Saturday, February 6, 2010

Best 30 Albums of 2009 ตอนที่ 2

Technorati Tags: ,

โดนคั่นไปหนึ่งสัปดาห์ ผมคงไม่ต้องสาธยายมาก มานับถอยหลังกันต่อดีกว่าครับ

18. Passion Pit – Manners อัลบั้มแรกของวงอิเล็กโทรนิกส์จากอเมริกา ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นป๊อปในดินแดนประหลาดของมันเอง แต่ละเพลงต่างเต็มไปด้วยจังหวะที่ยอดเยี่ยมและตัวโน้ตที่ติดหู ลวงให้เราหลงเขาไปในดินแดนแห่งความลับ Moth’s Wing ก็เหมือนเช้าหน้าร้อนที่สดชื่น ส่วน The Reeling ก็ติดหูตั้งแต่แรกฟัง และ Kingdom Come ก็ทำให้นึกถึง Empire of the Sun ได้เลย

passionpit

17. Phoenix – Wolfgang Amadeus Phoenix งานเพลงป๊อปติดหูชั้นเลิศจากแดนน้ำหอม พวกเขาทำให้เราหลงรักหัวปักหัวปำมาตั้งแต่อัลบั้มเปิดตัวแล้ว ไม่ต่างอะไรจากภาพปก มันคืออาวุธเพลงป๊อปชั้นดีที่จะสลัดหลุดจากหูได้ยากมากๆครับ เหมาะสำหรับการเอาไปฟังเวลาขับรถเล่นในวันที่อากาศดีจริงๆ โดยเฉพาะ 1901 และ Litsztomania

wolfgang-amadeus-phoenix-album-cover

16. Green Day – 21st Century Breakdown งาน Rock Opera ที่เหมือนกับภาคต่อของ American Idiot ที่โจมตีใส่ขี้กองโตที่ ปธน. บ้านนอกอย่างบุชทิ้งไว้ พวกเขายังทำงานคอนเซ็ปต์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และต้องยกให้กับความกล้าวิจารณ์ของพวกเขาจริงๆ นอกจากเพลงโคตรดังอย่าง Know Your Enemy และ 21 Guns แล้ว ยังมีเพลงเจ๋งๆอย่าง Viva La Gloria และ American Eulogy อีกด้วย รวมทั้งการแสดงสดที่น่าประทับใจที่พึ่งผ่านไปก็ทำให้พวกเขาสมควรได้รับพื้นที่ตรงนี้จริงๆ

green-day-21-century-breakdown

15. The Flaming Lips – Embryonic หลังจากเพลงป๊อปทะลวงจักรวาลสองอัลบั้ม Wayne Coyne ก็กลับมาสู่ความหลอนจากโลกลึกลับ ในงานชุดนี้ เขาพาเราเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการที่บิดเบี้ยวซึ่งเต็มไปด้วยเสียงของบรรดาภูติพรายนาๆชนิด แค่เพลง I can be a Frog เพลงเดียวก็ชวนสยองแล้ว ยังมี MV สุดหลอนของเพลง Watching the Planets มาหลอนต่ออีกรอบ

EMBRYONIC TRAY

14. Jay-Z – The Blueprint 3 อัลบั้มสุดท้ายจากไตรภาค The Blueprint ของเจ้าพ่อฮิปฮอปจากนิวยอร์กที่ยังคงความเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง ต้องขอบคุณผลงานการโปรดิวซ์ของโปรดิวเซอร์มือทองทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Kanye West, Timbaland หรือ No I.D. ที่มาร่วมสร้างงานชิ้นนี้ เพลงเด่นอย่าง DOA ช่างติดหูเหลือเกิน (แอบคล้ายหมอลำ) แต่ที่เจ๋งจริงๆคือ Empire State of Mine ที่ยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติ

jay-z-the-blueprint-3

13. Patrick Wolf – The Bachelor งานชุดที่สี่ของ The Maverick ของวงการเพลงอังกฤษที่ผมเฝ้าเชียร์มาตลอด ด้วยความแหวกแนวของดนตรีของเขา และงานชุดนี้ก็ยังแหวกไปจากเพื่อนร่วมรุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น Vulture และ Battle ที่ได้ Alec Empire มาร่วมงาน Hard Times ก็ยอดเยี่ยม แต่ที่เด่นสุดคือเพลง Who Will? ที่ทำให้ผมขนลุกทุกครั้งที่ได้ฟังจากการไล่เลียงอารมณ์เพลงชั้นเซียน

patrick_wolf_the_bachelor_cover

12. Maxwell – BLACKsummers’night การกลับมาหลังจากเงียบหายไปหลายปีของเจ้าพ่อ Neo Soul ที่กลับมาพร้อมประสบการแบบเต็มเปี่ยม งานชุดนี้ก้าวไกลกว่างานเก่าๆของเขามากในทั้งด้านเนื้อเพลงและภาคดนตรี จากนักร้องมาดเซ็กซี่ยวนใจ เขากลายเป็นนักร้องหนุ่มจอมครวญเพลงไปในทันที นอกจากซิงเกิ้ลเยี่ยมอย่าง Pretty Wings แล้ว เพลงอย่าง Love You และ Fistful of Tears ก็สอนมวยให้นักล่าฝันควรรู้ว่าการร้องเพลงจริงๆคืออะไร

maxwell-album-cover

11. Napoleon - Bohemians Won The Series And The Little Guy Joined The Band งานเพลงของวงหนุ่มสาววงเล็กๆจากประเทศสวีเดนที่ทำให้ผมทึ่ง พวกเขาโผล่มาอย่างไม่คาดคิดกับเพลงที่เป็นเหมือนการสรุปประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อปลงมาในแผ่นซีดีแผ่นเดียว และมันงดงามอย่างไม่น่าเชื่อราวกับพวกเขาเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายของประเทศนี้ และทำให้เรานึกไปถึง Orlando ได้เลยทีเดียวจากการสร้าง Perfect Pop ได้ออกมาอย่างไร้ที่ติ ขอให้ความเยาว์วัยจงเจริญ

Napoleon

10. Kasabian – West Ryder Pauper Lunatic Asylum งานเพลงชุดที่สามของวง Lad Rock ที่ทำได้ดีกว่าที่ผมคาดหมายไว้เยอะพวกเขายังคงทำในสิ่งที่พวกเขาถนัดคือ การทำเพลงร๊อคแบบจิ๊กโก๋ผสมกับเพลงอีเล็กโทรนิกส์และพวกเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างสะใจเหลือเกินครับ เพลงอย่าง Vlad The Impaler ยังดังอยู่ในรถผมตลอดเลยครับ

kasabian-thewestriderpauperlunatica

9. Manic Street Preachers - Journal for the Plague Lover อัลบั้มชุดที่ 9 ของตำนานวงนี้ กลับไปใช้เนื้อเพลงที่ Richey Edwards เหลือทิ้งไว้ และมันก็กลายเป็นงานขึ้นหิ้งได้ทันที แม้อายุจะมากขึ้น แต่พลังของพวกเขายังไม่ได้ลดลงเลย และทำให้อยากจะตามเชียร์พวกเขาตลอดไป ลองฟัง Jackie Collins Existential Question Time
MSP

8. Editors – On this light of this evening งานเพลงชุดที่สามของวงสุดหม่นที่เปลี่ยนแนวทางไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง จากวงกีตาร์ร๊อค พวกเขาหันมาทดลองกับเครื่องอีเล็กโทรนิกส์ และมันก็กลายเป็นงานที่โครมครามเอามากๆ โดยยังมีกลิ่นความหม่นหมองของ Joy Division ตามมาไม่ห่าง เพลงอย่าง Bricks and Mortar ก็ชวนล่องลอย ในขณะที่ Papillon ก็หนักหน่วงได้ใจจริงๆ การกล้าเปลี่ยนแนวในครั้งนี้ถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ
750906Editors_in_this_light_on_this_evening_2009_retail_cd_front

7. Dizzee Rascal – Tongue n’ Cheek อัลบั้มชุดที่ 4 ของไอ้เด็กแสบจากลอนดอน ที่เลื่อนฐานะเขาจากเจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปฝั่งอังกฤษ มาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อย่างงดงาม เขาโอบรับเอาความเป็นป๊อปมาอย่างเต็มออก และทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมควรที่จะได้รับคำชมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Dance Wiv Me กับ Calvin Harris หรือเพลงขย่มแดนซ์ฟลอร์อย่าง Bonkers กับ Armand Van Helden และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Holidays ที่โคตรติดหู

dizzee-rascal-tongue-n-cheek

No comments: