หลังจากที่ต้องอารมณ์เสียที่งาน Bangkok 100 Rock Festival ต้องถูกยกเลิกด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่ออย่างการที่สนามบินบ้านเราถูกยึดเป็นลานแจกไอติมไป ทำให้ไฮไลท์ช่วงปลายปีของผมต้องหายไปอย่างน่าเสียดายไม่ต่างกับการพาสาวมาค้างแล้วไม่ทำอะไรเลย เลยต้องหันมานั่งฟังเพลงอยู่บ้านแทน และค่าย Warner Thailand ก็เหมือนรู้ใจ ส่งหนึ่งในอัลบั้มที่ผมรอฟังอีกหนึ่งอัลบั้มในปีนี้มาทันที นั่นคือ Shogun โดยวงหนักกะโหลกอย่าง Trivium จากอเมริกานั่นเอง
Trvium ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ Matt Heafy (แมท) เล่นกีตาร์เพลงของMetallica ในงานโรงเรียนมัธยม ทำให้ Brad Lewter นักร้องติดใจ และลากไปทดลองเสียงที่บ้านของ Travis Young (ทราวิส มือกลอง) ทำให้เขาได้รับเข้าร่วมวง Trivium ทันที แต่ว่าพอเล่นสดตามบาร์ในฟลอริดาไปได้ซักพัก Brad ก็ออกจากวงไป เลยเป็นโอกาสของ Matt ที่ขึ้นมายึดพรรค เอ๊ย ควบตำแหน่งกีตาร์ ร้องนำ และหัวหน้าวงไปด้วยเลย พวกเขาดึงเอา Brent Young เข้ามาร่วมเล่นเบส และในปี 2003 พวกเขาได้อัดเดโม ซึ่งไปเข้าหูของค่าย Lifeforce จากเยอรมัน ทำให้พวกเขาถูกดึงไปออกอัลบั้มทันที ซึ่งก็กลายมาเป็นอัลบั้มแรกของพวกเขาในปีนั้นเอง อัลบั้มแรกของพวกเขา Ember to Inferno ออกวางขายทั้งที่ๆหัวหน้าวงอย่าง Matt ยังมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง แต่ว่ามันก็ดึงความสนใจจากทั้งวงการได้จากความสดใหม่ แน่น และหนักหน่วงของมัน จนทำให้พวกเขากลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเมทัลไปทันที นอกจากภาคดนตรีที่หนักหน่วงแล้ว เนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการกดขี่ข่มเหง และการพยายามในการโค่นล้มอำนาจมืดก็เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก
หลังจากออกอัลบั้มได้ไม่นาน Corey Beaulieu (คอรีย์) ก็เข้ามาร่วมวงในฐานะมือกีตาร์คนที่สอง และได้ Paolo Gregoletto (เปาโล) มาเล่นเบสแทน Brent ที่ลาออกจากวงไป และจากความสำเร็จ (เล็กๆ) ของ Ember to Inferno ทำให้ค่ายเพลงหนักกบาลรุ่นใหญ่ของอเมริกาอย่าง Roadrunner Record ตกเขียวเซ็นสัญญาเข้าร่วมค่ายทันที ทำให้พวกเขารีบเข้าสตูดิโอเพื่อพยายามคลอดอัลบั้มแรกกับสังกัดใหญ่ออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกเขาอัดผลงานในสตูดิโอที่บ้านเกิดฟลอริดา ภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์ Jason Suecof และมันก็กลายเป็นอัลบั้มชื่อ Ascendency ที่ออกวางขายในปี 2005 แม้มันจะทำยอดขายในช่วงต้นๆได้ไม่แรงนัก แต่ว่า มันได้รับคำชมจากนักวิจารณ์จากหลายสถาบัน เพราะมันคืออัลบั้มเป็นความหวังของวงการเมทัลเลยทีเดียว พวกเขาทั้ง 4 คนเป็นทีมที่ร่วมกันสร้างดนตรีร๊อคที่ผมคงบรรยายได้สั้นด้วยคำว่า แน่น คำเดียว เพราะมันอัดกระหน่ำตั้งแต่เพลงที่สอง (เพลงแรกยังบรรเลงเบาๆอยู่ครับ) ยันเพลงสุดท้ายจริงๆ ถ้าใครต้องการหาอัลบั้มที่มีกีตาร์เด่นๆในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ผมขอบอกเลยครับว่า ไปหาอัลบั้มนี้มาฟังได้เลยครับ เพราะมันหนักหน่วง และแน่นสมใจแน่ๆครับ ถ้าจะให้ยกเพลงเด่นๆมา ก็คงจะเป็น Rain, Pull Harder On The Strings Of Your Martyr หรือ Like Light To The Flies เสียงจากกีตาร์สองตัวไล่เรียงกันไปมาอย่างสะใจบนเสียงกระหน่ำกลองกระเดื่องคู่ และเสียงสำรอกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากหนุ่มน้อยหน้าใสอย่าง Matt จากความยอดเยี่ยมของมัน ทำให้นักวิจารณ์เทใจให้ถึงขนาดได้เป็นอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีของนิตยสาร Kerrang! ของฝั่งอังกฤษเลยทีเดียว และเด็กหนุ่มอย่างพวกเขาก็ได้โอกาสไปเล่นในเทศกาลขาร๊อคอย่าง Download Festival อย่างงดงาม
และด้วยไฟที่ร้อนแรงในตัว ปีต่อมา พวกเขาก็ออกอัลบั้มใหม่ The Crusade ตามมาทันที และมันก็ยังคงความหนักแน่นเช่นเคย เพียงแต่โทนของเพลงเปลี่ยนไปสู่ความเป็นแทรชเมทัลมากขึ้น และการสำรอกก็หายไป โดยเปลี่ยนมาเป็นการร้องในแบบที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับวงที่เขาชื่นชมอย่างMetallicaมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเพลง Entrance of Conflagration แต่ความมันสะใจก็ยังคงเดิม เพลงเด่นสุดคงต้องเป็น Anthem (We’re the Fire) ที่วงไทยบางวงชื่นชอบเป็นอย่างมาก
และในปีนี้ พวกเขากลับมากับอัลบั้มใหม่ชื่อญี่ปุ่นว่า Shogun และมาพร้อมซาวนด์ที่หันกลับไปสู่ความหนักแน่นแบบ Ascendency พร้อมทั้งดึงเอาการสำรอกกลับมา มันเป็นอัลบั้มแรกที่พวกเขาร่วมงานกับโปรดิวเซอร์คนใหม่ Nick Raskulinecz และมันเปิดตัวด้วยเพลง Kirisute Gomen ที่เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “ขอโทษที่ต้องบั่นคอท่าน” พอค้นไปมา เลยรู้มาว่า Matt เป็นเด็กเชื้อสายญี่ปุ่นโดยมีชื่อกลางคือ Kiichi เลยหายสงสัยว่าทำไมงานเพลงของพวกเขาเกี่ยวกับญี่ปุ่นไม่น้อย อีกเพลงที่โดดเด่นมากๆคือ Into The Mouth Of Hell We March มันสะใจ และยังมท่อนคอรัสที่ชวนแหกปากตามเหมือนเดิม และยังสับกระเดื่องคู่รัวแบบไม่ยั้งเช่นเคย พวกเขาภูมิใจกับอัลบั้มนี้มากโดยกล่าวว่ามันเป็นอัลบั้มที่ออริจินอลที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมา และแน่นอนว่ามันได้รับคำชมจากทั่วสารทิศเลยทีเดียว
ด้วยอายุของหัวหน้าวงเพียง 20 ต้นๆ ทำให้เราอยากจะคอยติดตามไปต่อว่า Trivium จะเติบโตและมีพัฒนาการไปอีกขนาดไหน แต่วันนี้ ขอโยกกบาลกับเพลง Kirisute Gomen ก่อนแล้วกันครับ
1 comment:
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
Post a Comment