Monday, March 17, 2014

The View ดิบสดแบบคนหนุ่ม

จุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งของวงการเพลงคือการที่โลกเชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้วงดนตรีหน้าใหม่สามารถโชว์ผลงานของตัวเองให้โลกเห็นได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้แสดงฝีมือมากขึ้น ยิ่งการทำเพลงที่สามารถตัดต่อได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ก็ทำให้มีเด็กวัยรุ่นที่พร้อมจะแสดงฝีมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างของวงที่เบิกทางให้กับศิลปินอินดี้รุ่นกระทงคือ The Arctic Monkeys ซึ่งหลังจากพวกเขาโด่งดังก็มีศิลปินที่เติบโตมาในแนวทางเดียวกันเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย และหนึ่งในวงเหล่านั้นคือ The View

url

The View มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนคือ Kyle Falconer (ไคล์ ร้องนำ กีตาร์) Kieran Webster (คีแรน เบส) Pete Reilly (พีท กีตาร์) และ Steven Morrison (สตีเว่น ร้องนำ) กลุ่มวัยรุ่นใน Dundee เมืองหนึ่งในสกอตแลนด์ ที่ตั้งวงตั้งแต่สมัยเรียน โดยเริ่มต้นจากการเล่นคัฟเวอร์วงดังๆก่อน และเข้าประกวดตามในโรงเรียน ซึ่งพวกเขาก็ชนะบ้าง และเริ่มแต่งและเล่นเพลงของตัวเองในผับของญาติ ทำให้ได้งานแสดงสดตามอีเวนต์ต่างๆ และผับในเมืองดันดีด้วย จนไปเข้าตาค่ายเพลงท้องถิ่นที่เซ็นสัญญาชวนพวกเขาเข้าร่วมงาน ได้ออกอีพีแรกชื่อ The View EP ตามชื่อวงในปี 2006 โดยประกาศขายทางเว็บไซต์ของค่ายเพลงและจำกัดจำนวนแค่ 2,000 แผ่นเท่านั้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็อัดเดโมอัลบั้มเต็มชุดแรก และปล่อยให้ฟังฟรีๆบนเว็บของต้นสังกัด เท่านั้นล่ะครับ พวกดีเจชื่อดังทั้งหลายที่ติดใจผลงานของเขาก็ร่ำลือถึงวงหน้าใหม่ที่มาแรงโคตรๆจากสกอตแลนด์ ดีเจชื่อดังอย่าง เซน โลว์ แห่ง BBC ก็ไม่พลาดที่จะอัญเชิญพวกเขามาเล่นสดในรายการ ทั้งๆที่นอกจาก EP แล้วก็ยังไม่มีผลงานอะไรอีก แถม EP ยังขายแค่วงแคบอีกด้วย กลายเป็นก้าวกระโดดให้วงเล็กๆจากเมืองดันดีเป็นที่จับตามมองในวงการเพลงทั่วเกาะอังกฤษ

พอราศีจับ อะไรมันก็ง่ายขึ้นครับ ปี 2006 นอกจากงานเล่นสดตามที่ต่างๆ พวกเขาก็เริ่มอัดอัลบั้มกับโปรดิวเซอร์ดังอย่าง Owen Morris และระหว่างนั้นก็ออกซิงเกิ้ลแรก Wasted Little DJ’s มาชิมลาง และก็เป็นเพลงแรกของพวกเขาที่ติดชาร์ทซิงเกิ้ลในอันดับที่ 73 ด้วยความที่มันเป็นเพลงพ็อพร๊อคที่รวดเร็วและเต็มไปด้วยพลังความสดของคนหนุ่ม และติดหูอย่างมาก เสียงร้องของไคล์มีส่วนที่ทำให้เรานึกไปถึง Pete แห่ง The Libertines อีกด้วย ไม่แปลกที่จะเป็นเพลงดัง ที่สำคัญ พวกเขาออกเพลงนี้ตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 20 ปีดีเลย พลังหนุ่มนี่มันสดดีจริงๆครับ

พอซิงเกิ้ลแรกทำให้พวกเขาเริ่มดังในวงกว้างมากขึ้น พวกเขาก็ตัดซิงเกิ้ลที่ 2 ชื้อ Superstar Tradesman ที่ยังมันส์ติดหูเช่นเดิม และมันยังขึ้นไปถึงอันดับ 15 บนชาร์ทเพลงเลยทีเดียว แววรุ่งเห็นชัดๆครับ แถมก่อนที่พวกเขาจะออกอัลบั้มเต็มแค่สัปดาห์เดียว พวกเขาก็ปล่อยเพลงเด็ด Same Jeans เพลงพ๊อพร๊อคกลิ่นสกาจางๆตามสไตล์วงอังกฤษที่พูดถึงชีวิตวัยรุ่นปอนๆได้อย่างฮามาก และมันก็กลายเป็นซิงเกิ้ลฮิตของพวกเขาเพราะขึ้นไปถึงอันดับ 3 ของชาร์ท เบิกทางให้อัลบั้มเต็มที่จะออกมาในอาทิตย์ต่อไปเป็นอย่างดี

Hats Off To The Buskers ออกวางขายในต้นปี 2007 และไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บนชาร์ตอัลบั้ม กลายเป็นผลงานเปิดตัวที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากกระแสของพวกเขาที่ถูกปั้นขึ้นมาตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาดังเพราะกระแสอย่างเดียว แต่คุณภาพเพลงของพวกเขา ที่เป็นเพลงพ๊อพร๊อคผสมสกาสไตล์อังกฤษ มีกลิ่นพังค์ปน แต่ละเพลงรวดเร็ว กระชับ สั้นติดหู และเต็มไปด้วยความสด เหมาะกับการเล่นสดอย่างเมามัน แถมยังมีความแสบแบบวัยรุ่นเมาๆเบลอ (สนุกไปหน่อย เจอจับโคเคนอดไปเล่นที่อเมริกาเลย) ไม่แปลกอะไรที่พวกเขากลายเป็นวงหน้าใหม่ขวัญใจมหาชนไปอีกวงหนึ่งเรียบร้อย

TheViewFriLeedsDD260811

พวกเขาใช้เวลา 2 ปีในการทำงานเพลงชุดใหม่ Which Bitch? ที่ออกมาในปี 2009 แต่น่าเสียดายที่แม้จะมีแรงหนุนจากสื่อ แต่พวกเขากลับไม่ประสบความสำเร็จในแง่ยอดขายนัก อาจจะเป็นเพราะว่าแนวเพลงแบบพวกเขาได้รับความนิยมน้อยลง คนหันไปสนใจเพลงร๊อคผสมเพลงเต้นรำซะมากกว่า

ซึ่งสองอัลบั้มที่ตามมาในปี 2011 ชื่อ Bread and Circuses ที่มีเพลงมันๆอย่าง Grace และ Sunday ก็ได้รับผลกระทบเดียวกัน เพลงของพวกเขาไม่ได้แย่นะครับ เพียงแต่ว่าไม่ได้แหวกจากแนวเดิมมากนัก อาจจะทำให้คนไม่ได้สนใจมากเหมือนเดิม แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบความสนุกของการปาร์ตี้และเมาจนพับกลางบาร์ ก็คงยังสนุกกับงานของพวกเขาได้เหมือนเดิม

พวกเขาคืนฟอร์มกลับมาได้หน่อยกับอัลบั้ม Cheeky for a Reason ในปี 2012 ที่ยังแน่นด้วยความสนุกในแบบของพวกเขา เพลงติดหูชวนแหกปากร้องตามในผับ ตั้งแต่ How Long หรือเพลงที่แฝงด้วยปรัชญาอย่าง The Clock ที่เรียบเรียงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และ Cheeky for a Reason ก็เป็นอัลบั้มที่ได้กลับไปติดชาร์ทท็อปเท็นได้อีกครั้ง

และจู่ๆ ปีก่อนพวกเขาก็ออกอัลบั้มรวมเพลง Seven Year Setlist ซึ่งเป็นการรวมเพลงดังๆของพวกเขาที่มักจะถูกนำมาเล่นในคอนเสิร์ตอยู่เสมอตามชื่ออัลบั้ม และยังมีเพลงใหม่อีกสามเพลงคือ Kill Kyle, The Standard และ Dirty Magazine รวมทั้งหมดเป็น 21 อัดแน่นด้วยความสนุกในแบบของพวกเขา ใครที่ชอบฟังเพลงอินดี้กีตาร์ร๊อคสนุกๆแบบอังกฤษ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะมันเต็มไปด้วยพลังของคนหนุ่มตลอดเวลาเกือบ 80 นาทีเลยทีเดียว

No comments: