังจากเริ่มต้นเขียนเพลงได้ 2 ปี อัลบั้มแรกของ Jack’s Mannequin ก็ได้ออกวางขายในปี 2005 ในชื่อ Everything in Transit

Sunday, February 23, 2014

Kendrick Lamar ดาวฮิพฮอพดวงใหม่

สัปดาห์ก่อนผมเขียนถึง Pusha T หนึ่งในศิลปินฮิพฮอพรุ่นใหม่ที่มาแรง และเมื่อพูดถึงศิลปินฮิพฮอพหน้าใหม่มาแรงแล้ว พลาดไม่ได้เลยที่จะกล่าวถึงชายคนนี้ เขาคือคนที่ถูกจับตามองมากที่สุด และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ถึง 7 สาขา แต่กลับแห้วไปหมดแบบที่เป็นที่โจษจัน เพราะกระแสสังคมมองว่าเขาควรได้แน่ๆ ขนาดที่ผู้ขนะยังขอโทษเขาและบอกว่าเขาเหมาะกับรางวัลมากกว่า แรปเปอร์หนุ่มที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คือ Kendrick Lamar

kendrick-lamar-coming-to-south-africa

Kendrick Lamar (เคนดริค) หนุ่มน้อยที่พ่อแม่มาจากชิคาโก แต่ย้ายมาอยู่ที่ Compton ในแคลิฟอร์เนีย ที่เขาเติบโตขึ้นมา และถ้าเอ่ยชื่อเมืองนี้ คงไม่ต้องสงสัยสำหรับแฟนฮิพฮอพ ว่ามันมีความสำคัญแค่ไหน เพราะมันคือหนึ่งในเมืองที่เป็นเหมือนตักสิลาของดนตรีฮิพฮอพตั้งแต่ยุค 80 และเป็นแหล่งกำเนิดของตำนานแกงสเตอร์แร๊พอย่าง NWA รวมไปถึงการเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแก็งสารพัดสารพันที่พร้อมจะห้ำหั่นกันได้ทุกเมื่อ ในเมืองที่โหดไม่น้อยเช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายมากที่เด็กผิวสีซักคนจะเดินไปบนเส้นทางของนักเลง แต่โชคดีที่ Kendrick ได้รับอิทธิพลทางดนตรีจาก Dr. Dre และ Tupac เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังถ่ายทำ MV เพลง California Love ใน Compton และนั่นก็ได้ทำให้เขาหลงใหลในดนตรี และเขาก็ยังเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดีอีกด้วย

Sunday, February 16, 2014

Pusha T เดี่ยวแล้วรุ่ง

สัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องของ Haim วงสามสาวพี่น้องที่รักกันดีไปแล้ว สัปดาห์นี้ เลยอยากเขียนเรื่องมุมกลับหน่อย เรื่องของศิลปินพี่น้อง ที่แยกตัวออกมากลายเป็นศิลปินเดี่ยวแล้วรุ่ง ชายคนนั้นคือ Pusha T ดาวฮิพฮอพที่มาอีกคนหนึ่งในยุคนี้นั่นเอง

PushaT_OMHHI

จุดเริ่มต้นของ Pusha T คือดูโอฮิพฮอพที่เขาจับมือกับ Malice พี่ชายตัวเองในชื่อ Clipse จากเวอร์จิเนียบีช เวอร์จิเนีย ตั้งแต่ต้นยุค 90 หรือพูดง่ายๆคือตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นนั่นเอง ซึ่งเป็นโชคดีของพวกเขาที่ผลงานของพวกเขาไปเข้าตา Pharrell Williams หนึ่งในยอดโปรดิวเซอร์ทีม The Neptunes เจ้าของเสียงกลองและจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ และเขาตัดสินใจรับเอาสองพี่น้องมาดูแล และดันจนได้เซ็นสัญญาเข้าค่ายเพลง Elektra และออกซิงเกิ้ล The Funeral ในปี 1999 ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในวงการฮิพฮอพ ด้วยจังหวะที่โครมครามของมัน ตามสไตล์งานที่ The Neptunes โปรดิวซ์ เสียงกีตาร์แบบสเปนคลอไปเบื้อหลัง แซมเปิ้ลสุดหนัก และลีลาการแร๊พที่ไหลลื่นของ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาได้แค่กล่อง แต่ไม่ได้เงิน เพราะยอดขายของซิงเกิ้ลไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ผลก็คือค่าย Elektra ตัดสินใจไม่ปล่อยงาน Exclusive Audio Footage ของพวกเขาออกขาย และยกเลิกสัญญากับพวกเขา

Monday, February 10, 2014

Haim รวมพลังพี่น้อง

ตามที่เล่าไปในสัปดาห์ก่อนที่เขียนถึง Chvrches ว่าไม่น่าเชื่อว่าจากที่ผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงที่ร้องโดยผู้หญิงเท่าไหร่ แต่ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่ามีหลายต่อหลายวงที่มีนักร้องนำเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นขึ้นมา นอกจาก Chvrches แล้วก็ยังมี The Jezabels, Warpaint, The Naked and Famous หรือ Ellie Goulding ซึ่งบางวงก็ไม่ใช่วงที่แค่มีผู้หญิงเป็นนักร้องนำ แต่เป็นสมาชิกหลักของวง กลายเป็นวงที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ ทำให้นึกถึงเทรนด์สาวร๊อคในยุค 90 (และวงฮิพฮอพลูกผสมหญิงล้วนอย่าง Luscious Jackson) ซึ่งวงที่เราไม่สามารถจะมองข้ามไปเวลาพูดถึงวงเหล่านี้ได้ก็คือ Haim

130930-haim-cover-lead

Haim (อ่านว่า ไฮม์ ไม่ใช่ ฮาอิม) มีจุดกำเนิดที่ต่างกับอีกหลายๆวง ที่เจอกันในมหาวิทยาลัยบ้าง ตามประกาศหานักดนตรีบ้าง แต่พวกเธอไม่ต้องไปตามหากันไกลที่ไหน เพราะพวกเธอคือพี่น้องท้องเดียวกัน ที่เติบโตมาด้วยกันในแคลิฟอร์เนียในครอบครัวชาวยิว ซึ่งทั้งสามสาวคือ Alana, Danielle และ Este (อลาน่า ดาเนียลเล่ และ เอสเต้) และดูเหมือนเส้นทางของดนตรีจะถูกปูไว้ให้สำหรับพวกเธอตั้งแต่เล็ก เพราะตั้งแต่เล็ก พวกเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีในครอบครัวที่ชื่อว่า Rockinhaim ร่วมกับพ่อแม่ของเธอ ออกเล่นดนตรีตามงานท้องถิ่น แววมาแต่เล็กครับ

Sunday, February 9, 2014

หลังเวที แฟนพันธุ์แท้ ประเทศญี่ปุ่น

จริงๆอยากเขียนเรื่องนี้ไวกว่านี้นะครับ ว่าเป็นไงมาไง ถึงได้ไปแข่ง แฟนพันธุ์แท้ แต่แบบ รอออนแอร์ก่อนค่อยเขียนดีกว่า ได้ฟีลดี แต่พอออนแอร์ ดันไม่มีเวลาล่ะทีนี้ เลยเลทมาเป็นวันเลย

S__11182084

คือ ใครที่ตามผมมาเรื่อยก็คงจะรู้ว่า เออ ผมก็บ้าประเทศญี่ปุ่นในระดับนึงล่ะ เขียนหนังสือออกมาสองเล่ม มีเมียญี่ปุ่น รับสื่อญี่ปุ่นตลอด ทำงานกับคนญี่ปุ่น จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปล่ะ พอเห็นว่ารายการ แฟนพันธุ์แท้ รับสมัครหัวข้อ ประเทศญี่ปุ่น ก็เลยคิดว่า เอาวะ ลองดู ไม่มีอะไรต้องเสียนี่หว่า (จริงๆเคยอยากจะแข่งถ้ามีหัวข้อ เซนต์เซย่า อีวานเกเลี่ยน แล้วก็ โจโจนะ โอตาคุบรรลัย) เลยส่งโปรไฟล์ไปสมัครกับทีมงาน ไม่กี่วันก็มีโทรศัพท์มาเรียกตัวไปสัมภาษณ์ที่เวิร์คพอยต์ ก็แท่ดแท่ดแท่ด ขับรถไปสตูเค้า ซึ่งอยู่ไกลมากๆๆ แต่ก็ดีที่

Monday, February 3, 2014

Chvrches ซินธ์พ๊อพชั้นเลิศ

สวัสดีวันจันทร์หลังเลือกตั้งครับ ตอนเขียนนี่เป็นวันศุกร์อยู่ ผลเลือกตั้งจะเป็นไง วุ่นวายแค่ไหน ก็ไม่อาจรู้ได้ครับ เอาเป็นว่า ระหว่างอะไรยังไม่เกิดก็ยังไม่ต้องห่วงครับ ฟังเพลงไปก่อน มานั่งไล่ดูเพลย์ลิสต์ส่วนตัว พบว่าวงใหม่ๆที่นักร้องนำหญิงเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งศิลปินหญิงเดี่ยว ซึ่งเทรนด์นี้ก็มาคู่กับแนวเพลงอีเล็กโทรนิกส์พ๊อพ ตั้งแต่ Little Boots, La Roux หรือ Ellie Goulding และอีกวงหนึ่งที่มาแรงแซงโค้งชนิดไม่พูดถึงไม่ได้เด็ดขาดคือ Chvrches

4_0

Chvrches หรือจริงๆอ่านว่า Churches แต่เปลี่ยน U เป็น V เพื่อสร้างความแตกต่าง (ก็เวลาเสิร์ชมันจะได้เจอง่ายๆไงครับ ลองเสิร์ชหาวง A ดูสิ ลำบากเอาเรื่อง) คือวงจากสกอตแลนด์ แดนขี้เมาที่เกิดจากการรวมตัวกันของสองหนุ่มและหนึ่งสาว ซึ่งต่างคนต่างคนต่างก็เคยทำงานเพลงมาก่อนแล้ว

Monday, January 27, 2014

สยามสแควร์ ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไป

วันนี้ผมหอบสังขารตัวเองมายืนอยู่ใจกลางเมืองกรุง ในสถานที่ที่มีชื่อว่า สยาม เมกกะสำหรับเหล่าวัยรุ่นไทยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ที่ไม่ว่าใคร ก็อยากจะเปิดตัวกับสยามด้วยแฟชั่นที่เก๋ที่สุดเท่าที่ตัวเองจะคิดได้ (แต่คนอื่นจะคิดว่าไงนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที)

2014-01-23 17.32.32

สาเหตุที่ผมยอมลำบากฝ่ามวลมหาประชาชนมาถึงสยามในครั้งนี้ ไม่ได้มาเปิดตัวอะไรหรอกครับ อายุเกินจะสนใจแฟชั่นล่ะ แต่ที่ต้องมา เพราะทราบข่าวน่าเศร้า เรื่องของการปิดกิจการของร้านค้าหลายร้านที่ผมเห็นมานาน ตั้งแต่ร้านหนังสือโอเดียนสโตร์ ร้านดังที่ขายหนังสือหลายเล่มที่ร้านอื่นไม่ได้ขาย ร้านอาหารนิวไลท์ ที่ย้ายขึ้นไปชั้นบนแทนร้านชั้นล่างเดิมที่เราคุ้นเคย ร้านนี้ผมชอบบรรยากาศแบบคาเฟ่หรือไดเนอร์เก่าๆที่หาไม่ค่อยได้แล้ว (เคยแนะนำให้คนญี่ปุ่นไปทาน ก็ติดใจบรรยากาศทันที) รวมไปถึงโรงหนังลิโด้ ที่ร่ำๆว่าจะไปแหล่มิไปแหล่ ทำให้คอหนังนอกกระแสต้องลำบากใจ (ก็มันจะเหลืออีกแค่กี่โรงที่ฉายหนังแนวนี้) แม้จะทุกวันนี้ลิโด้จะยังคงอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน

Monday, January 20, 2014

The Best of 2013 ย้อนไปในปีก่อน

ตามที่สัญญาไว้นะครับ ว่าจะลิสต์อัลบั้มโปรดของปีก่อน หลังจากอู้ไปนาน (หยุดตอนนึง สวัสดีปีใหม่ตอนนึง กับไปดูคอนเสิร์ต) กว่าจะได้เขียน ก็เข้าปี 2014 ไปหลายวันล่ะ คราวนี้เลยตัดสินใจ ตัดจาก 30 อัลบั้ม แบบที่ทำทุกปี เป็นแค่ 10 อัลบั้มก็พอ และปีที่ผ่านมาก็แปลกมา เพราะรู้สึกว่าไม่มีอัลบั้มไหนนอนมา เลยกลายเป็นการลิสต์10อัลบั้มโปรดของปีก่อน แทนที่จะเป็นการจัดอันดับแบบเดิมครับ

21dd905b

Chvrches - The Bones of What You Believe ดูโอซินธ์พ๊อพหญิงชายจากสกอตแลนด์ ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าทั้งสองคนเข้าใจสูตรเคมีของการสร้างดนตรีที่ติดหูเป็นอย่างดี แต่ละเพลงอัดแน่นด้วยตัวโน๊ตและท่อนฮุคที่พร้อมจะติดในหูเราในแรกฟัง เสียงร้องแบบเด็กสาวไร้เดียงสาแต่จริงๆแล้วแอบกร้านโลกสบถคำหยาบได้หน้าตาเฉยก็ช่างมีเสน่ห์เสียจริง แนะนำ Gun

Monday, January 13, 2014

GIRLS' GENERATION World Tour ~Girls & Peace~ in BANGKOK ฟินสุดๆ

ก่อนอื่น กราบขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่บอกไว้สัปดาห์ที่แล้วว่าจะลิสต์อันดับอัลบั้มโปรดของปีก่อน แต่เนื่องด้วยความจำเป็นกะทันหัน สัปดาห์นี้เลยต้องขอรีวิวคอนเสิร์ตก่อนครับ เหล็กดีต้องตีตอนร้อนครับ แหม่ เพราะว่า เพิ่งได้ไปดูคอนเสิร์ตของสาวๆ Girls’ Generation หรือที่เรียกย่อกันว่า SNSD จากชื่อภาษาเกาหลี (ผมจะคุ้นชื่อญี่ปุ่นว่า โชโจจิได มากกว่า เสพสื่อทางนั้นเยอะกว่าครับ)

GG_50

ทีแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ดูนะครับ เพราะสถานการณ์การเมืองบ้านเรากำลังปุดๆเลย แต่ทาง SMTrue ก็ติดต่อมา มีเหรอครับที่จะพลาด จริงๆผมเองก็รู้จักเหล่าสาวๆตั้งแต่ช่วงเดบิวใหม่ๆ ฟังเพลงช่วงต้นๆ จนไปเดบิวที่ญี่ปุ่นอีก (เคยเขียนถึงเมื่อนานแล้วด้วยนะ) แต่พอช่วงเริ่มบุกอเมริกา แนวเพลงเปลี่ยนจากใสๆสนุกๆ กลายเป็นเพลงจริงจังเจาะตลาดอเมริกามากไป (I Got a Boy) เลยไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่ต้องการเท่าไหร่ หลังๆเลยฟังแบบไม่จริงจังมากครับ (ไปติ่ง KARA อย่างจริงจังแทน เพราะเจาะตลาดญี่ปุ่นได้จริงจังมากเลยเจอในทีวีบ่อย) แต่ก็คิดว่า ถ้ามีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตก็คงดี พอมาครั้งนี้เลยไม่พลาดครับ (ต่อให้มีบังเกอร์มีอะไรพี่ก็จะฝ่าไปหาน้องงงงง) (คอลัมน์วันนี้ผมเขียนด้วยอารมณ์ติ่งเกาหลี ทั้งที่ปกติเป็นขาร๊อค)

Monday, January 6, 2014

Looking Back 2013

สวัสดีปีใหม่ 2014 ครับ จริงๆผมควรจะเขียนบทความนี้ในเล่มสัปดาห์ก่อน แต่ดันไม่รู้ก่อนว่า เล่มสัปดาห์ก่อนเป็นเล่มพิเศษ บทความผมต้องเว้นวรรค แทนที่จะได้ส่งท้ายปีเก่า เลยต้องย้ายมาสวัสดีปีใหม่ในเล่มนี้แทน (รู้งี้เก็บ Aloe Blacc ไว้ลงคราวหลังดีกว่า) หลายท่านคงจะเริ่มกลับมาทำงานวันนี้ บางท่านก็กลับมาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว กลับมาครั้งนี้ก็ขอมองย้อนกลับไปปีที่แล้วว่ามีอะไรที่น่าประทับใจเป็นการส่วนตัวบ้างครับ

คอนเสิร์ตแห่งปี ปีที่ผ่านมา ได้ดูคอนเสิร์ตน้อยครับ ไม่รู้ทำไม ที่ควรได้ดูก็เลื่อน ที่อยากดูบางอันก็พลาด แต่ก็ยังชื่นใจที่มีคอนเสิร์ตเจ๋งๆอย่าง Sonic Bang ให้ได้ดู เพราะสเกลของคอนเสิร์ตมันใหญ่มาก ศิลปินเยอะ จะเป็นการบุกเบิกเทศกาลดนตรีของไทยก็ว่าได้ อยากให้มีแบบนี้ทุกปีครับ ต่อให้ไม่ได้ถูกใจกับศิลปินที่มาทุกคน แต่แน่นอนว่า ก็มีอะไรให้ทุกคนได้สนุกกันแน่ๆ ผมเองก็เพลินกับวงร๊อคจากยุคตัวเองอย่าง Ash และ Placebo แต่ที่เหนือความคาดหมายสุดๆคือ Far East Movement ที่ผมกะไปดูแค่สนุกๆ แต่กลายเป็นว่า มันโคตรๆ สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ เอนเทอร์เทนคนดูได้อยู่หมัด จนเรียกได้ว่า ถ้ามาอีกก็คงไม่พลาดแน่นอนครับ สนุกขนาดนั้น อีกคอนเสิร์ตนึงที่อดจะพูดถึงไม่ได้คือ Bloc Party ที่จัดให้หนำใจ สมกับที่แฟนเพลงรอมานานเช่นกันครับ