Sunday, November 6, 2011

Anamanaguchi: พังค์ร๊อค8บิต

Technorati Tags: ,

เนื่องจากสภาพน้ำท่วมแบบนี้ ผมเองก็ลำบากใจที่จะเขียนคอลัมน์เหมือนกัน เพราะว่า ไม่รู้จะบิวด์อารมณ์ให้รื่นเริงได้อย่างไร ลำบากไม่เบาครับ ไหนๆก็ต้องเขียนแล้ว ครั้งนี้ ขอแนะนำวงร๊อคที่แหวกแนว ต่างไปจากวงอื่นหน่อย เพราะพวกเขา ทำเพลงร๊อคโดยใช้อุปกรณ์หลักคือ เครื่องเกม8บิตอย่างแฟมิคอม และ เกมบอยที่คนวัย 25 อัพต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอนครับ พวกเขาคือ Anamanaguchi

tumblr_l8tvdeY7B81qzytubo1_500

พูดถึงเครื่องเกมทั้งสอง ผมเองที่เป็นคนที่โตมากับยุคเครื่องเล่น 8 บิต ก็ต้องบอกตรงๆว่า พอมาฟังเพลงของเกมแต่ละเกมในตอนนี้ มันช่างมีสเน่ห์จริงๆครับ เชื่อว่าหลายคนที่โตมาในยุคเดียวกัน ต้องจำเพลงประกอบของเกมดังๆทั้งหลายได้ อย่างน้อยที่สุด ก็ต้อง Super Mario ล่ะครับ ไม่น่าเชื่อว่า นักสร้างเกมยุคนั้น สามารถสร้างเพลงที่ติดหูได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีข้อจำกัดมากมายเหลือเกิน แต่กลับสร้างเพลงที่ได้บรรยากาศขนาดนั้น ลองหลับตานึกถึงความรู้สึกตอนเจอบอสแล้วเพลงประกอบเปลี่ยนสิครับ อย่างตื่นเต้นเลย คนที่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมา ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงนั้นแน่นอน

แม้ก่อนหน้านี้ จะมีวงหลายวงที่นำเอาเสียงประกอบจากเครื่องเกม8บิตมาสร้างงานเพลง แต่ก็มักจะเป็นวงที่สร้างดนตรีเต้นรำมากกว่า เหมือนที่ผมเคยเขียนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ Amanamaguchi นั้นต่างออกไป เพราะพวกเขาคือวงพังค์ที่เอาเอาเครื่องเกม8บิตทั้งหลายมาแฮคเป็นซินธิไซเซอร์แล้วเล่นเครื่องดนตรีจริงๆผ่านมันออกมาอีกที ทำให้ได้เสียงเพลงร๊อคแบบ 8 บิตอย่างแท้จริง

dates_anamanaguchi_tour_2011_13044044938669

Anamanaguchi คือวงจากนิวยอร์กที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ Peter Berkman (พีเตอร์ ร้องนำ) James DeVito (เจมส์ เบส) Ary Warnaar (แอรี่ กีตาร์) และ Luke Silas (ลูค กลอง) พวกเขารวมตัวกันในปี 2004 โดยได้รับอิทธิพลจากวงป๊อปและร๊อคอย่าง Weezer และ The Beach Boys กับ เกมยุคเก่าอย่าง Super Mario, Zelda และ Rockman

แม้วิธีการทำเพลงของพวกเขาที่แต่งเพลงโดยใช้โปรแกรมอย่าง Nerdtracker II และเล่นดนตรีสดๆผ่านเครื่องเกมที่ถูกแฮค แต่พวกเขาก็ยืนยันว่า ไม่ได้ทำเพลงเพื่อเกม แต่พวกเขาทำเพลงป๊อปร๊อคในแบบของวงที่พวกเขาชอบเท่านั้น ส่วนในเว็บของพวกเขา ก็มีสโลแกนว่า “Make Loud. Fast Music with Hacked NES (Famicom) from 1985”

พวกเขาเพียรพยายามทำเพลง และออกทัวร์อย่างหนัก จนในที่สุด อัลบั้มแรกของพวกเขา Dawn Metropolis ก็ได้ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรีบนเวบของพวกเขาในปี 2009 ซึ่งแค่ดีไซน์ปกที่ทำกราฟฟิกออกมาเป็น Pixel Art ก็พอจะบอกเราลางๆได้แล้วว่า เตรียมเดินทางเข้าสู่โลก 8 บิตได้แล้ว และทั้ง 7 เพลงในอัลบั้มก็ชวนให้เราสนุกกับการเข้าไปสู่โลกของเกมแฟมิคอมที่เราคุ้นเคยในอดีตจริงๆครับ การเล่นเพลงร๊อคผ่านเครื่องเกมที่ถูกแฮคของพวกเขา มันมีเอกลักษณ์จริงๆ แม้เสียงจะเหมือนกับเพลงจากเกม แต่ว่ามันก็ยังแน่นไปด้วยความเป็นร๊อค ทำให้แตกต่างไปจากวงอื่นๆก่อนหน้านี้มาก

i6NVyilaykye1pm9zTl5A2Ino1_500

เพลงเด่นจากอัลบั้มก็คงต้องยกให้ Jetpack Blues, Sunset Hues ที่เป็นเพลงป๊อปร๊อคที่ฟังได้เพลินติดหูแถมยังทำให้เรารู้สึกเหมือนกับกำลังเป็นฮีโร่ของเกมที่กำลังลุยเข้าไปสู้เพื่อสาวคนรักเลยจริงๆ ส่วนถ้าจะถามหาอิทธิพลของ Weezer ก็ลองฟัง Tempest, Teamwork, Triumph (At Sea) กับ Dawn Metropolis ที่รูปแบบเพลงคล้ายกับ Weezer ตรงลูกเล่นกับการเรียบเรียง Danger Mountain ก็เหมือนกับการเล่นเกมยานยิงด้านข้าง ส่วน Mermaid ก็เหมือนกับความฝันของศิลปินไซคีเดลิคที่พี้ยาหลังเล่นเกมได้เต็มที่จริงๆ

และจากความแหวกแนวของอัลบั้ม แม้จะเริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดฟรี แต่มันก็ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และได้โอกาสไปทำอัลบั้มเพลงประกอบเกมให้กับเกม Scott Pilgrim vs. The World เกมที่ทำออกมาพร้อมกับฉบับภาพยนต์ของมังงะเรื่องดังฝั่งอังกฤษ และอัลบั้มดังกล่าว ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ชาร์ตบิลบอร์ด Heartseeker และได้รับการยกย่องให้เป็นเพลงประกอบเกมยอดเยี่ยมจาก IGN อีกด้วย

แม้ว่าการทำเพลงในแบบของตัวเอง จะไม่ได้ทำให้พวกเขาโด่งดังแบบซุปเปอร์สตาร์ แต่แทนที่จะเดินตามรอยคนอื่น พวกเขาเลือกที่จะสร้างทางเดินเส้นทางใหม่ให้กับตัวเอง และกลายเป็นเส้นทางที่มั่นคงสำหรับพวกเขาไปแล้ว

No comments: