เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียน เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น เมืองซึ่งผมถือเป็นบ้านหลังที่สองด้วยความผูกพันจากการได้อาศัยพึ่งพิงเมืองๆนี้เป็นเวลาเกือบสี่ปี และสิ่งหนึ่งที่ผมทำเสมอเมื่อต้องเดินทางคือ เตรียมยัดเพลงต่างๆลงไปใน iPod คู่ใจ และอีกอย่างที่ผมชอบทำคือมักจะไรท์แผ่นรวมเพลงที่จะเอาไปเปิดในรถคนอื่นแก้เซ็งอีกด้วย (นิสัยเสียที่ไม่ควรเอาอย่าง โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่รถแฟน พี่น้อง หรือเพื่อนสนิท) และด้วยเหตุที่ว่าญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงหน้าร้อน ทำให้ผมเลือกเอาเพลง Teenage Kicks ของวง The Undertones ใส่ลงไป
และเมื่อ Teenage Kicks กังวานขึ้นมาในรถของคนรู้ใจท่ามกลางค่ำคืนฤดูร้อนของญี่ปุ่น น้ำตาก็คลออยู่ที่เบ้าตาของผมทันทีหลังจากเพลงๆนี้จบลง อาจจะสรุปได้ง่ายๆว่า เพราะความสมบูรณ์แบบของมัน ทำให้เราไม่อาจหยุดความตื้นตันที่มีเพลงที่งดงามขนาดนี้จุติลงมาบนโลก และอีกเหตุผลหนึ่ง น่าจะเป็นการที่เพลงๆนี้มีบรรยากาศของฤดูร้อนอบอวลแน่นอยู่ในเพลง บวกกับเนื้อเพลงที่บอกกล่าวถึงความกลัดกลุ้มใจของวัยรุ่นได้ภาษาง่ายๆแต่กินใจที่สุด ซึ่งใครที่เคยใช้ชีวิตวัยรุ่นมา คงจะโยงใยมันเข้ากับประสบการณ์ของตัวเองได้อย่างง่ายดาย และความสำเร็จของเพลงนี้นอกจากจะต้องยกความดีความชอบให้กับวงที่ผลิตมันออกมาแล้ว ยังต้องขอบคุณดีเจอีกรายหนึ่งด้วย
Teenage Kicks คือเพลงที่ดังที่สุดของวงพังค์ร๊อควงจากไอร์แลนด์เหนือที่ชื่อ The Undertones มันถูกออกวางขายในปี 1978 ผ่านตราแผ่นเสียง Good Vibrations ซึ่งในตอนแรก Terri Hooley เจ้าของ Good Vibrations ตะเวนแบกมันไปขายให้กับตราแผ่นเสียงที่ใหญ่กว่าในลอนดอน แต่เขาก็ถูกเมินจากทุกคน ทั้งๆที่เขาคิดว่ามันดีพอที่จะทำให้ทุกคนรักมันได้ สุดท้ายเขาก็ต้องหอบมันกลับไปที่เบลฟาสต์และร้องไห้กับตัวเอง
แต่ว่า โชคก็เข้าข้างเขา เมื่อดีเจคนหนึ่งที่ได้รับแผ่นเสียงเพลงนี้ ซึ่งเป็นแผ่นเดียวที่ Terry แจกให้สื่อ เปิด Teenage Kicks ในคืนนั้น และเมื่อจบเพลง เขากล่าวว่า “มันน่าจะเป็นเพลงยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่คุณเคยได้ยินไม่ใช่เหรอ” กับผู้ฟัง และเปิดมันอีกรอบทันที ซึ่งเป็นการแหวกธรรมเนียมของดีเจจริงๆ และก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนตลอดชีวิตการทำงานของเขา และTeenage Kicks คงไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก ถ้าหากว่าดีเจคนนั้นไม่ได้มีชื่อว่า John Peel ซึ่งเป็นดีเจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเพลงของอังกฤษ เป็นชายที่หลงใหล และรักดนตรีจากก้นบึ้งหัวใจ และเป็นที่ยอมรับของทุกคนในวงการเพลง สำหรับ The Undertonesแล้วเรียกได้ว่า ถ้าสวรรค์มีตา ชายที่ชื่อ John Peel ก็มีหูเช่นกัน และหูนั้นก็พาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จในวงการอินดี้ แม่ว่ามันจะสามารถตะกายขึ้นชาร์ตเพลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ที่อันดับ 31 เท่านั้น แต่ด้วยการหนุนหลังของ John Peel ทำให้ The Undertones เปลี่ยนจากวงที่เคยโดนถ่มน้ำลายใส่กลายเป็นวงที่เป็นที่รักของวัยรุ่น
ไม่แปลกอะไรที่ John Peel จะตกหลุมรัก Teenage Kicks อย่างมาก อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่ามันยอดเยี่ยมทั้งเนื้อหาและอารมณ์ของเพลง เนื้อเพลงที่ Feargal Sharkey ร้องซ้ำไปมาอย่าง
Are teenage dreams so hard to beat
Every time she walks down the street
Another girl in the neighbourhood
Wish she was mine, she looks so good
I wanna hold her wanna hold her tight
Get teenage kicks right through the night
I'm gonna call her on the telephone
Have her over cos I'm all alone
I need excitement oh I need it bad
And it’s the best, I've ever had
I wanna hold her wanna hold her tight
Get teenage kicks right through the night
บ่งบอกถึงความรู้สึกของวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยแรงขับดันจากภายในร่างกายที่เร่าร้อน ความห่าม ความเลือดร้อนที่ต้องการแสดงออก ความกลัดมันที่อยู่ในใจ ความว้าวุ่นใจต้องการที่จะหาใครซักคนมากอดไว้ในอ้อมอก
ลองมองย้อนกลับไป ไม่ว่าใครก็ต้องผ่านจุดๆนั้นมา แม้ตัวผมเองจะมารู้จักเพลงนี้เอาก็ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เนื้อเพลง และอารมณ์ของเพลง ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปที่ปิดเทอมหน้าร้อนเมื่อสมัยวัยรุ่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสนุกในการออกตระเวนราตรีกับเพื่อนสนิท การขับรถเล่นรับลม การขโมยตกปลา เล่นกีฬายันค่ำ ดูบอลยันสว่าง การนั่งดูดาว และที่สำคัญคือความว้าวุ่นใจในเรื่องเพศตรงข้าม เรื่องแบบนี้ใครๆก็ต้องเคยผ่านมาทั้งนั้น และ Teenage Kicks ก็จับเอาอารมณ์ในช่วงที่เจิดจรัสที่สุดของชีวิตเราได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยม จนทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ภาพในอดีตของเราก็มักจะถูกฉายย้อนกลับไปมาในสมองของเราเหมือนฟิล์มหนังเก่าๆที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่นั่งดูมัน
John Peel หลงรักเพลงๆนี้มากถึงขนาดยกให้มันเป็นเพลงที่ดีที่สุดในชีวิต ทั้งๆที่เขาน่าจะมีแผ่นเสียงเยอะที่สุดในเกาะอังกฤษ แต่ทุกครั้งที่เขาต้องการฟังเพลงที่ดีที่สุด เขาก็หันไปหาแผ่นเสียงปกสีเหลืองมัสตาร์ดแผ่นนี้บนชั้นวางเสมอ เมื่อเมื่อเขาจากโลกนี้ไป แน่นอน เพลงที่เปิดในงานศพของเขาก็คือ Teenage Kicks พร้อมทั้งสลักป้ายหลุมศพว่า Teenage Dreams, So Hard To Beat
Teenage Kicks คือเพชรเม็ดงามของวงการเพลงที่สร้างความสุขให้กับเราทุกครั้งที่ได้ฟังด้วยการนำเราไปสู่อดีต แต่สำหรับปัจจุบันแล้ว สิ่งที่เราควรทำคือ ปาดน้ำตาแล้ว หันไปบอกคนข้างๆเราว่า I wanna hold you I wanna hold you tight พร้อมทั้งทำอย่างที่พูดเถอะครับ
No comments:
Post a Comment