Saturday, November 26, 2011

Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1 OST

Technorati Tags: ,

the-twilight-saga-breaking-dawn-part-1-2011-cd4-cover-82474

กลับมาอีกรอบครับ กับหนังเรื่องดังในหมู่สาวๆ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่สนใจจะดูหรอกครับ เพราะเท่าที่อ่านดู ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้สนใจได้ แค่สาวคนเดียว ทำตัวเป็นนางวันทอง ไม่รู้จะเลือกผีดูดเลือด หรือหมาป่าดี กลับทำซะยาวเชียว (เอานะ คำสาปฟาโรห์ยาวกกว่าเยอะ) แต่มองอีกมุม สาวๆมีหนังอย่างนี้ให้กรี้ด ก็ดีครับ เพราะสาวๆเค้าทนหนุ่มๆเพ้อเรื่องหนังอย่างสตาร์วอร์ อินเดียนน่าโจนส์กันมานาน งานนี้ สาวๆก็มีหนังชุดยาวให้กรี้ดบางล่ะ

แม้ผมจะไม่เคยสนใจหนัง แต่สำหรับเพลงประกอบ หนังเรื่องนี้มักจะหาเพลงเด่นๆจากศิลปินที่ไม่ดังมาก หรือศิลปินอินดี้มารวมไว้ได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งก็ดีครับ เป็นโอกาสให้วงได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และดีกว่าเลือกเอาเพลงป๊อปจ๋าเอาใจตลาดอย่างเดียว ลองคิดดูแล้วกันครับว่า กลุ่มเป้าหมายของหนังชุดนี้ จะมีซักกี่คนที่รู้จัก Iron and Wine ก่อนที่จะได้มาฟังจากในซาวด์แทร๊กเรื่องนี้กันครับ

และงวดนี้ ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมครับ ยังเป็นวงแนวๆมาอัดแน่ในอัลบั้มอยู่เหมือนเดิม ที่ดังสุด เห็นจะเป็น Bruno Mars ไอ้หนุ่มเสียงหวานที่ได้เป็นเจ้าของซิงเกิ้ลแรกที่ชื่อ It Will Rain ที่เป็นเพลงป๊อปฟังสบายในสไตล์ของเขา แต่ก็โชว์คุณภาพเสียงชั้นเลิศเหมือนเดิม อีกวงที่ผมดีใจที่เห็นชื่อคือ The Noisettes ที่เอาเพลง Sister Rosetta จากงานชุดแรกในปี 2007 มาปัดฝุ่นทำใหม่ แก้คิดถึงได้ดีเหมือนกันครับ โจ๊ะได้ใจดี

ส่วนเพลงเปิดอัลบั้มคือ End Tapes จาก The Joy Formidable วง shoegazer หน้าใหม่จากเวลส์ที่พาเสียงกีตาร์แตกพร่ามาให้เราหวลนึกถึงยุครุ่งเรืองของแนวนี้จริงๆ เพลงที่ตามมาอย่าง Love Will Take You เพลงอคูสติคโฟลค์ฟังสบายๆเสริมด้วยเสียงเครื่องสายเนียนๆจากสองพี่น้องจากออสเตรเลีย Angus & Julia Stone อีกเพลงที่ขอแนะนำเลยคือเพลง From Now On ของ The Features วงอเมริกาที่ไปดังในอังกฤษตั้งแต่ช่วง Garage Rock Revival ซึ่งถ้าคุณลองฟังดู จะไม่สงสัยเลยว่าทำไม เพราะมันคือเพลงป๊อปร๊อคแบบโจ๊ะๆสไตล์อังกฤษจ๋าเลยครับ

อีกเพลงที่ฟังสบายหูคือ Northern Lights ของ Cider Sky ศิลปินจาก LA. ที่ทำเพลงป๊อปแบบมินิมอลแต่ไล่เรียงทำนองออกมาได้ดีมากๆ แน่นอนว่า ผมไม่สามารถข้ามเพลงอย่าง Flightless Bird, American Mouth ที่ถูกนำมาทำใหม่ ให้ละเมียดลมัยสมกับเป็นฉบับ Wedding นอกจากนี้ยังตามมาด้วยเพลงโทนเดียวกันของ Imperial Mammoth ให้ได้ชิลอีกครับ

อย่างที่ผมบอกแต่แรกครับ แม้คุณจะไม่สนใจหนังเลย (เหมือนผม) แต่งานซาวด์แทร๊กของหนังชุดนี้ มีค่าพอให้ลองหามาฟังครับ

No comments: