Monday, November 1, 2010

Belle & Sebastian โคตรอินดี้

Technorati Tags: ,

วงดนตรีบางวง ผมอยากจะเอามาเขียน แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ เพราะว่าไม่มีวาระให้เขียนถึง จู่ๆจะเขียนเลย มันก็แปลกๆ ต้องรอให้ออกผลงานก่อน (ซึ่งบางวงก็ดันไม่รู้จักออกงานใหม่ซะที) และบางวงถึงผมจะอยากเขียน แต่ก็ไม่ค่อยกล้า เพราะว่า ถ้าวงนั้นยิ่งใหญ่ในระดับเป็น cult ไปเมื่อไหร่ หากผมพูดไม่ถูกใจ ก็คงโดนสาวกถล่มเอาได้ง่ายๆ (ขอคิดต่างบ้างสิวะ ไม่ต้องชม ไม่ต้องซึ้งอย่างเดียวได้มั้ย) แต่ครั้งนี้ ผมก็ได้โอกาสเขียนถึงวงโคตรอินดี้ของจริงอีกวงหนึ่ง โดยไม่ขอสนพวกสาวกล่ะครับ วงนั้นคือ Belle & Sebastian

800px-belle_and_sebastian_british_band

Belle & Sebastian (ขอย่อว่า BS ล่ะกัน) คือวงที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นวงดนตรีเหมือนวงอื่นๆนัก ในขณะที่วงอื่นตั้งวง เพื่ออยากทำเพลง อยากดัง แต่สองแกนนำ (ถ้าไม่ตั้งใจมาก จะเป็นแกนนอน รึเปล่า) ของวงอย่าง Stuart Murdoch และ Stuart David เริ่มทำงานเพลงเพื่อส่งงานอาจารย์อาจารย์ในวิชาการบริการจัดการดนตรี ซึ่งงานคือการส่งซิงเกิ้ลปีล่ะแผ่นให้กับค่ายเพลงของมหาวิทยาลัย และเมื่อค่ายเพลงของมหาวิทยาลัยประทับใจกับผลงานที่ออกมา ทำให้พวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกอัลบั้มเต็มได้

และเมื่อโอกาสมาถึง Belle & Sebastian (ชื่อมีที่มาจากรายการทีวีที่ทำจากนิยายเด็กของฝรั่งเศสเกี่ยวกับเด็กและหมาตามชื่อ) พวกเขาก็ออกอัลบั้มแรก Tigermilk ในวงจำกัด แค่ 1000 แผ่น ในปี 1996 ในครั้งแรก และมันก็กลายเป็นผลงานที่ทำให้โลกภายนอกได้รู้จักพวกเขามากขึ้น มันเป็นงานเพลงอินดี้ป๊อป ฟังสบายๆ ชวนฝัน และมีเอกลักษณ์ของตนเองเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า แหวกไปจากวงอื่นๆในตอนนั้น และปัจจุบัน แผ่นเสียงล๊อตนี้ก็ถูกเปลี่ยนมือกันในราคาถึง 400 ปอนด์ต่อแผ่น

และเมื่อพวกเขาได้รับคำชมขนาดนั้น Belle & Sebastian ก็เปลี่ยนสถานภาพจากวงชั่วคราว กลายเป็นศิลปินเต็มตัวไป และได้เซ็นสัญญากับค่าย Jeepster Records และออกวางขายผลงานชิ้นที่สองในปีเดียวกัน นั่นคือ If You’re Feeling Sinister และมันก็กลายเป็นงานระดับตำนานเมื่อสื่อพากันเทใจเชียร์งานชิ้นนี้อย่างออกนอกหน้า ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจครับ เพราะว่า งานชิ้นนี้มันระดับมาสเตอร์พีซจริงๆ เพลงแทบทุกเพลงในอัลบั้มสามารถตัดออกมาวางขายเป็นซิงเกิ้ลได้หมดครับ มันคือความงามแบบไร้ที่ติจริงๆ ถ้าใครอยาจะออกเดินทางท่อยุโรปด้วยการนั่งรถไฟ นี่คืออัลบั้มที่คุณอยากจะติดไว้ใน iPod ของคุณแน่นอนครับ

นอกจากนั้น พวกเขายังออก EP ชั้นเลิศออกมาอีกสามแผ่นคือ Dog on Wheels, Lazy Line Painter Jane และ 3.. 6.. 9 Seconds of Light ที่กลายเป็นงานคลาสสิกไปอีก ก่อนที่จะออกงานชิ้นที่สาม นั่นคือ The Boy with the Arab Strap ในปี 1998 ที่เป็นงานชิ้นแรกจริงๆของพวกเขาที่ผมได้ฟัง และทึ่งไปกับวงๆนี้ หลังจากได้อ่านเกี่ยวกับพวกเขามานาน และเป็นอีกครั้งที่ แม้เพลงจะไพเราะแบบน่ารัก ชื่ออัลบั้มเตือนให้เรานึกได้เสมอว่า พวกเขายังคงแอบใส่เรื่องเพศแบบแปลกๆ หรือรักร่วมเพศในผลงานของเขาเสมอ เป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำงานเพลงชั้นเยี่ยมออกมาครับ

หลังจากงานชิ้นที่สาม ผมก็ได้รับอุปการะคุณจากอาจารย์และเพื่อนชาวอังกฤษของผม แบ่งปันงานใหม่ๆของ BS มาให้ผมฟังเสมอ เพราะเขาชอบฟังเพลง และเป็นอดีตนักเขียน และการที่จะหาคนคุยเรื่องวงพวกนี้ในเมืองอย่างขอนแก่นคงไม่ง่ายนัก

จากงานสามชิ้นแรก ทำให้พวกเขากลายเป็นวงอินดี้ระดับสถาบัน ที่มีแฟนอย่างเหนียวแน่น และทำเพลงออกมาเมื่อไหร่ ก็ขายได้เสมอ และยังรักษาคุณภาพของตนเองได้เป็นอย่างดี แม้จะเสียสมาชิกหลักไปสองคนอย่าง stuart David ที่ไปตั้งวง Looper และ Isobell Campbell ที่ไปเป็นศิลปินเดี่ยว และออกงานร่วมกับม Mark Lanegan แต่ Belle and Sebastian ก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ผ่านผลงานสารพัดที่พวกเขาขยันผลิตออกมาเสมอ

และในปีนี้ พวกเขาก็ไม่ได้ทำให้สาวกรอคอยนานนัก ด้วยการออกงานใหม่ Write about Love ที่ยังเป็นงานที่เต็มไปด้วยคุณภาพตามมาตราฐานของพวกเขาเป็นอย่างดี เพลงเด่นสารพัดอยู่เต็มอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็น Write About Love ที่ ร้องคู่ Carey Mulligan ที่เป็น งานออกจะโจ๊ะๆ ชวนยักย้านส่ายสะโพกหน่อย น่ารักดีครับ อีกเพลงหนึ่งที่คิดว่าน่าจะดังต่อไปคือ Little Lou, Ugly Jack, Prophet John ที่ได้เสียงหวานๆของ Norah Jones มาร่วมเจื้อยแจ้งด้วย คลาสสิกครับ นอกจากนี้ เพลงเปิดอัลบั้มอย่าง I Didn’t See It Coming ก็ช่างยอดเยี่ยม และงดงามเหลือเกินครับ เป็นอีกอัลบั้มที่ช่วยจรรโลงใจผมขณะเจอกับสภาพรถติดแบบไม่เคลื่อนตัวได้จริงๆครับ Write About Love คืองานที่แสดงหเห็นถึง คุณภาพ ฝีมือ และความเก๋าของวงที่อยู่ในวงการมาอย่างมั่นคงเป็นเวลาเกินทศวรรษจริงๆครับ

No comments: