วันนี้ผมขอผัดผ่อนเลื่อนเวลาส่งต้นฉบับ เพื่อที่จะปั่นงานนี้ให้ส่งทันฉบับวันจันทร์ที่ทุกท่าน เพราะไม่อย่างนั้น รายงานการแสดงสดงาน Tiger Translate มันจะลากยาวไปสัปดาห์หน้า แล้วมันจะไม่สดครับ ผมเลยยอมมาปั่นงานเช้าวันอาทิตย์ หลังจากเมามันอย่างหมดแรงเมื่อคืนนี้
งาน Tiger Translate คืองานเทศกาลดนตรีแบบคืนเดียวที่เบียร์ Tiger จากมาเลเซียได้จัดมาสองครั้งแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ดูซะที แต่ที่งานนี้พลาดไม่ได้ เป็นเพราะว่ามีวงเด่นอย่าง Placebo มาร่วมงานด้วย (เคยเขียนไปแล้วครับ) ทำให้ผมต้องตามหาตั๋วทันที จนมารู้ว่ามีวงไทยร่วมเล่นด้วยอีกหลายวง โดยเป็นการร่วมแจมกันของวงหลากแนวนั่นเองครับ
แล้ววันงาน หลังจากติดขัดจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงบ้าง ผมก็เอาตัวไปถึงสถานที่จัดงานที่ลานหลัง Esplanade ได้ หลังจากเติมพลัง ก็เริ่มเข้าไปในงาน ซึ่งแม้ดนตรีจะยังไม่เริ่ม แต่ก็มีกลุ่มศิลปินหลากแนว สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่ ที่เด่นๆก็น่าจะเป็นกำแพงกราฟิติที่ใหญ่และสวยจริงๆครับ พอผมตบเสื้อยืดได้สองตัว วงแรกก็เริ่มเล่นครับ
นั่นคือ Abuse The Youth เคยได้ยินชื่อมานาน แต่ไม่เคยฟัง พอมาได้ดู รู้สึกว่าพวกเขาเหมือนกับ Foo Fighters มากกว่าจะเป็น Emo อย่างที่ผมเข้าใจผิด พวกเขาเล่นได้มันเอาเรื่องเลยครับ เสียดายที่คนยังน้อยหน่อย เลยค่อนข้างเงียบๆ พอศิลปินที่มาร่วมอย่าง ลุลา ขึ้นเวที แฟนเพลงบอซซาโนวา ก็เฮกัน และทั้งสองก็เล่นแล้วร้องคู่กันจนเช็ตครับ
จริงๆผมไม่ค่อยชอบไอเดียการร่วมงานกันแบบนี้ เพราะมันจะลงเอยที่ความครึ่งๆกลางๆมากกว่า แต่ก็ต้องขอลองดูก่อนครับ และวงต่อมาที่ขึ้นเล่นคือวงอิเล็กโทรนิกส์ มหาจำเริญ ที่ขึ้นเล่นบนเวทีชั้นบน (ขอชมความฉลาดที่มีเวทีสองชั้น จะได้ไม่เสียเวลาในการเซ็ตเครื่องระหว่างวงมาก) ผมไม่เคยฟังพวกเขามาก่อน แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็ต้องยกนิ้วให้จริงๆครับ พวกเขาทำเพลงเต้นรำได้เหมาะกับเวทีใหญ่ขนาดนี้มาก บรรยากาศเพลงเยี่ยมจริงๆ ยิ่งเอาเพลง Born Slippy มาเล่น ยิ่งมันโคตรครับ แต่ขอบ่นหน่อยที่คนที่ไม่ฟังเพลงแนวนี้ และรอวงฟลัวร์ขึ้นมาแจม กลับนั่งลงเป็นวง ซึ่งผมคิดว่ามันไร้มารยาทเอาเรื่อง และใจแคบเรื่องดนตรีจริงๆครับ ซักหน่อย มือกีตาร์และเบสของฟลัวร์ก็ขึ้นมาแจม และเล่นไปเพลงเดียว ก็กลายเป็นการแสดงของฟลัวร์เดี่ยวๆไป ฟลัวร์เป็นวงที่ผมเสียดายหน่อย เพราะว่านักดนตรีมีความสามารถดี แต่ว่าติดที่นักร้องที่เน้นร้องแนวเดียว ทำให้แนวเพลงของเขาติดอยู่กับเพลงหวานๆเป็นหลัก และครั้งนี้พวกเขาก็เล่นเพลงดังๆหลายเพลง รวมถึงเพลง ยื้อ ของวงพอสด้วย ก่อนที่มหาจำเริญจะกลับมาแจมด้วยเพลงรักเธอประเทศไทยเป็นเพลงสุดท้ายครับ
วงต่อมาคือขวัญใจเด็กแนวไทย นั่นคือ Modern Dog ที่ขึ้นมาโชว์เพลงในแนวของพวกเขาแบบสบายๆ ก่อนจะได้ ริค มาร่วมโหยหวนเพื่อความสะใจอย่างเต็มรูปแบบของเด็กแนวทั้งหลาย ส่วนพวกผม สายตาจับจ้องไปที่ด้านข้างเวทีทีเห็น Placebo โผล่มาให้ได้กรี้ดรอ เมื่อ Modern Dog เล่นจบแล้ว ก็ได้เวลาเตรียมเฮครับ
Placebo ขึ้นเวทีมาอย่างมั่นใจ พวกเขาดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มร้อยจริงๆ โดยเริ่มด้วยเพลงเด่น For What It’s Worth เท่านั้นแหละครับ ความบ้าก็เริ่มขึ้นอย่างเต็มที่ พวกเขาเล่นได้อย่างสะใจจริงๆครับ โดยที่เน้นไปที่เพลงจากอัลบั้มใหม่ๆมากกว่าจะเอาเพลงยุคแรกมาเล่น แม้แฟนดั้งเดิมอย่างผมจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ดีที่วงกล้ามองไปข้างหน้ามากกว่าขายของเก่ากินครับ เพลงอย่าง Battle for the Sun หรือ Breathe Underwater กูกระหน่ำเล่นอย่างเมามัน ก่อนจะมาย้อนยึบ้างด้วยเพลงอย่าง Every Me, Every You หรือ Special K จากงานชุดเก่า แต่กลับไม่มีเพลงจากงานชุดแรกๆเลยครับ แต่ก็มันสะใจจริงๆครับ พวกเขาทำให้คนดูสนุกได้อย่างเต็มที่จริงๆ ก่อนที่จะลาจากกันไปแบบไม่มีอังกอร์ แต่พวกเราก็สนุกสะใจกันแบบเหงื่อท่วมตัวไปเรียบร้อยแล้ว ที่น่าเบื่อคือ พวกการ์ดที่เดินมาห้ามถ่ายรูปเกือบตลอด ไม่รู้จะอะไรนักหนา
ปิดด้วยวงสุดท้ายคือ Paradox มาร่วมแจมกับ Suharit ครับ ศิลปินทั้งสองขึ้นชื่อเรื่องความหลุดโลกอยู่แล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะเอาความบ้าเต็มสูบมาฝากกันอย่างสนุกสนาน ผมเองก็เป็นแฟน Paradox อยู่แล้ว เลยได้ฟังเพลินๆ มานั่งนึกอีกที อายุวงนี้พอๆกับ Modern Dog เลยนะครับ ผมอยู่ดูพวกเขาไปจนกลางเช็ต ก็ต้องขอตัวก่อน ไม่งั้นหาแทกซี่ยากมากๆครับ แต่ก็เป็นคืนที่ได้สนุกอย่างชื่นมื่นกลางฤดูร้อนจริงๆครับ คราวนี้ก็รอต่อไปว่าปีหน้าเบียร์ Tiger จะเอาอะไรมาฝากพวกเราครับ
1 comment:
Good.
Post a Comment