Saturday, June 27, 2009

Progress of Music Scene: ความก้าวหน้าของวงการดนตรี

Technorati Tags:

หลังจากที่เขียนแนะนำวงดนตรีมาหลายต่อหลายวงเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว ในที่สุด ผมก็ได้เขียนสิ่งที่ได้วางแผนมานานแล้ว นั่นก็คือ ความเป็นไปในแวดวงดนตรี เพราะว่า โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน กระแสใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ บางทีมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว จึงอยากจะใช้หน้านี้บันทึกมันไว้ก่อนที่มันจะถูกลืมไปกับกระแสอื่นๆอีก แต่ที่แน่นนอนคือ ผมจะพยายามเขียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของผม เพราะผมคงไม่สามารถบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเกิดได้ดีเท่าคนในยุคนั้นเอง เลยขอแต่ส่วนที่ตัวเองถนัดดีกว่าครับ

ถึงผมจะเป็นเด็กที่เกิดและโตในต่างจังหวัด แต่ว่าด้วยความสนใจในดนตรีตั้งแต่เด็กทำให้ความทรงจำเรื่องดนตรีค่อนข้างจะแจ่มชัดมาก ซึ่งผมเองก็โตมากับยุคของไมเคิล แจ๊คสัน และมาดอนนา ซึ่งมานั่งคิดดูอีกที ยุคนั้นดนตรีต่างประเทศแรงมากถึงขนาดได้ออกทีวีธรรมดาด้วย และที่จำได้ดีสุดคือเพลง We are the World ที่เป็นกองทุนช่วยเหลือเด็กในเอธิโอเปีย (ตอนนั้นโรงเรียนอนุบาลคริสต์ของผมเรี่ยรายอาหารไปบริจาคด้วย) แต่หลังจากนั้นดนตรีสากลก็เงียบไปพักใหญ่ ไม่ค่อยมีให้ได้ดูทางทีวี จนตอนเข้าม.ต้น มีรายการ Smile TV ที่จะเปิดมิวสิควิดีโอต่างประเทศให้ดูทุกอาทิตย์ ทำให้ผมได้โอกาสรู้จักวงอย่าง Guns N’ Roses หรือ Bon Jovi และหลังจากนั้นก็เริ่มหานิตยสารมาอ่าน ตั้งแต่ Music Express ยัน Generation Terrorist

แม้หลังจากนั้นจะเริ่มเป็นยุคเฟื่องฟูโคตรๆของวงการเพลงสากลด้วยกระแสอัลเทอร์เนทีฟ และวงเล็กๆหลากหลายก็แห่กันมาเมืองไทยในยุคฟองสบู่ฟูฟอด แต่ฝันกลางแดดก็กลายไปพร้อมๆกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้วงการเพลงก็ส่งผลกระทบจนซบเซาไปด้วย

แต่ในตอนนั้น ก็เกิดสิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนวงการเพลงไปตลอดกาล นั่นคือไยแมงมุมไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต นั่นเอง ก่อนหน้านั้น เส้นทางในการค้นวงดนตรีใหม่ๆนั้นมีแค่นิตยสาร หรือรายการทีวีเท่านั้น แต่อินเตอร์เน็ตได้ทำให้โอกาสในการเข้าถึงศิลปินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ บางคนยังล้ำสมัย (ในยุคนั้น) ด้วยการเอาเพลงตัวอย่างหรือคลิปตัวอย่างไปขึ้นเว็บตัวเองไว้ด้วย และโลกก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นอกจากอินเตอร์เน็ตแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าวงการดนตรีอีกอย่างหนึ่งคือ MP3 นั่นเอง ในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เร็วนัก เราจะเห็นร้านขายแผ่น MP3 เริ่มผุดขึ้นมาเต็มห้าง 1000Tip จนเป็นจุดกำเนิดของแผ่นผีดูดเลือดไป และการมาของเน็ตความเร็วสูงทำให้การแลกเปลี่ยนเพลงบนเน็ตแรงขึ้นมาก แม้หลายเจ้าจะโดนฟ้องไปเช่นคดีโคตรดังของ Napster แต่ก็ยังมีศิลปินหัวก้าวหน้าบางรายเช่น Kinesis ที่สนับสนุนการแชร์เพลง เพราะไม่เห็นด้วยกับการเอาเปรียบของค่ายเพลงด้วยประโยคเด็ดว่า ยอมให้แฟนฟังเพลงฟรี ดีกว่าไม่มีใครได้ฟังดนตรีของตนเองเลย
873-nap


และเมื่อค่ายApple ออก iPod มาวางขาย แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก แต่ในที่สุดมันก็ครองโลกและ MP3 ก็กลายเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ทำให้ศิลปินและร้านค้าต้องเริ่มขายเพลงในรูปแบบดาวน์โหลดด้วย

แล้วก็เกิดสิ่งที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการเพลงไปอย่างกู่ไม่กลับอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ MySpace เว็บไซต์ที่ศิลปินมาสมัครสมาชิกแล้วสร้างหน้าเว็บของตัวเอง โดยสามารถใส่เพลงหรือคลิปตัวอย่างได้ฟรีๆ และยังมีกระดานตอบโต้ของแฟนๆอีกด้วย ทำให้วงหน้าใหม่มีช่องทางออกไปสู่แฟนเพลงได้ง่ายดายขึ้น วงหน้าใหม่อย่าง Arctic Monkeys ก็สามารถดังระเบิดได้จากไซต์นี้ ถึงขนาดค่ายเพลงต้องออกตามล่าตัวเลยทีเดียว และราคาคอมพิวเตอร์ที่ถูกลง ทำให้การทำดนตรีง่ายขึ้นมากจนเกิดศิลปินเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมี Lilly Allen ที่ดังจากการปากหมาด่าชาวบ้านในบล็อกของตัวเองไปเรื่อย หรือ The Others สนิทกับแฟนเพลงมากถึงขนาดมีเบอร์มือถืออยู่ในเว็บให้แฟนเข้าถึงได้ตลอด จนเปลี่ยนจากยุคศิลปินจอมหยิ่ง มาเป็นยุคที่ศิลปินต้องสัมพันธ์กับแฟนเพลงอย่างเต็มที่ และก็เปลี่ยนจากที่แฟนเพลงเป็นผู้รับสารอย่างเดียว เป็นการที่ทั้งแฟนและศิลปินได้มีส่วนร่วมกันมากขึ้น

BandStock

จนล่าสุด นอกจากแค่ออกความคิดเห็นของตนเองแล้ว แฟนเพลงยังมีโอกาสลงทุนในศิลปินที่ตัวเองชอบอีกด้วย เพราะ www.bandstocks.com/ ทำให้คนทั่วไปสามารถลงทุนจ่ายเงินให้ศิลปินทำอัลบั้มออกมาได้ เหมือนเป็นการซื้อหุ้นเลยทีเดียว และเมื่ออัลบั้มขายได้ ก็ได้ปันผลไปด้วย ด้วยวิธีนี้ ศิลปินที่ไม่มีเงินแต่มีฝีมือจะได้สร้างผลงานตามที่ตัวเองต้องการได้ง่ายขึ้น เท่าที่ดูตอนนี้ที่ดังสุดในไซต์นี้คือ อัลบั้มใหม่ the Bachelor ของ Patrick Wolf ที่ยอดเยี่ยมอย่างไร้ที่ติ และศิลปินที่กำลังเปิดรับเงินทุนอยู่ตอนนี้อย่าง Dark Young Hearts ก็สามารถรวบรวมเงินได้ถึง 3หมื่นกว่าปอนด์เลยทีเดียว เป็นก้าวย่างที่น่าสนใจและแปลกใหม่อย่างคาดไม่ถึงของวงการเพลงจริงๆ จนทำให้ผมสงสัยว่า ต่อจากนี้มันจะมีอะไรมาให้ทึ่งกว่านี้อีกมั้ย แต่ตอนนี้ใครอยากลงหุ้นก็เชิญเลยครับ

ปล. ก่อนเขียนงานชิ้นนี้ ได้รับข่าวเศร้าเกี่ยวกับ Michael Jackson ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้ว่าหลังๆเขาจะเป็น Wacko Jacko ไป แต่ว่า เราคงไม่มีวันลืมความเป็นสุดยอดนักเอนเตอร์เทนของเขาไปได้ ขอไว้อาลัย ณ ที่นี้ด้วย

No comments: