พวกศิลปิน บางทีก็มีแนวคิดแปลกๆที่เราไม่เข้าใจ ซึ่งมักจะอ้างคำว่าอาร์ตเสมอ บางทีก็ทำเรื่องแปลกอย่างเอาลูกมาเหวี่ยงที่หน้าต่างเล่น แต่ที่ฮิตกันอย่างหนึ่งก็คือ การอวตารเป็นบุคคลที่สมมุติขึ้นมา อย่าง Eminem ก้มักจะเรียกตัวเองว่าเป็น Slim Shady กระทั่ง Mariah Carey ยังมี Mimi เลย ที่ล้มเหลวแบบโง่ๆก็มี Garth Brookes เจ้าพ่อคันทรี่ที่กลายเป็นขาร๊อคอย่าง Chris Gaines แต่ขายไม่ออก ที่เยอะสุดน่าจะเป็น David Bowie ที่มีร่างอวตารเยอะเหลือเกิน แต่สำหรับยุค 2000 แล้ว คงไม่มีใครดังไปกว่า Gorillaz อีกแล้ว
Gorillaz คือ โปรเจคต์ของ Damon Albarn จากวง Blur ที่ร่วมงานกับนักวาดการ์ตูนอย่าง Jamie Hewlett เจ้าของผลงานดังอย่าง Tank Girl พวกเขาอาศัยในแฟลตเดียวกัน และเริ่มไอเดียดังกล่าวเพื่อหาอะไรใหม่ทำ โดยที่ Damon เองก็ต้องการขยายขอบเขตแนวเพลงของเขาไปจากเดิมอย่างวง Blur แต่การทดลองกับวง Blur คงไม่ดี และเพื่อลบภาพที่ติดจากตัว จึงเลือกใช้ตัวการ์ตูนมาเป็นศิลปินแทน โดยที่ตัวการ์ตูนที่ 4 คือ 2D นักร้องที่น่าจะแทนตัว Damon เอง Noodle สาวหมวย มือกีตาร์ ที่ได้ Miho Hatori จาก Cibo Matto มาร่วมงาน Russel มือกลองที่มีวิญญาณแรปเปอร์สิงอยู่ ซึ่งวิญญานนั้นคือ Del Tha Funkee Homosapien เจ้าของงานฮิปฮอปชั้นเยี่ยม ส่วน Murdoch มือเบส และหัวหน้าวง เจ้าผีดิบตัวนี้ไม่ได้แทนใครเป็นพิเศษครับ และพวกเขายังได้ Dan The Automator มาร่วมงานอีกด้วย
เมื่อรวมตัวหลวมๆในปี 1998 พวกเขาก็ได้ออกผลงานจริงๆ ในปี 2001 นั่นคือ ซิงเกิ้ลแรก Clint Eastwood ที่เป็นเพลงป๊อปผสมฮิปฮอปที่มีบรรยากาศแปลกๆ แหวกแนวจากวงอื่นๆในช่วงนั้น บวกกับ MV ที่มีแต่ตัวการ์ตูนแปลกๆ ทำให้ผู้คนสนใจมันทันที ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความลึกลับว่าใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ที่ออกไปหาซื้อเทป (ครับ เทป) ของวงนี้มาฟัง โดยที่ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรอื่นเลย นอกจากเพลงมันเจ๋ง แต่พอฟังไปมา เริ่มคุ้นเสียงขึ้น จนมาเปิดในปกดู เห็นชื่อ Damon Albarn มาร่วมงานด้วย ก็ถึงบางอ้อเลยทันทีครับ อัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขาเต็มไปด้วยความสดใหม่ แหวกแนวดนตรีในช่วงนั้น ที่ถูกปกครองด้วย Nu-Metal จากอเมริกา ส่วนอังกฤษก็ไม่มีอะไรดีมากนักเพราะเป็นช่วงหลังการตายของ Brit-Pop การหาแนวทางใหม่ๆของ Damon เจ้าพ่อยุค Brit-Pop จึงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และจากศิลปินที่มาร่วมงาน มันน่าจะถูกเรียกว่า Super Group ได้ง่ายๆเลย ทีเดียว เพลงต่างๆในอัลบั้มเต็มไปด้วยบรรยากาศเฉพาะตัว เช่น 19-2000 ที่เป็นงานDubเท่ๆบวกเสียงซนๆของ Noodle ไปด้วย Rock The House ก็เป็น Hip-Hop ในแบบของ Del จริงๆ Tomorrow Comes Today ก็เป็น Dub ที่ทั้งหนักทั้งหลอนกบาลเป็นอย่างดี Punk เป็นเหมือน Blur ในยุค Song 2 และอีกเพลงเด่นคือ Latin Simone (Que Pasa Contigo) ที่ได้ศิลปินอย่าง Beauna Vista Social Club มาร่วมงานได้อย่างงดงาม Gorilaz คืองานเปิดตัวที่เป็นเหมือนต้มยำหลากรสที่ผสมออกมาได้อย่างลงตัวและอร่อยถึงใจ จนนักวิจารณ์หลากสถาบันต้องยกย่องความเยี่ยมของมันเลยทีเดียว
หลังจากแยกย้ายไปทำงานใครงานมัน Gorillaz ก็กลับมาในปี 2005 โดยที่มันกลายเป็นโปรเจ็คต์เดี่ยวของ Damon ไปซะแล้ว โดยซิงเกิ้ลแรก Dirty Harry ก็เป็นเพลงDubผสมHip-Hopที่โครมครามสะใจเอาเรื่องจริงๆ
เมื่ออัลบั้มที่สอง Demon Days ออกวางขาย มันก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นเคย โดยซิงเกิ้ลที่สองอย่าง Feel Good Inc. ได้ De La Soul มาร่วมงานก็เป็นงานลูกผสมที่ติดหูอย่างร้ายกาจ และยังมีเพลงเด็ดอย่าง Dare ที่เป็นดิสโก้จ๋าๆอีก แล้วก็ยังมี Kids With Guns ที่ได้ Neneh Cherry มาร่วมงาน ก็เท่แบบไม่ยั้งอีกต่างหาก
และหลังจากรอมานาน ปีนี้ พวกเขาก็กลับมากับอัลบั้มที่ 3 ชื่อ Plastic Beach โดยมีเพลงอย่าง Stylo นำหน้ามาก่อน และมันทำให้เราได้รู้ว่างานชุดนี้จะหนักไปทางดนตรีอีเล็กโทรนิกส์กว่าชุดที่ผ่านๆมา เมื่อได้ฟังอัลบั้มเต็ม มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จากบรรยากาศหลอนๆในชุดเก่า งานชุดนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศของแสงสีในคลับ แค่เพลง เปิดอัลบั้ม Welcome To The World Of The Plastic Beach ที่ได้เจ้า Snoop Dogg มาร่วมงานด้วย ก็เยี่ยมพอจะเติมคนให้เต็มฟลอร์ได้แล้วครับ อีกเพลงที่มาในโทนเดียวกันคือ Superfast Jellyfish ที่ได้ De La Soul กับ Gruff Rhys จาก Super Furry Animals ร่วมงานด้วย และงานนี้ก็ยังเต็มไปด้วยดารารับเชิญอีกเพียบครับ ไม่ว่าจะเป็น Mick Jones Paul Simonon จาก The Clash ในเพลง Plastic Beach, Lou Reed ใน Some Kind of Nature, Mark E Smith จาก The Fall ใน Glitter Freeze, และ Little Dragon ในเพลงชิลๆอย่าง To Binge และ Empire Ants สำหรับผม เพลงที่เด่นที่สุดในอัลบั้มน่าจะเป็น On Melancholy Hill ที่ยอดเยี่ยมเกินพรรณา มันคือเพลงป๊อปชั้นเลิศสำหรับการต้อนรับทศวรรษใหม่จริงๆ และเป็นงานเพลงป๊อปที่ควรจะเคียงข้างกับ Halcyon ของ Delphic ในฐานะเพลงป๊อปชั้นเลิศของปีนี้จริงๆ
แม้หลายครั้ง ร่างอวตารของศิลปินจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อย เราก็มี Gorillaz ไว้พิสูจน์ได้ว่า ร่างอวตารไม่ใช่ข้ออ้างเหลวไหลของศิลปิน แต่มันคือการทดลองและขยายขอบเขตของศิลปินคนนั้นไปยังโลกใหม่ต่างหาก