Monday, February 7, 2011

Deftones ในที่สุดก็มาไทย

Technorati Tags: ,

ดูรายชื่อคอนเสิร์ตที่จะมาในปีนี้ บอกตรงๆว่า เอาใจคนรุ่นใหญ่จริงๆครับ เพราะทีมา มีแต่รุ่นเก๋ามีพระกาฬทั้งนั้น ซึ่งก็น่ายินดีกับแฟนเพลงรุ่นเก๋า แต่กับรุ่นกลางแบบผม บอกตรงๆว่าเมื่อได้ข่าวว่า Deftones จะมาเมืองไทย ก็ดีใจจนลิงโลด เพราะว่าเป็นวงที่ผมฝังมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ก็เลยได้โอกาสแนะนำวงเพื่อเตรียมพร้อมไปมันกันครับ

Deftones เกิดขึ้นเมื่อ Stephen Carpenter (สตีเฟ่น กีตาร์) ถูกรถชนตอนเล่นสเก๊ตบอร์ด และต้องนั่งรถเข็น หนุ่มไฟแรงอย่างเขาจึเอกหัดกีตาร์เพื่อฆ่าเวลา และพอหายดี เขาก็ได้รู้จักกับ Chino Moreno (ชิโน่ ร้องนำ) และ Abe Cunningham (อาเบะ กลอง) ในวงเด็กสเก๊ตที่สคราเมนโต้ และเมื่อทราบว่าสตีเฟ่นเล่นกีตาร์ พวกเขาก็ตัดสินใจตั้งวง ก่อนที่จะได้ Chi Cheng (ชิเช็ง เบส) มาเล่นเบสหลังจากลองมาหลายคน และเรียกตัวเองว่า Deftones พวกเขาเริ่มเขียนเพลง และออกเล่นสด จนทำให้ค่าย Maverick ติดใจ และเซ็นสัญญากับพวกเขาPromo pic

พวกเขาออกงานชุดแรก Adrenaline ในปี 1995 โดยร่วมงานกับ Terry Date โปรดิวเซอร์คู่บุญ แม้มันจะไม่ได้รับแรงหนุนจากสื่อ แต่การทำงานหนักของพวกเขาทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่แฟนพันธุ์แท้ และทำยอดขายได้ในระดับน่าพอใจ ผลานของพวกเขาแม้จะถูกจัดเข้ากลุ่ม Nu-Metal เหมือนพวก Korn ที่เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงนั้น แต่ว่าดนตรีของพวกเขาก็แตกต่างออกมา แล้วเพลงอย่าง 7 Words และ Engine No. 9 จะเป็นเพลงที่อัดหนักแบบไม่ยั้งก็จริง แต่อีกเพลงเด่นอย่าง Bored หรือ One Weak ก็แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวงอย่าง Radiohead ที่มีต่อเพลงพวกเขาอีกด้วย

พวกเขาสร้างชื่อได้อีกเมื่อไปทำเพลง Teething ประกอบหนังเรื่อง The Crow ภาคสอง และยิ่งดังไปอีก เมื่ออัลบั้มขุดที่สอง Around The Fur ที่ออกวางขายในปี 1997 ประสบความสำเร็จส่งพวกเขาเป็นวงแถวหน้าในวงการในทันทีโดยเฉพาะความสำเร็จจากซิงเกิ้ลอย่าง My Own Summer (Shove It) และ Be Quiet and Drive (Far Away) ที่ทั้งหนักหน่วง และล่องลอย ทำให้พวกเขาได้รับความนิยมในวงการเพลงอย่างมาก

แต่ในงานชุดที่สาม พวกหเขากลับทำสิ่งที่ท้าทายเอามากๆ เนื่องจาก แทนที่พวกเขาจะทำงานเพลงหนักๆแบบเดิม พวกเขากลับเลือกแนวทางที่แปลกไปกว่าเดิม งาน White Pony ในปี 2000 เป็นงานที่ออกจะหลอนมากกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลอย่าง Change (In the House of Flies ที่ล่องลอยสุดๆ หรือเพลง Digital Bath ที่ใช้จังหวะทริปฮอป บวกกับเนื้อเพลงสุดโรคจิต หรือ Knife Party เกี่ยวกับการเสพยา กระทั่ง Passengers ที่ได้ Maynard James Keenan จาก Tool มาร่วมงานด้วยก็กลายเป็นเพลงที่หลอนแบบสุดๆเกี่ยวกับเซ็กซ์บนรถ และมันกลายเป็นงานที่ท้ายทายเผ็นอย่างมากและทำให้พวกเขาฉีกตัวเองออกมาจากวง Nu-Metal วงอื่นๆได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นอัลบั้มแรกที่ Frank Delgado (แฟรงค์ DJ คีย์บอร์ด) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการหลังจากทำหน้าที่สแครตข์ในสองอัลบั้มแรก พวกเขายังฝากผลงาน EP เสริมชื่อดังอย่าง Back To School ที่โคตรเท่ให้เราได้ทึ่งอีกชุด

deftones

ในปี 2003 พวกเขาได้ออกงานชุดที่ 4 ชื่อ Deftones โดยที่มันยิ่งขยายขอบเขตของงานกว้างออกไปยิ่งขึ้น โดยมีจุดเด่นที่ซาวด์หลอนๆและเสียงกีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ Frank ก็หันเหจากบูทดีเจ มาเป็นคีย์บอร์ดและ ซินธิไซเซอร์ ทำให้ได้ซาวด์ที่กว้างขึ้นกว่าเดิม ซิงเกิ้ลอย่าง Minerva และ Hexagram ก็เป็นเพลงหนักๆหลอนๆสะใจเหมือนเก่า ส่วน Lucky You ก็เป็นงาน Trip Hop อย่างเต็มตัว และยังมีเพลงช้าๆอย่าง Anniversary of an Uninteresting Event แต่ถ้าอยากอัดหนัก ก็ต้อง When Girls Telephone Boys ที่ไม่ทิ้งลายเดิมจริงๆ

แต่มา พวกเขาก็ออกงานเพลงชุดใหม่ Saturday Night Wrist ในปี 2007 หลังจากพักงานมานาน และ มันเป็นงานชุดแรกที่ Chino มารับบทมือกีตาร์ที่สองเต็มตัว ทำให้พวกเขาได้เสียงใหม่ๆอีก และมันก็มีเพลงเด่นอย่าง Hole in the Earth ที่ล่อยลอยแบบหนักหน่วง Pink Cellphones ที่แหวกแนวมาก ส่วน Rats!Rats!Rats! ก็หนักหน่วงสะใจจริงๆ

หลังจาก SNW พวกเขาก็เริ่มอัดงานเพลงชุดใหม่ แต่ Chi Cheng ประสบอุบัติเหตและตกอยู่ในสภาพโคม่า ทำให้พวกเขาโละงานทิ้งหมด และให้ Sergio Vega เข้ามาช่วยงานแทน และเล่นคอนเสิร์ตการกุศลหาเงินช่วยเพื่อน ก่อนจะออกงานใหม่ Diamond Eyes ในปี 2010 ที่กลับไปหนักเหมือนงานชุดแรกๆ เพราะพวกเขาไม่อยากทำงานเศร้าๆเพราะความเจ็บป่วยของเพื่อน และกลายเป็นงานที่ได้รับคำชมเป็นอย่างมาก ทั้งเพลงอย่าง Diamond Eyes ที่ทำให้เรานึกถึงงานเก่าๆของพวกเขา Rocket Skates ก็เป็นอีกเพลงที่หนักหน่วงและสะใจจริงๆ Sex Tapes ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมประทับใจมาก Diamond Eyes เป็นเหมือนงานเพลงที่จับเอาความยอดเยี่ยมจากทุกอัลบั้มที่ผ่านมามาผสมกันจนออกมาเป็นงานชั้นเยี่ยมที่เป็นการกลับมาอย่างงดงามของพวกเขาจริงๆ

และหลังจากรอมานาน พวกเขาก็จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่บ้านเราซะทีครับ วันที่ 15 เดือนนี้ ที่ทันเดอร์โดม เมืองทองธานีครับ แฟนรุ่นเก๋าอย่างผมก็ไม่พลาดแน่ ส่วนแฟนรุ่นใหม่ก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาดครับ อุตส่าห์เอาของมันๆแบบนี้มาเสนอซะที จะพลาดได้ไงครับ

No comments: