Monday, August 1, 2011

Amy Winehouse ดวงดาวที่ดับแสง

Technorati Tags: ,

ใจจริง ผมเองมีแผนที่จะเขียนเรื่องอื่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่า เกิดเหตุอันไม่คาดฝันทำให้ผมต้องเปลี่ยนหัวข้อในการเขียนมาเป็นเรื่องที่อยากเขียนน้อยที่สุด นั่นคือการเขียนไว้อาลัยให้กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของศิลปินที่ชื่นชอบ ซึ่งในครานี้ ก็คือ Amy Winehouse ศิลปินหญิงมากความสามารถ แต่ชีวิตกับถูกสิงด้วยเหล้าและยาเสพติดแบบที่เธอหนีจากมันไม่พ้น จะต้องจบชีวิตลงด้วยวัยสาวเพียงแค่ 27 ปี เท่านั้น

amy_winehouse-1311444225

ชีวิตอันแสนสั้นของ เอมี่ ไวน์เฮาส์ เริ่มต้นในครอบครัวชาวยิวที่พ่อคนขับแท็กซี่ของเธอชอบร้องเพลงคลาสสิกให้เธอฟังเสมอๆ แม้ครอบครัวจะแตกแยก แต่เธอก็ได้โอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะการแสดง ก่อนจะถูกไล่ออกมาทีหลัง แต่เพชรก็ยังเป็นเพชร ความพยายามในการแต่งเพลงของเธอไปเข้าตาค่ายเพลง ก่อนที่จะได้ไซมอน ฟูลเลอร์ พ่อมดนักปั้นศิลปินมาดูแล ก่อนที่เธอจะกลายเป็นต้นเหตุของศึกระหว่างค่าย Island และ EMI ที่แย่งตัวเธอกันเพราะเห็นความน่าสนใจและจุดขายที่ต่างจากศิลปินดาดๆในยุคนั้น

หลังจากได้ค่ายเพลงอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน เธอก็เริ่มต้นสร้างสรรค์เพลงของตนเอง ซึ่งผสมผสานกันระหว่าง เพลงโซล แจ๊ซ และ R&B แบบคลาสสิก ซึ่งเธอแต่งเพลงเองทั้งหมดและบรรจงร้องออกมาด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ทรงพลังของเธอ ซึ่งหากได้ยินแค่เสียง อาจจะนึกว่าเป็นงานของนักร้องผิวสีที่หลุดมาจากยุค ’60 เอาก็ได้ นอกจากเสียงแล้ว รสนิยมเรื่องแฟชั่นของเธอ ยังแหวกแนวแบบไม่ซ้ำรอยใคร เธอหลงไหลแฟชั่นย้อนยุคมาก และทำผมทรงรังผึ้ง (beehive) แบบย้อยยุค บวกกับการเขียนตาแบบพระนางคลีโอพัตรา นอกจากนี้ เธอยังมีความห้าวและแสบแบบสาวพังค์ร๊อคอยู่ในตัว ทำให้เธอเหมาะสมกับความเป็นซูปเปอร์สตาร์แห่งยุคอีกคนจริงๆ

อัลบั้มแรกของเธอ Frank ออกในปี 2003 และมันก็เป็นอัลบั้มที่ทำได้ดีทั้งยอดขายและเสียงวิจารณ์ในประเทศอังกฤษ ทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นทีรู้จักไปทั่ว ด้วยอานิสงค์จากซิงเกิ้ลเด่นๆอย่าง Stronger Than Me หรือ Pumps ด้วยความที่มันเป็นช่วงฟื้นฟูของดนตรีอังกฤษพอดี ตลาดวงการเพลงเต็มไปด้วยความสดชื่นและศิลปินอินดี้ทยอยออกอัลบั้มมาก ความแปลกใหม่ของเธอทำให้เธอกลายเป็นแนวหน้าและเป็นผู้เบิกทางให้กับศิลปินสาวมากกความสามารถรุ่นหลังอย่าง Adele หรือ Lilly Allen ถึงขนาดที่ Adele ยังบอกว่า ไม่มีเอมี่ ก็ไม่มีเธอในวันนี้

แต่สิ่งที่ตามมาคือ ความสำเร็จกลายเป็นสิ่งที่ลากเธอเข้าหาเหล้าและยาเสพติด เธอเริ่มมีปัญหาเสพติดทั้งสองสิ่งอย่างรุนแรง จนทั้งคนรอบตัวและค่ายเพลงเป็นห่วงและบังคับให้เธอเข้ารับการบำบัด แต่เธอก็ไม่ยอม

และเธอนำประสบการณ์ดังกล่าวมาเขียนเป็นเพลง Rehab เพลงที่กลายมาเป็นเพลงสร้างชื่อในระดับโลกให้เธอ มันกลายเป็นเพลงฮิตไปทั่ว ไม่เพียงแค่ในเกาะอังกฤษ เธอยังกลายเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวอังกฤษที่ไปเจาะตลาดอเมริกาได้อย่างงดงาม และยังดังไปทั่วโลก Rehab กลายเป็นเพลงประจำตัวเธอไป จะว่าไป มันคงเป็นเพลงที่แสดงตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจนที่สุด

และอัลบั้ม Back to Black ตามมาในปี 2007 ก็กลายเป็นงานมาสเตอร์พีซของชีวิตนักดนตรีของเธอ มันกลายเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน และยังเข้าชิงและคว้ารางวัลทางด้านงานเพลงจากหลายๆสถาบัน และส่งให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ตัวจริงเสียงจริงอย่างเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

แต่ในด้านมืด มันก็ไม่ต่างจากเพลงของเธอ เธอมีปัญหาการเสพติดอย่างเรื้อรัง ไม่หยุดหย่อน และชีวิตคู่ของเธอ กับสามีขี้ยา ก็กลายเป็นตัวเร่งให้เธอวิ่งตรงดิ่งสู่ขุมนรกของยาเสพติดเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนคนรอบตัวต้องจับทั้งสองแยกจากกัน ก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกจากคดีอื่น แม้จะดีขึ้นบ้าง แต่สุดท้าย เธอก็จมอยู่ในวงเวียนของการใช้ยาและเหล้า จนภาพเธอเมาเหล้าหมดสภาพมีเห็นได้ตามหนังสือพิมพ์หัวสีอยู่ตลอด

amyES1407_468x642

แม้จะพยายามสร้างสรรค์งานเพลง แต่ดูเหมือนเธอจะหมดเวลาไปกับการเมาหัวราน้ำเสียมากกว่า แม้จะเข้ารับการบำบัด แต่เมื่อออกมาจากสถานบำบัด เธอก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต เธอเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่เซอร์เบีย ก่อนจะถูกโห่ไล่ลงจากเวที เนื่องจากเมามายหมดสภาพจนจำเนื้อเพลงไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กลับมาอังกฤษ พยายามรักษาตัว และมีนัดหมายกับแพทย์หลายราย แต่ในเช้าวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา เธอร้องและเล่นคนตรีในห้องของเธอจนเช้า ก่อนที่คนดูและจะมาเห็นว่าเธอหลับไปในตอนเช้า เมื่อเขาเข้ามาเช็คอีกทีในตอนบ่าย ก็พบว่าเธอเสียชีวิตเสียแล้ว แม้เหตุผลของการเสียชีวิตของเธอจะไม่แน่ชัด แต่ก็คงพูดได้ว่า การใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเธอมีผลไม่น้อย และดวงดาวที่ส่องแสงก็ลาลับฟ้าไปอีกหนึ่งดวง

มันเป็นเรื่องตลกร้าย ที่การไม่ยอมรักษาตัวของเธอ กลายเป็นที่มาของเพลงดังที่สุดและสร้างชื่อให้กับเธอ ในขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของเธอไปด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมเองก็อยากรู้ว่า เธอจะเลือกเดินเส้นทางเดิมหรือไม่ RIP Amy Winehouse

No comments: