Friday, February 27, 2009

First Day in Switzerland

Because of the price of internet, i have to write the quciky one before i get cut off.

 

Swtzerland is friggin cold but it is just beautiful. I feel like walking in a movie scene.

 

time is running out. just check my photo then, cauze picture tells a lot.  bye

Thursday, February 26, 2009

Arrived at Qatar

I am writing this post in Doha International Airport. The fact that there is a free wireless internet service here is just awesome. I think that this is the basic installment to every airport since people need connection when they are on the road more than usual.

 

It took 8 hours fom Thailand to Qatar and we left Thailand on 8 pm and when we arrive at Qatar, it was just 11:45 pm. Man, every time I think about the time zone different, it just make me wonder all the time. I lost 4 hours of my life now, a bit weird, eh?

 

BTW, there was announcement in Chinese here too, but I still haven’t heard Japanese.

 

Gotta go soon, bye.

Wednesday, February 25, 2009

The Libertines: เพื่อน กูรักมึงวะ

Technorati Tags: ,

จริงๆผมเคยเอ่ยถึงวงนี้ไปบ้างแล้วตอนที่เขียนถึงวง Suede เพราะว่า ในเมื่อยุค 90’ มีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแล้ว ในยุค 00’ ก็มีอีกคู่เหมือนกัน และความขัดแย้งนั้นก็เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับต้องเข้าคุกเลยครับ พวกเขาคือ The Libertines

Band Pic

ตำนานของพวกเขาเริ่มขึ้นเมื่อ Pete Doherty (ร้องนำ กีตาร์) พบกับ Carl Barat (กีตาร์ ร้องนำ) ในช่วงที่ทั้งสองเป็นนักศึกษาต่างมหาวิทยาลัย และด้วยความเห็นที่ตรงกัน พวกเขาจึงย้ายมาอยู่ด้วยกันและเริ่มต้นเขียนเพลง หลังจากเปลี่ยนสมาชิกตำแหน่งอื่นไปมา (เคยมีสมาชิกชั่วคราวอย่าง Johnny Borrell ที่จะดังกับ Razolight ทีหลังด้วย) พวกเขาก็ได้ผู้จัดการวงที่ดีมาช่วยดูแล และดึงเอา John Hassel (เบส) และ Gary Powell (กลอง) เข้ามาร่วมวง พวกเขาเรียนตัวเองว่า The Libertines จากนิยายของ Maquis de Sade และแต่งเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นโดยที่จุดขายของวงคือสองแกนนำหนุ่มมาดเซอร์ที่ดูเหมือนรักกันปานพี่น้องร่วมมดลูก หรือ เพื่อนร่วมเตียง

 

และด้วยความที่ดนตรีของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีการาจ เลยทำให้สื่อชูพวกเขาให้เป็นวง the Strokes ของอังกฤษ โดยที NME เป็นเหมือนพ่อบุญธรรมที่คอยเชียร์มาตลอด พวกเขาได้ Bernard Butler อดีต Suede มาโปรดิวซ์ซิงเกิ้ลยอดเยี่ยมอย่าง What a Waster (แค่เลือกโปรดิวเซอร์ก็แววออกแล้ว) และทำให้พวกเขาดังไปทั่ววงการอินดี้ Carl และ Pete กลายเป็นคู่หูที่มักโดนเอาไปเทียบกับ Bernard และ Brett แห่ง Suede เพียงแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเขานั้นมันเฉียดฉิวกับการเป็นรักร่วมเพศเหลือเกิน เพราะนอกจากความรักกันเหมือนเพื่อนแล้ว หลายครั้งที่เรารู้สึกถึงความหึงหวง หรือวีนแตกระหว่างทั้งสองคนอีกด้วย

The Libertines Live

ด้วยความดิบ และสดของดนตรีของพวกเขา ทำให้พวกเขาแทบจะได้ครองวงการเพลงที่กำลังเห่อการกลับมาของดนตรีการาจอีกครั้ง และเมื่ออัลบั้มแรก Up the Bracket ออกมาก พวกเขาก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดไปในทันที เพราะสื่อแทบทั้งหลายพากันชมมันเกือบหมด ถึงสื่อจะไม่ชอบอัลบั้ม แต่ก็ไม่ด่ามาก เพราะพวกเขารักคนที่คลอดมันออกมา ในสายตาผม ผมคิดว่ามันเป็นอัลบั้มที่ดี แต่ว่าจะดีได้กว่านี้ถ้าปล่อยให้ Bernard โปรดิวซ์ต่อ ไม่ใช่ Mick Jones อดีต The Clash ที่เน้นความดิบมากเกินไปจนขาดเสน่ห์ แต่ถึงอย่างไรเพลงอย่าง Times for Heroes และ I Get Along ก็ยังมันสะใจอยู่ดี ผมเคยไปดูพวกเขาเล่นสดที่ญี่ปุ่น เลยเข้าใจว่าทำไมคนดูชอบ เพราะว่าพวกเขาเล่นกับคนดูเป็นอย่างดี และลากเอาแฟนๆขึ้นเวทีไปเล่นอย่าไม่เกรงใจคนจัดเลย

 

แต่เค้าลางปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อ Pete ใช้ยาหนักขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ช่วงอัดอัลบั้มแรก และหลายครั้งที่เขาขึ้นเล่นสดในสภาพ “เป็นหมา” แต่เมื่อพวกเขาไปอัดเสียงในอเมริกา อะไรก็เหมือนจะดีขึ้น โดยที่ทั้งคู่สักคำว่า The Libertines ไว้เป็นที่ระลึก แต่นั่นก็เหมือนเป็นช่วงสุดท้ายแห่งความสุข เมื่อกลับมาอังกฤษ พวกเขาก็เหินห่างกันมากขึ้นเพราะปัญหายาเสพติดของ Pete หลังจากออกซิงเกิ้ลชั้นยอดอย่าง Don’t Look Back Into the Sun พวกเขาก็แย่ลงเรื่อยๆ จุดแตกหักมาถึงเมื่อ Carl ไม่ได้ไปงานวันเกิดที่ Pete จัดให้เขา ทำให้ Pete โมโหและไม่ยอมไปร่วมทัวร์ แต่ Carl ก็บอกให้เขาไปเลิกยาก่อนกลับมา Pete เลยตั้ง Babyshambles ขึ้น และเมื่อ The Libertines ไปออกทัวร์ Pete งัดแฟลตของ Carl และขโมยเอาโน้ตบุ๊ก และถ้วยรางวัลไป เขาถูกจับได้และรับสารภาพจนต้องไปนอนคุกสองเดือน

The Libetines Album

แต่Carl ก็ไปรับเพื่อนเขาเมื่อออกจากคุก และพวกเขาก็กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันอีก และพวกเขาก็เริ่มอัดอัลบั้มใหม่ แต่ไม่นานปัญหาเดิมๆก็กลับมาอีก ถึงขนาดที่ว่าต้องมีคนคอยระวังไม่ให้ Pete ทำร้าย Carl ตอนอัดเพลง ในที่สุด Pete สัญญากับสมาชิกทั้งวงว่าจะไปรักษาตัวที่ถ้ำกระบอก สมาชิกวงเห็นดีด้วย และเล่นสดด้วยกันในคืนนั้น ซึ่งก็จะเป็นครั้งสุดท้ายของวง Pete ล้มเหลวกับการรักษาตัว และมากรุงเทพเพื่อเล่นยาแทน (ขอบใจ ไอ้เวร) เขาซื้อมีดพับจากเมืองไทยเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับ Carl และมันก็ทำให้เขาถูกจับข้อหาพกมีในสนามบิน แม้ครั้งนี้จะรอดคุกไป แต่เพื่อนๆไม่ยอมรับเขากลับเข้าวงแน่ แต่เขาก็ไปได้ดีกับ Babyshambles แทน ซิงเกิ้ล Cant’ stand Me Now และอัลบั้มเต็มชุดที่สอง The Libertines ที่ปกเป็นรูปสองเกลอโชว์รอบสักก็ถูกเข็นออกมา แต่ไม่นาน Carl ก็ยอมรับสภาพ และตัดสินใจแยกวง ปิดตำนานของ The Liberitines

 

หลังจากนั้น Pete ก็เอาจริงกับ Babyshambles แต่ก็ยังเป็นไอ้ขี้ยาเหมือนเดิม ส่วน Carl ก็จับมือกับ Gary และ Anthony มือกีตาร์ที่มาแทน Pete ตั้งวง Dirty Pretty Things ร่วมกับ Didz จาก The Cooper Temple Clause ส่วน John ตั้งวง Yeti แต่ก็พึ่งได้ออกซิงเกิ้ลเท่านั้น Pete และ Carl วนกลับมาเจอกันอีกในคลับ และแม้ช่วงแรกพวกเขาจะประหม่าบ้าง แต่สุดท้ายก็ลงเอยกันได้ ทุกวันนี้ Pete ก็ทำงานเพลงของเขากับ Babyshambles ส่วน Carl พึ่งยุบวง DPT ไปหลังจากสองอัลบั้ม พวกเขาบอกว่า โอกาสที่ The Libertines จะกลับมาก็มีอยู่ แต่ตอนนี้ Carl ยังไม่อยากทำอะไรหลังจากที่พึ่งยุบวงไป ทำให้เราต้องรอคอยว่า ไอ้คู่นี้มันจะกลับมาทำงานด้วยกันได้อีกหรือไม่

Saturday, February 21, 2009

モーモーパラダイスの牛カレー

 

今日はかなり暇な土曜日で起きてから「昼飯は何食べようかな」ということを考えるのが楽しみ。色々やってから、家を出た。買い物もしたかったから、セントラルワールドへ向かった。

 

デパートに着いたらなにを食べればいいかなって考えながらうろうろ歩いてた。かなり迷っていたな。結局よく行ってる「モーモーパラダイス」の食べ放題のすき焼き屋さんを通った時に「セットランチあります」と書いてあったから「モーパラ」に決定。

 

残念なことで、食べたかったすき焼き丼がなくて、牛カレーライスにした。セットでサラダとスープ付きで、125バーツだった。それに飲み放題の玄米茶は30バーツだけだった。いい値段だな。少し待ってこれ↓が出てきた。

MO-PARA

なんか美味しそう。Volume(カタカナで書けねぇ)も結構あるし。スープもかわいいカップに入っているし、いい感じだった。右には食べ終わったのサラダです(待てなかった)。普通のカレーと比べると乾いている感じがするけど、食べてみたら意外とJuicyだった。米すべてがカレーの味がした。それに具沢山で、贅沢な感じがした。既に乗せられているしょうがもかなり効いた。でも、もっとも良かったなのが、とてもやわらかい牛肉でした。食べるとかなり煮込まれることが分かった。とてもやわらかかった、本当に。やっぱ、牛肉の食文化は日本が一番いいかもな。結構気に入った。今度また他なやつ食べてみよう。

Wednesday, February 18, 2009

Learning How to Edit HTML is Fun

Technorati Tags:

 Well, It is clear that my blog has changed a lot. I decided to change the theme because the old one looked took Heavey Metal (I like it though) and it was a bit too hard to read so I decided to change to the brighter one.

 

And the other thing is I am so in love with Meiryo font now, and the template that I am using was set to the different font. So I had to learn how to change the defalut font. I just googled stuff around but got no answer. The IT staff in my company did not know much about XML as well, but he suggested that he might be able to do something with the HTML, so I asked him and just learn how to edit them a little by little. Finally, I did changed the font to Meiryo and Cordia.

 

More over, I found out that the template had only publish time, but no publish date. Well, it is a cool template but I want publish date as well. After googling for a while I found this blog and learned a lot from it. After spent some time learning about it, I could put the publish date on my blog, yeah.

 

The last thing was the header of the post was always in uppercase. I had to look and guessed a lot to learn how the change it to lowercase, and I did it, yahoo.

This might be the best learning method for me since I did not pay atttention to the proper education but just learn about many stuff by myself. Well, I always believe that learning new stuff is not easy, but it is never too hard to learn.

 

I just have to learn how to change post’s font size soon.

Finally,The new theme for my blog

After I have spent time looking for the new template for my blog since the last one was a bit to heavy metal. Hope this one is easier to read

Tuesday, February 17, 2009

A Day in a Life of サラリーマン Pt. 1

 

DSC00179

 

会社周辺にある食堂で昼寝している猫ちゃん。お腹に子供もいるのに、かなりリラックスだな。人間としてうらやましいです。昼寝なんて、俺もしてぇぇっぇ!

 

DSC00180

 

ってそう思っている間にこれを発見。かなりいい感じだった。中はタイ風のアイス(ココナツミルクが入っている)で、学生時代はよくバスケやった後に食ってた。だが器はココナツのカラっていうのはすごい。下にはココナツの身(正しい感じかな)も入っているし。めっちゃ甘い。そして、上にあるピーナツとかけられた牛乳で絶品だ。懐かしい味です。だが、これで20バーツって高いな。ココナツがなければ10バーツでも高いって思う。やっぱバンコクはな。

 

DSC00157

 

最後はこれ。ガキの頃は結構見かけたけど、最近はもうないなって思ったら見つけた。また懐かしい「ナム・ジャルアド」(ロケット水)です。体に悪そうな色しているのはシロップです。色んな味があります。黄色いのやつからなら、レモン、梅、RootBeer,イチゴ、???とバナナです。そのシロップをカップに入れ、ロケットの尻尾から出てくるソーダを入れ、完了。昔は田舎にはそんなにジュース売っていなかったので、ペプシよりこれの方がなれていたんですね。でも、今飲むとちょっと甘すぎて目が回る。たぶんもう飲まないけど、やっぱこういう古くて懐かしいものを大事にしている人はいたほうがいいよね。

はい、リーマンの一日終了(仕事のことは読みたくないよな)。

Monday, February 9, 2009

My Heart is For You

Technorati Tags: ,

昨日は久しぶりにシアム・パラゴンで遊んでた。友達が女にバレンタインにプレゼントをあげたいから、一緒に考えて、探していた。色々あったけど、気になったのはこのコ↓

DSC00171

外見から見るとなんか、なんてバレンタインのコナーにあるんだろうと思ってた。髑髏が好きだけどこれはバレンタインに合わねぇなって思った。でも左てがなんかさしてあるから、出してみたら… 

 

 

DSC00172

For Youって書いてあるハートだ。以外と可愛かった。でも、やっぱちょっと怖いね。大好きで自分のハートを提案できるのはいいんだけど、これはいろんな意味で「ハート」を提案しているって感じだな。とりあえず、俺の好みとちょっと違うな。どれくらい売れるかってめっちゃ知りたい。

結局何も買えなかったけどね。ってか、アイツどうすんだろう。

Friday, February 6, 2009

Tokyo Metro Manner

Technorati Tags: ,,

tokyometro_manner

Again, found this in www.japantoday.com and I can’t agree more. Seeing young brats doing something like that in any train is so damn annoying and I want to kick them all in the groins. Some punks even think they are cool doing that, man, you are just s.o.b. who has no respect to elders. It seems like the goo Japanese Spirit (which I like) is lost when it comes to train/subway. Just look around and do the right things, brats.

Japan’s unpopular men and women boycott love

Technorati Tags:

By Patrick W Galbraith

 

With Valentine’s Day just around the corner, many of us anticipate romance — or at least some “giri” chocolate. But not a certain breed of Internet-dwelling Japanese. They call themselves “himote,” or “the unpopular,” and they’re seeking asylum from the tyranny of love.

“Himote” perceive a gender bias in Japanese society — a bias against men. They reject the idea that guys must slave to accumulate capital and win women, and that romance is necessary for a fulfilled existence. With love on the back burner and time and energy to burn, these outsiders say they are happier, and smarter, than the average man.

The typical “himote” is an intelligent sort who is painfully shy and has difficulty communicating, and so spends a lot of time online. There are male and female “himote,” called “mo-otoko” and “mo-jo,” respectively.

A popular outlet for them is 2channel, Japan’s largest anonymous BBS site, but autonomous communities are on the rise. The Himote Army on Mixi, for instance, has 1,659 registered members, all of whom have passed a test to authenticate their “himote-ness.”

In November, “himote” got a networking site of their very own: Himote SNS. In its very first month, the community attracted 15,000 members, running the gamut from self-identified “human waste” and male virgins to “home security guards” (that is, unemployed layabouts). Eighty-eight percent of users are between the ages of 20 and 40, and four out of five are male. Another 10% describe themselves as “mo-jo,” and the rest are “nekama,” or virtual drag queens. The rules of engagement: if you get a girlfriend, you are banned; members can only talk about “himote” topics; comments by “riajyuu,” or those “satisfied in real life,” are not allowed.

“The site was originally founded so that the people who spend Christmas alone writing on 2channel could help one another get through it,” says Hiroyuki “Ega-chan” Egami, the founder of Himote SNS. “It is a place to go get companionship when you need it.”

Egami, a salaryman by day who operates as many as 100 websites as a hobby, is a self-proclaimed “himote” who is more interested in chitchat than pillow talk. He organizes regular offline meetings, like the Himote Conference in December which drew some 200 people to Loft/Plus One in Shinjuku. At the event, “shaberibeta,” or those with difficulty speaking, were given their own special zone, and paper bags were passed out at the entrance for those who were too embarrassed to show their faces. Of course, couples and anyone looking too smug were turned away at the door. Egami elicited cheers when he took the stage and said, “’Riajyuu,’ drop dead!”

With Valentine’s Day approaching, the group stands resolute. Their meeting, “Can I make 100 friends? Drenched in Loneliness Valentine’s Special!” will be held at Loft/Plus One just after midnight on Feb 13, in the opening hours of Valentine’s Day. Egami is hoping 200 people will attend to help ring in the holiday. The price of commiserating is 2,000 yen, but women get in free (no minors of either sex allowed). The online sister event, “Valentine’s Day Crush,” will take place on Oshaberi TV later that evening from 9-10 p.m.

Despite his extreme approach, Egami says he’s only against romance in the real world insofar as it limits the potential for personal realization. “’Himote’ is a culture, it is an ideology,” he insists. “It’s about being satisfied with who we are before we go looking for partners. If we do that, we realize we don’t need them to be happy. ‘Himote’ camaraderie grows from that understanding.”

For more information (in Japanese), see the Himote SNS at http://motetai.egachan.net or Hiroyuki Egami’s blog at http://tinyurl.com/egami-blog. Oshaberi TV can be accessed at www.oshaberitv.com.

This story originally appeared in Metropolis magazine (www.metropolis.co.jp).

Found this intersting article in www.japantoday.com (actual link is in the post before). Just wonder how Valentine is sucha bad day for some people. I think it sucks if you have to look for any one to spend Valentine day or Chrismas Day. It is just a media hype, people, be yourself, just do not be to desperate, that is just pathetic. And the people in the group mentioned above, they are just hypocrites, because they do not charge women but charge men to join the meeting, shame on you.

Japan’s unpopular men and women boycott love › Japan Today: Japan News and Discussion

Japan’s unpopular men and women boycott love › Japan Today: Japan News and Discussion

Posted using ShareThis

Tuesday, February 3, 2009

Tokyo Banana Pie

Technorati Tags:

DSC00165 先週末は説明会があったから、昨日は結構色々な日本にある日本語学校さんが来てた。いつもどおり優しくいろんなお土産をくださいました。その中、上の東京バナナパイはマジたまんない。よく買ったうなぎパイも美味しいが、このバナナの香りは最高です。ダイエットしてなければ全部食っちゃいます。今度日本に行く時は絶対買って帰ってきます。ってか、東京とバナナはどんな関係かな。バナナの木は一本も見たことないな。

เมื่อวานนี้มีแขกเป็นโรงเรียนญี่ปุ่นมาเยี่ยมซะหลายโรงเรียน และแน่นอนว่าตามประเพณีญี่ปุ่น ต้องมีของติดไม้ติดมือมาเสมอ และงานนี้ก็ไม่พลาดครับ กรุณามีของติดไม้ติดมือมาเหมือนทุกครั้ง และที่งวดนี้ประทับใจสุดๆคือ ไอ้เจ้า Tokyo Banana Pie ที่เห็นนี่แหละครับ อร่อยโคตร จริงๆแล้วมันคือพายกรอบๆที่มีกลิ่นกล้วยนี่เอง แต่ว่ามันผสมได้ลงตัวพอดี ทำให้อร่อยได้อย่างเหลือใจเลยจริงๆครับ ไปญี่ปุ่นครั้งหน้า ซื้อกลับมาแน่นอนคร้าบบบ (ว่าแต่ โตเกียวมันเกี่ยวอะไรกับกล้วยหว่า ไม่เคยเห็นซักต้นน้า)

Monday, February 2, 2009

アイ・ラブ・トッテナム

Technorati Tags: ,

やっと本物のトッテナムのジャージーをゲット。

周りの人たちは俺はどれくらいこのチームが大好きってわかるんだろ。もう高1の頃からこのチームへの思いは減ることなく、増える一方だ。

確かに強豪チームじゃないし、リーグ優勝の夢みてぇし、カップ優勝もあんまりないし。だが、俺敵にはイギリスリーグならトッテナムしかねぇぞ。もう15年応援してきて、応援しなくなうのは俺が死ぬ時なんだ。今年もボロボロだけど、俺は応援するぜ。今から、試合の日は必ずこのジャージー来て応援するぞ。

頑張ろう!トッテナム!

Ps. 今ニュースチェックしてるけど、なんか俺の大好きなRobbie Keaneが移籍してトッテナムに戻ってくるかも。マジ嬉しい。リヴァプール行っちゃったときは俺涙目だったぞ。お前の「家」はここにあるぜ。Come Back to Where You Belong

写真は前(タイ語のやつ)と似てるが、やっぱ載せたいね。

DSC00163

Come On You Spurs

Technorati Tags: ,

ในที่สุดก็ได้ใส่เสื้อสเปอร์ของแท้ซักที่ ต้องขอบคุณเพื่อนเอิร์ธที่หอบหิ้วมาให้จากอังกฤษ ถึงผลงานทีมจะห่วยแตกแค่ไหน (เมื่อวานก็แพ้) ถึงจะต้องลุ้นตกชั้นแค่ไหร แต่เราก็รักทีมนี้ เพราะนั่นแหละคือความมสุขของการเป็นแฟนสเปอร์

Glory Glory Tottenham Hotspurs รักทีมนี้ตลอดไปโว้ย

(ที่งงคือ เสื่้อ Size S เราสูง 182 ใส่พอดีเป๊ะ ทำไมตัวมันใหญ่จังวะ แล้วไอ้พวกนักเตะเตี้ยหมาตื่นแบบ Aaron Lennon มันใส่ได้พอดีนี่มันsizeอะไรวะ)

(อีกเรื่องคือ เสื้อขาว ผ้าบาง ขนาดพอดีตัว ใส่แล้วเห็นหัวนมเลย สงสัยต้องใส่เสื้อซ้อน เฮ้อ ลำเค็ญว่ะ)

DSC00163