Monday, February 3, 2014

Chvrches ซินธ์พ๊อพชั้นเลิศ

สวัสดีวันจันทร์หลังเลือกตั้งครับ ตอนเขียนนี่เป็นวันศุกร์อยู่ ผลเลือกตั้งจะเป็นไง วุ่นวายแค่ไหน ก็ไม่อาจรู้ได้ครับ เอาเป็นว่า ระหว่างอะไรยังไม่เกิดก็ยังไม่ต้องห่วงครับ ฟังเพลงไปก่อน มานั่งไล่ดูเพลย์ลิสต์ส่วนตัว พบว่าวงใหม่ๆที่นักร้องนำหญิงเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งศิลปินหญิงเดี่ยว ซึ่งเทรนด์นี้ก็มาคู่กับแนวเพลงอีเล็กโทรนิกส์พ๊อพ ตั้งแต่ Little Boots, La Roux หรือ Ellie Goulding และอีกวงหนึ่งที่มาแรงแซงโค้งชนิดไม่พูดถึงไม่ได้เด็ดขาดคือ Chvrches

4_0

Chvrches หรือจริงๆอ่านว่า Churches แต่เปลี่ยน U เป็น V เพื่อสร้างความแตกต่าง (ก็เวลาเสิร์ชมันจะได้เจอง่ายๆไงครับ ลองเสิร์ชหาวง A ดูสิ ลำบากเอาเรื่อง) คือวงจากสกอตแลนด์ แดนขี้เมาที่เกิดจากการรวมตัวกันของสองหนุ่มและหนึ่งสาว ซึ่งต่างคนต่างคนต่างก็เคยทำงานเพลงมาก่อนแล้ว

สมาชิกสาวเดี่ยวก็คือ Lauren Mayberry (ลอเรน ร้องนำ และซินธ์) นักร้องนำดีกรีระดับปริญญาโทด้านวารสารศาสตร์ ซึ่งเคยเป็นทั้งนักข่าว และทำวงดนตรีชื่อ Blue Sky Archives ส่วนอีกสองหนุ่มคือเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย Ian Cook (เอียน กีตาร์ เบส กลอง ซินธ์) อดีตวง Aereogramme และ The Unwinding Hours พร้อมทั้งทำเพลงประกอบรายการทีวี กับอีกหนุ่มคือ Martin Doherty (มาร์ติน ซินธ์) ก็เคยอยู่ในวง The Twilight Sad มาก่อน

จุดเริ่มต้นของ Chvrches เริ่มเมื่อตอนที่เอียนไปโปรดิวซ์งานให้ Blue Sky Archives แล้วชวนลอเรนมาร่วมร้องให้กับโปรเจ็คต์ใหม่ที่กำลังร่วมทำกับมาร์ติน หลังจากขลุกทำเพลงร่วมกันครึ่งปีในสตูดิโอที่กลาสโกว พวกเขาก็ตัดสินใจตั้งวง Chvrches ถาวร เพราะคิดว่าผลงานมันออกมาดีพอที่จะเดินหน้าอย่างจริงจัง โดยแนวทางเพลงของพวกเขาคือซินธ์พ๊อพที่เน้นความติดหูเป็นอย่างมาก โดยได้รับอิทธิพลจากศิลปินอีเล็กโทรนิกส์พ๊อพรุ่นพี่อย่าง Depeche Mode, Robyn รวมไปถึงศิลปินพ๊อพที่มีเซนส์ในการทำเพลงที่ติดหูอย่างร้ายกาจเช่น Prince, Cyndi Lauper และ Kate Bush

เพลงแรกที่พวกเขาเปิดตัวให้โลกได้รู้จักคือ Lies เพลงพ๊อพที่ไม่ได้เร็วมาก จังหวะออกจะครึกโครม บวกกับเสียงร้องแบบเด็กสาว ทำให้รู้สึกถึงเพลงพ๊อพที่เราเคยได้ฟังตามวิทยุในช่วงปลาย 90 ต่อต้น 2000 แล้วถูกนำมาปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งเพลง Lies ถูกปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดฟรีชิมลางทางเว็บไซต์ของต้นสังกัดของวง และเริ่มส่อแววความน่าสนใจของวงออกมา

และในกลางปี 2012 พวกเขาก็ได้ออกซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการนั่นคือ The Mother We Share เพลงที่แม้จะไม่ได้เร็วมาก แต่ด้วยชั้นเชิงของการซ้อนกันของเสียงสังเคราะห์ชั้นเทพบวกกับเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ของลอเรน ที่ฟังแล้วเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นแต่กลับพล่ามคำอย่าง fxxk ออกมาได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้มันกลายเป็นอีกเพลงที่ส่งให้พวกเขาเป็นทีฮือฮาในวงการเพลง ทั้ง iTunes ยกให้เป็นเพลงประจำสัปดาห์ The Guardian ยกให้เป็นวงประจำสัปดาห์

และเมื่อถึงปลายปี 2012 พวกเขาก็เริ่มดังแบบฉุกไม่อยู่ Lies ติดอันดับเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีของ NME และสื่ออื่นๆก็ดันให้พวกเขาเป็นวงน่าจับตามอง BBC เองก็จัดให้ Chvrches เป็น Sound of 2013 ศิลปินที่จะมาแรงในปี 2013 ร่วมกับ Laura Mvula, Haim, King Krule และ Tom Odell แววรุ่งมาเยือนแบบเต็มๆ แถมได้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้กับ Passion Pit อีกด้วย

พอต้นปี 2013 พวกเขาก็ออก EP ชื่อ Recover ซึ่งก็มีเพลง Recover นั่นแหละครับเป็นเพลงหลัก เพลงที่สามก็ยังเดินรอยตามรุ่นพี่ คือจังหวะปานกลาง ไม่ได้มีไว้เต้นแต่มีไว้ชิลๆฟังสบายมากกว่า แต่ยอมรับการเปลี่ยนจังหวะของพวกเขาที่เหมือนกับงานสถาปัตยกรรมชั้นเลิศที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กน้อย

8581538612_a5a5c66089_z

ซิงเกิ้ลต่อมีของพวกเขาคือ Gun เพลงโปรดของผม เพิ่งมีเพลงนี้ล่ะครับที่เร็วขึ้นหน่อย จังหวะของเพลงค่อยๆไล่เรียงขึ้นเรื่อยด้วยเสียงซินธ์ ก่อนจะเข้าท่อนเบรกที่ลอเรนร้องซ้ำไปซ้ำมา การไล่เรียงอารมณ์ของเพลงๆนี้เล่นเอาผมนึกถึงมาสเตอร์พีซอย่าง The Sun Always Shines On T.V. ที่เล่นเอาขนลุกทุกครั้งที่ได้ยิน ไม่แปลกอะไรที่มันถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลครับ

และในที่สุดเดือนกันยายน พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มเต็ม The Bones of What You Believe ที่เป็นผลงานชั้นเลิศของการผสมผสานเสียงสังเคราะห์เข้าด้วยกัน แต่ละเพลงช่างแพรวพราว ราวกับการรีดสเปคตรัมของแสงออกมาเป็นสีรุ้งแล้วเอามายัดลงไปในแผ่นซีดี พวกเขาทำเพลงออกมาเหมือนกับผสมเพลงพ๊อพยุค 80 เข้ากับดนตรีจากอนาคตกาล บวกด้วยเสน่ห์จากเสียงร้อง ทำให้เราได้อัลบั้มที่แน่นตั้งแต่ต้นจนจบ บางทีฟังเพลงของพวกเขาก็คล้ายๆกับ Purity Ring ที่ย้อนเวลากลับไปยุคที่เสื้อสีสะท้อนแสงกับจักรยาน BMX คือสิ่งที่เท่ที่สุด

The Bones of What You Believe คือหนึ่งในงานเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีก่อน กลายเป็นอัลบั้มเด่นที่ผมต้องเปิดทุกครั้งเวลาต้องการอะไรเบาฟังสบายแต่ไม่ไร้สาระ ล่าสุดพวกเขาหยิบเพลงดังจากยุค 80 อย่าง Bela Lugosi’s Dead ของ Bauhaus มาคัฟเวอร์เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ บอกได้แค่ว่า ไม่ควรพลาดหามาฟังครับ

ของฝากส่งท้ายนิดนึงครับ ผมไปแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้มา ไม่ใช่เรื่องเพลงนะครับ แต่เป็น แฟนพันธุ์แท้ ประเทศญี่ปุ่นครับ ตื่นเต้นเอาเรื่อง และกำลังจะออกอากาศในวันศุกร์นี้แล้ว อยากให้ช่วยเชียร์ด้วยนะครับ เวลา 22.20 น. ทางช่อง 5 คร้าบบ

No comments: