Sunday, June 14, 2009

The Horrors: เสียงจากหลุมศพ

Technorati Tags: ,

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมี มีกระแสดนตรีที่เป็นที่นิยมเกิดขึ้นหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Nu-Rave หรือ Emo (ไม่นับกระแสเกาหลีฟีเวอร์ที่ผมขอนับว่าเป็นการล้างสมอง เพราะไปไหนก็หนีไอ้เพลงบางเพลงไม่เคยพ้น) และอีกแนวหนึ่งที่ช่วงหลังเริ่มลามมาถึงบ้านเราแล้ว นั่นก็คือ Goth นั่นเอง

Style: "dc_horr_colour_SWITCH"

จริงแล้ว Goth มีหลายต่อหลายประเภทมาก แต่ที่เป็นที่นิยมในช่วงหลังคือดนตรีร๊อคที่เอาบรรยากาศน่าสยดสอง โชกเลือด แบบแวมไพร์หรือซอมบี้มาผสมผสานในเพลง วงที่โคตรดังจากแนวนี้คือ My Chemical Romance ที่พวกเขาทำตัวเป็นผีดูดเลือดมาตั้งแต่ชุดแรก ก่อนจะกลายมาเป็นพาเหรดจากนรกในชุดล่าสุด หรือวงที่เน้นแต่งดำกับเนื้อเพลงชวนแหวะอย่าง 80’s Matchbox B-Line Disaster (ส่วน Evanessence นั้นน่าสยองเพราะเสียงร้องบาดหูของนักร้องนำอ้วนๆกับแร๊ปห่วยๆมากกว่า) และวงก๊อธที่จากอังกฤษที่ทำให้กระแสนี้โด่งดังไปทั่วประเทศของพวกเขาเองคือ The Horrors นั่นเอง

The Horrors เกิดขึ้นเมื่อ เหล่าเด็กหนุ่มที่คลั่งไคล้เพลงการาจย้อนยุคกับ แผ่นเสียงหลุดโลกมารวมตัวกัน พวกเขาประกอบด้วย Faris Rotter (ฟาริส ร้องนำ ชื่อจริง Farris Badwan) Joshua Third (โจชัว กีตาร์ ชื่อจริง Joshua Hayward) Tom Furse (เบส และซินธิไซเซอร์ ชื่อจริง Tom Cowan) Spider Webb (สไปเดอร์เวบบ์ คีย์บอร์ด เบส ชื่อจริง Rhys Webb) และ Coffin Joe (โจ กลอง ชื่อจริง Joseph Spurgeon) พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีใน Junkclub ที่ตั้งขึ้นโดย Spiperwebb และเพื่อน

F_200702_February23e_19899a 

และหลังจากที่เริ่มเล่นสดจนเป็นที่รู้จัก พวกเขาก็ได้ออกซิงเกิ้ลแรกคือ Sheena is a Parasite ที่แม้จะเป็นเพลงสั้นๆไม่ถึงสองนาที แต่มันก็มันเป็นเพลงการาจที่สะใจ และโรคจิตสมกับภาพลักษณ์ของวง เพราะพวกเขาคือ เด็กหนุ่มที่ชอบแต่ชุดสีดำฟิตเปรี๊ยะบนร่างกายที่ผอมเหมือนกับผีตายซาก หัวกระเซิงเหมือนศาสตราจารย์โรคจิต และผิวขาวซีดเหมือนผีดูดเลือด และจากทั้งความน่าสนใจ และภาพลักษณ์ของวง ทำให้พวกเขาไปเตะตาของนิตยสาร NME และได้ลงในหน้าแนะนำวงหน้าใหม่ทันที และภาพที่พวกเขาเลือกลงคือ ภาพของสมาชิกทั้งวงยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเหมือนป่าช้า และถือมีดซึ่งเปล่งแสงสะท้อนออกมา กลายเป็นภาพคลาสสิกและพวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจทันที

หลังจากออกผลงานต่อมา พวกเขาก็ได้ขึ้นหน้าปก NME และได้ไปออกทัวร์กับวงรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง The Automatic, The View และ Mumm-Ra ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนกระแส Goth กลับมาเริ่มเป็นระบาดไปทั่วอังกฤษ


TheHorrors-LaZonaRosa-AustinTX-16Mar2007-1


และหลังจากที่ปล่อยให้รอคอยมานาน พวกเขาก็ปล่อย Strange House ผลงานชิ้นแรกในปี 2007 ออกมาเขย่าวงการ ตั้งแต่ปกยันดนตรี มันคือความน่าสยอง ลึกลับ วังเวง และคลุ้มคลั่งอย่างเต็มสูบ ตั้งแต่เพลงเปิด Jack The Ripper ที่เป็นการคัฟเวอร์เพลงเก่า มันช้าๆอืดๆด้วยเสียงเบสบวมๆ แต่บรรยากาศของเพลงนั้นชวนขนลุกจริงๆ เพลงดังอย่าง She is a New Thing ก็เหมือนการปลุกวิญญาณซอมบี้ทั้งป่าช้าขึ้นมา ส่วน Draw Japan ก็โรคจิตได้สมใจทั้งเสียงร้อง และเสียงออร์แกนหลอนประสาน แต่ที่เด็ดสุดคือ Count in Five ที่เป็นเพลง psycho-billy ที่มันสะใจทุกครั้งที่ได้ยิน อัลบั้มนี้คือความสวยงามบนความสยองไม่ต่างอะไรกับโปสเตอร์หนังสยองขวัญยุค Ed Wood

นอกจากอัลบั้มสุดเขย่าขวัญแล้ว ลีลาในการแสดงสดก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง เพราะนอกจากบรรยากาศแบบป่าช้าแล้ว บางครั้งพวกเขายังปิดไฟทั้งเวทีและใช้ Strobe light เป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศหลอนชวนอาเจียนได้สมใจ

TheHorrorsVIRGINPIC1

หลังจากโด่งดังไปทั่วเกาะ พวกเขาก็กลับไปเก็บตัวเงียบเพื่อเตรียมงานชุดใหม่ และกลับมาพร้อมกับ Primary Colours ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพวกเขา เพราะจากความสยองขวัญแบบหนังเกรดบียุคเก่า พวกเขากลับโอบรับเอาอิทธิพลของดนตรี Psychedelic มาแทน จนจากดนตรีร๊อคหลอนประสาท งานชุดนี้กลายเป็นหอคอยแห่งเลเยอร์ของเสียงที่ซ้อนทับกัน เหมือนกับการขยำ My Bloody Valentine, Jesus and the Mary Chains, Psychedelic Furs และ เสียงซินธิ์หลอนๆเข้าด้วยกัน เพลงอย่าง Who Can Say นั้นชวนเราขนลุกเมื่อตอนที่ Faris พูดว่า When I told her I didn’t love her any more… she cried ทำเราขนลุกทุกครั้ง ส่วน Primary Colours น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีสีสันมากที่สุดในชีวิตนักดนตรีของพวกเขาแล้ว Mirror’s Image ก็ทำให้เรานึกถึง Psychedelic Furs ได้ทันที Scarlet Fields ก็ช่างล่องลอยแบบลึกลับ

ทุกเพลงใน Primary Colours ยอดเยี่ยมจนหาที่ติไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ poster boys ของวงการเพลงอีกต่อไป ด้วย Primary Colours พวกเขาได้พิสูจน์ว่าพวกเขาคือ ของจริง และ Primary Colours ก็เตรียมเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีแล้ว

No comments: