Sunday, June 14, 2009

Noisettes: ปฏิวัติเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

Technorati Tags: ,

ชีวิตคนเรา ถ้าหลายๆสิ่งที่ทำๆอยู่มันไม่เวิร์ค ทำไปแล้วรู้สึกไม่ดี อึดอัด ก็ควรจะต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่ๆบ้าง บางทีอะไรมันอาจจะเวิร์คกว่าแต่ก่อนก็ได้ สำหรับนักดนตรีแล้ว บางที แม้แนวดนตรีที่ทำอยู่ อาจจะน่าสนใจดีอยู่ แต่ถ้าหากมันไม่ดัง ไม่เวิร์ค บางทีการเลือกเปลี่ยนแนวทางดนตรีของตัวเองก็อาจจะนำความสำเร็จมาให้กับตนเองก็ได้ ลองคิดดูว่า ถ้าวันนั้น Bob Dylan ไม่หยิบกีตาร์ไฟฟ้ามาเล่น เค้าอาจจะเป็นแค่นักดนตรีโฟล์คที่เลือนหายไปตามกระแสอีกคนหนึ่งก็ได้ หรือถ้า Deep Purple ไม่เจอ Hard Rock ก็อาจจะปิดตำนานของวงด้วยการเป็นวง Psychedelic ดาดๆก็ได้ และเราก็จะไม่ทีเพลง Smoke on the Water ให้เล่นใน Guitar Heroes และอีกวงหนึ่งที่ทำการปฏิวัติตนเอง (ไม่ใช่แบบทหารในบางประเทศนะ) แล้วประสบความสำเร็จคือ Noisettes

Noisettes460

Noisettes จุติบนผิวโลกในปี 2003 ด้วยการรวมตัวกันของ Shingai Shoniwa (ชิงอี ร้องนำ เบส) นักร้องสาวผิวสีเชื้อสายซิมบับเวสุดห้าวที่โด่งดังจากการแต่งหน้าทำผมหลุดโลก และ Dan Smith (แดน) มือกีตาร์ที่ร่วมวง Sonarfly ด้วยกัน และแยกตัวออกมาตั้งวงของตนเอง จนได้ไปเจอกับ Jamie Morrison (เจมี่ กลอง) วง Noisettes จึงถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ

แต่ถึงแม้จะตั้งวงในปี 2003 ซึ่งเป็นยุค Post-Strokes ที่วงการาจอินดี้หลายต่อหลายวงออกมาสร้างชื่อเสียง แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เส้นทางแห่งความสำเร็จยังอยู่อีกห่างไกล พวกเขาเริ่มอัดเพลงในปี 2004 จนออกมาเป็นอีพีขนาดสี่เพลงที่ชื่อ The Three Moods of the Noisettes ซึ่งออกวางขายในปี 2005 ผ่านค่ายอินดี้ แม้จะไม่ดังมาก แต่อย่างน้อย มันก็ไปเข้าหูของวงรุ่นพี่อย่าง Muse, Babyshambles และ Bloc Party จนได้พึ่งใบบุญให้หอบไปร่วมทัวร์สร้างชื่อด้วย และโชคดีที่ EP นั้นไปเข้าหูแมวมองจากค่าย Universal ทำให้พวกเขาได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในปี 2006

800px-Shingai_Shoniwa_performing_in_Atlanta
พวกเขาพยายามสร้างงานเพลงเพื่อที่จะเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับวงการอินดี้ร๊อคที่ถูกปกครองโดยผู้ชายอยู่ และแน่นอนว่าอาวุธที่พวกเขาจะใช้ทำลายความคิดนั้นคือ Shingai สาวห้าวของวงนั่นเอง และในที่สุด What’s the Time Mr. Wolf? อัลบั้มแรกของพวกเขาก็ได้โอกาสลืมตามาดูโลกในปี 2007


แทบไม่น่าเชื่อว่า What’s the Time Mr. Wolf? คือผลงานของวงหน้าใหม่ เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความเก๋าในทุกตัวโน๊ตที่เราได้ยิน มันคืออัลบั้มการาจร๊อคที่ก๋ากั๋น จัดจ้านราวกับต้มยำกุ้งรดเด็ด บวกเขากับการเหยาะเอาเครื่องปรุงอย่างดนตรีโซล บลูส์ และแจ๊ซคลุ้งควันบุหรี่อันเข้มข้นเข้าไป ทำให้มันออกมาเป็นอาหารจานเผ็ดสะใจสำหรับกกหูของเราเสมอ


แต่ละเพลงในอัลบั้มโดดเด่นเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เพลงแรกอย่าง Don’t Give Up ที่ขึ้นต้นมาในจังหวะกระตุกๆแบบเพลงสวิงแจ๊ซก่อนที่จะตัดไปเป็นเสียงสับกีตาร์อันป่าเถื่อน ส่วน Sister Rosetta (Capture The Spirit) ก็เหมือนกับการให้ Billie Holiday มาดูเอ็ท กับ White Stripes อย่างเมามัน เป็นการผสมผสานเสียงนักร้องสาวผิวดำที่แหบห้าวเข้ากับเสียงกีตาร์ที่แตกพร่าได้อย่างลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่เพลงอย่าง Bridge to Canada ก็ทำให้เรานึกไปถึงวงรุ่นพี่อย่าง Elastica ได้อย่างน่าประหลาดใจ ส่วน Cannot Even (Break Free) ก็ให้โอกาส Shingai ได้โชว์เสียงเต็มที่ แต่เพลงที่เด่นที่สุดในอัลบั้มคงต้องเป็น Scratch Your Name ที่มันเต็มไปด้วยความห้าวดิบสด มันสะใจ จากท่อนริฟฟ์ที่ดุเดือด และเสียงร้องแสนกร้าว จนกลายเป็นเพลงโปรดของเราทันที


noisettes 
แต่ถึงแม้อัลบั้มจะได้รับคำชมเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ได้โอกาสออกทัวร์ไปกับวงดังๆ แต่พวกเขาก็ยังเป็นที่รู้จักในแวดวงอินดี้เท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้และพยายามผลิตผลงานออกมาอีก


จนปีนี้ อัลบั้มชุดที่สองที่มีชื่อสุดเท่ว่า Wild Young Hearts ก็ได้ออกมาให้เราได้ลิ้มรสพวกเขาอีกครั้ง และเมื่อฟังแค่เพลงแรก Sometimes เราก็สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้ทันที เพราะมันคืองานที่นุ่มนวลกว่าเดิมเยอะ และเมื่อฟังทั้งหมด มันก็ชัดเจนว่าจากอิทธิพลของดนตรีการาจ พวกเขาหันไปหาความเป็นดนตรีโซลและบลูส์มากขึ้นโดยผสมดนตรีดิสโก้เข้าไปด้วย ทำให้งานเพลงทั้งอัลบั้มเบาลงอย่างชัดเจน โดยที่เพลงที่ยังมันเหมือนเก่าบ้างก็ยังพอมีอย่าง Beat of My Heart ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ส่วนเพลง Wild Young Hearts ก็ได้เปียโนมาผสมกับจังหวะแบบเพลงป๊อปยุคเก่าได้อย่างลงตัว 24 Hours ก็เหมือนกับการให้ Marcy Gray ไปร้องนำให้กับวง new wave ต้นยุค ’80 และเพลงเด่นสุดคือ Don’t Upset The Rhythm ที่กลายเป็นเพลงดิสโก้พังค์คล้ายกับ the Gossip ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการาจหายไปโดยพลัน และกลายเป็นวง


แม้จะช๊อคแฟนเก่า แต่การเปลี่ยนแนวเพลงแบบสุดโต่งแบบนี้กลับกลายเป็นผลดีในแง่ที่พวกเขากลายเป็นวงดังไปในทันทีที่ Don’t Upset The Rhythm ทะยานขึ้นชาร์ตอย่างงดงาม บางที เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับพวกเขาว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกหรือไม่

No comments: