สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมหลงใหลเกี่ยวกับเพลงจากฝั่งอังกฤษนั้น ไม่เพียงแค่ดนตรีร๊อคและป๊อปสุดเจ๋งที่ผมเติบโตมากับมันเท่านั้น แต่วัฒนธรรมของเพลงเต้นรำก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะนอกจากจะเป็นหม้อต้มยำของวัฒนธรรมเต้นรำที่ผสมผสานดนตรีสารพัดชนิดเข้าด้วยกันแล้ว มันยังเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์จนทำให้มีอัลบั้มที่คลาสสิกชนิดที่เรียกได้ว่าเหนือกาลเวลาอย่าง Timeless ของ Goldie (สมชื่อ) หรือ Music for Jilted Generation ของ The Prodigy ที่น่าทึ่ง และคราวนี้ ดูเหมือนพวกเราจะพบดาวดวงใหม่อีกคนของวงการเต้นรำจากเกาะอังกฤษแล้ว นั่นคือ Tinie Tempah
Tinie Tempah (ไทนี่ เทมพาห์ ชื่อจริง Patrick Chukwuemeka Okogwu) เริ่มเข้าวงการเพลงตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 20 เมื่อเขาเริ่มออกผลงานเพลง และได้รับการเปิดตามสถานีวิทยุ และไปร่วมงานกับศิลปินแนง Grime จนไปเข้าตาแมวมองเมื่อเขาขึ้นเล่นที่เทศกาล Wireless Festival ทั้งๆที่เขาพึ่งออกงานใต้ดินแค่ชิ้นเดียว แต่กลับทำให้คนดูเป็นพันเมามันไปกับเพลงของเขาได้ และทำให้แมวมองจากค่าย Parlophone รีบไปเช็คทันที และเมื่อได้พบและลองฟังงานของเขา ค่ายก็ตกลงเซ็นสัญญากับเขาทันที
Pass Out ซิงเกิ้ลเปิดตัวของเขา ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว กลายเป็นงานฮิตระดับประเทศ เพราะมันขึ้นถึงอันดับหนึ่งของชาร์ตในอังกฤษ และขายได้ถล่มทลาย ซึ่งก็สมควร เพราะมันคืองานเพลงที่รวบยอดเอาความยอดเยี่ยมของวัฒนธรรมเพลงเต้นรำของอังกฤษออกมาได้อย่างเข้มข้น มันมีทั้งจังหวะของดับสเต็ปที่มาแรงแบบสุดๆในช่วงปีที่ผ่านมา ท่อนเบรกด้วยเสียงร้องเพราะจนทำให้นึกถึงเพลง Let’s Push Things Forward ของ The Streets กลิ่นไอของ Grime ท่อนท้ายเพลงที่พลิกผันกลายเป็นจังเกิ้ลไปซะ รวมไปถึงการแร๊พและเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการออกไปเที่ยวเพื่อเมาให้หนำใจจนสลบไป มันจึงสมกับการที่จะมาเป็น Club Anthem ในอังกฤษเสียเหลือเกินครับ ใครอยากรู้ว่าคลับที่อังกฤษเปิดเพลงแบบไหน ฟังเพลงนี้เป็นไกด์ได้เลยครับ
และมันก็กลายเป็นการเปิดตัวศิลปินใหม่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ และเป็นการเปิดตัวแรงไม่แพ้ศิลปินรุ่นพี่ๆ อย่าง Dizzee Rascal, So Solid Crew หรือ The Streets ในช่วงที่หลายปีผ่านมาเลยครับ กลายเป็นว่าได้เกิดดาวดวงใหม่ประดับวงการเพลงอังกฤษอีกแล้ว และยังเขายังได้ขึ้นเล่นที่เทศกาลระดับช้างเรียกพ่ออย่าง Glastonbury อีกต่างหาก
เขาตามความสำเร็จด้วยซิงเกิ้ลที่สองอย่าง Frisky ที่มาในรูปแบบเดียวกับซิงเกิ้ลแรกคือการผสมผสานดนตรีหลากแนว มาพร้อมกับเบสหน่วงๆที่แน่นสุดๆและท่อนท้ายเพลงที่อัดเป็นจังเกิ้ลแบบเต็มๆให้ได้โยกอย่างสะใจ กับเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการจับคู่ในคลับ และทำให้ชื่อของเขาดังขึ้นมาอีก
เดือนกันยายนปี 2010 เขาออกซิงเกิ้ลที่ 3 ชื่อ Written In Stars ที่พุ่งพรวดขึ้นอันดับ 1 ทันที เขาร่วมงานกับ Eric Turner ศิลปินอเมริกันที่ยังไม่ได้ออกผลงาน โดยมาร่วมร้องและเล่นเปียโนให้ และมันก็เป็นเพลงที่เพราะมากๆครับ ทั้งเสียงร้องของอีริคที่สุดเพราะ จังหวะที่โครมครามแต่ติดหู รวมทั้งเนื้อเพลงที่ให้กำลังใจในการต่อสู้ เขาองก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นคนธรรมดามาก่อน ท่อน Damn, I used to be the kid that no one cared about. That’s why you have to keep screaming til they hear you out คือท่อนที่กินใจมากๆครับ
เขาออกอัลบั้มเปิดตัวในเดือนตุลาคม ชื่อว่า Disc-Overy แต่ก่อนนั้น เขาได้ร่วมกับ Swedish House Mafia ออกซิงเกิ้ลเพลงเต้นรำเต็มตัวชื่อ Miami 2 Ibiza ที่เหมาะกับจะเป็นธีมที่เหมาะสำหรับปาร์ตี้ริมหาดทุกหาดครับ มันเต็มไปด้วยความสดชื่นของหน้าร้อนริมทะเลจริงๆครับ เทียบได้กับ Holiday ของ Dizzee เลยทีเดียว
และตัวอัลบั้มก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ มันเต็มไปด้วยเพลงที่ยอดเยี่ยมทั้งอัลบั้มจริงๆ นอกจากซิงเกิ้ลทั้งสี่ที่ว่ามา ยังมีอีกสองเพลงที่เป็นซิงเกิ้ลคือ Invincible ที่ร่วมงานกับ Kelly Rowlands กับ Wonderman ที่ร่วมงานกับ Ellie Goulding อีกหนึ่งดาวรุ่งของเกาะอังกฤษ ซึ่งมันก็เยี่ยมทั้งคู่ครับ และยังมีเพลงเพราะๆอย่าง Just a Little หรือดับสเต็ปจ๋าๆอย่าง Simply Unstoppable ที่เด็ดดวงสุดๆ
และจากความยอดเยี่ยมของผลงานเขา ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัล Brit Awards ถึง 4 สาขาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และคว้าไปถึงสองรางวัลคือ ศิลปินอังกฤษหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และซิงเกิ้ลอดเยี่ยมจากเพลง Pass Out และยังได้ขึ้นเล่นสดในเพลง Wonderman กับ Ellie ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
อย่างที่ผมพูดไว้แต่แรกครับ Disc-Overy คืองานเปิดตัวชั้นเลิศที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้งานเพลงเต้นรำคลาสสิกหลายๆชิ้นจากเกาะอังกฤษครับ และ Tinie Tempah เองก็เป็นศิลปินที่ยังมีอนาคตอีกยาว แต่วันนี้ แนะนำให้ลองฟัง Masterpiece ชิ้นนี้ทันทีครับ
No comments:
Post a Comment