Saturday, January 10, 2009

The Best 30 of the Year 2008 (ภาคต่อ)

Technorati Tags:

ถ้าอ่านของอาทิตย์ที่แล้ว ก็คงไม่ต้องเกริ่นอะไรมากนะครับ ไม่อย่าพล่ามมากให้เปลืองเนื้อที่ ไปดูเลยดีกว่าครับว่างานนี้ใครเข้าอันดับบ้าง

Hercules and Love Affair

20. Hercules and Love Affair - Hercules and Love Affair งานเพลงแดนซ์จากค่าย DFA แห่งนิวยอร์ก คือการจับเอาบรรยากาศดนตรีดิสโกสุดบรรเจิดในยุคที่ Studio 54 ที่เที่ยวสำคัญและ Saturday Night Fever คือหนังสุดเท่ มาทำใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างแนบแน่น จนเราไม่รู้สึกเชยเวลาฟังมันแม้แต่นิดเดียว โปรเจคต์นี้นำโดยดีเจหนุ่ม Andrew Butler และได้แรงหนุนจากเสียงร้องอันงดงามของ Anthony แห่ง Anthony and the Johnsons เพลง Blind คือหนึ่งในเพลงที่กังวานอยู่ในสมองเราตลอดทั้งปี

The Bronx (III)

19. The Bronx – The Bronx งานชุดที่สามของวง Hardcore Punk จาก California ที่ยังคงใช้ชื่อวงเป็นชื่ออัลบั้มรอบที่สาม (ไม่เปลืองแรงคิดชื่อดี) ที่ยังมากับความหนักหน่วงสะใจเหมือนเดิม ถ้าคุณต้องการดนตรีร๊อคจริงๆ แบบไม่มีอะไรเจือปน นอกจากความหนักหน่วง ดิบ เถื่อน ก้าวร้าว แต่ยังเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ ออกไปหาวงนี้มาฟังเถอะครับ แล้วไปโยกหัวกับเพลงมันๆอย่าง Past Lives และ Young Bloods

Walking_on_a_Dream_cover

18. Empire of the Sun – Walking on a Dream วงหน้าใหม่จากคนหน้าเก่า Luke Steele แห่ง The Sleepy Jackson และ Nick Littlemore แห่ง Pnau (เคยเขียนถึงในฉบับเดือนมิถุนายน) สองหนุ่มจากสองวงในออสเตรเลียหันมาร่วมมือทำดนตรีอีเล็กโทรนิกส์หลอนๆ เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน หลุดโลกในแบบของ ฮิปปี้หลงยุค สังเกตได้จากปกซีดีที่ดูเหมือนกับงานศิลปะเชยๆบนปกเกมคอมสมัยต้นยุค 90’ ก็บอกอะไรได้เยอะแล้ว พวกเขาดังจากซิงเกิ้ลแรก Walking on a Dream แต่เป็น Half Mast ที่กุมหัวใจเราไว้ได้โดยสิ้นเชิง

Protest_the_Hero_-_Fortress 

17. Protest the Hero – Fortress งานชุดที่สองจากวง Progressive Metal จากแคนาดา ที่ลีลาการสลับสับเปลี่ยนจังหวะและคอร์ดเล่นเอาเรางงไปหมด ใครชอบหาความแปลกใหม่ เอาไปเลยครับ ผมเองยังงงกับการเล่นของพวกเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามันจำกันได้ยังไง นอกจากความดิบหนักแบบซอยถี่ยิบแล้ว ยังได้จินตนาการบรรเจิดอีกครับ ผมไม่ขอยกเพลงเด่นๆมาแล้วกันครับ เพราะต้องไปฟังทั้งอัลบั้มครับ

Partie Traumatic

16. Black Kids - Partie Traumatic งานเปิดตัวของวงหน้าใหม่จาก Jacksonville อเมริกา ที่ทำเพลงป๊อปสุดแสนสนุก ชวนให้เราเผลอโยกตัวและแหกปากร้องตามไปหลายครั้งแล้ว พวกเขารู้ดีว่าการทำให้คนสนุกกับดนตรีนั้น ต้องทำอะไรบ้าง ท่าไม้ตายสารพัดสารพันของวงการเพลงป๊อปถูกงัดออกมาใช้จนทำให้ได้เพลงป๊อปสมบูรณ์แบบเหมือนกับยุค 80’ แห่งป๊อปอันเจิดจรัส เพลงที่ทำให้เราสนุกได้เสมอคือ Hurricane Jane และ I'm Not Gonna Teach Your Boyfriend How to Dance with You แต่เพลงโปรดของผมคือ I'm Making Eyes At You

Fantasy Black Channel

15. Late of the Pier – Fantasy Black Channel ใครว่า New Rave แรงแค่ปีเดียว แม้ปีที่แล้ว Klaxons จะชิงเอาความโดดเด่นไปเกือบหมด แต่ปีนี้เราก็ยังมี Late of the Pier จาก อังกฤษ ที่ยังสร้างความมัน สนุก แบบเปี่ยมไปด้วยแสงนีออน พวกเขขยำเสียงSynthesizer เข้ากับเครื่องดนตรีอื่นๆได้อย่างลงตัว เพลงเด่นอย่าง Space and the Wood ก็ยอดเยี่ยมสมราคา ในขณะที่ Focker คือพายุเสียงสังเคราะห์ที่พัดเข้าหาเราแบบไม่มียั้ง

Vampire Weekend

14. Vampire Weekend – Vampire Weekend อัลบั้มเปิดตัวของสี่หนุ่มที่จบจากมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ในอเมริกา ที่ทำเพลงอินดี้ที่เรียบง่ายและฟังสนุกออกมาให้วงทางฝั่งอังกฤษได้อิจฉา และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลงานของเด็กมาดเนิร์ดเหล่านี้ แค่ความสนุกของ A-Punk ก็เกินคุ้มแล้วครับ

Day & Age

13. The Killers – Day & Age งานชิ้นที่สามของวงร๊อคจากลาส เวกัส ที่กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้สองอัลบั้มก่อนหน้านี้ แม้จะขาดเพลงเด่นอย่าง All These Things That I Have Done หรือ When You Were Young แต่อัลบั้มนี้ก็ยังคนยอดเยี่ยมอยู่ดี ซิงเกิ้ลแรกอย่าง Human นั้นยอดเยี่ยมเกินบรรยายแม้จะมีท่อนคอรัสที่ชวนงงก็ตามที ในขณะที่ Joy Ride ก็ทำให้เรานึกถึง Duran Duran (ในแง่ดี)

OBTN

12. Kings of Leon – Only by the Night งานชุดที่สี่ของวงจาก Nashville อเมริกา งานชุดที่แล้ว ทำให้เรารู้ว่าพวกเขาเติบโตแล้ว ทิ้งเพลงมันๆแบบขี้ยาแดนใต้ไว้ และหันมาทำงานเพลงแบบจริงจัง และงานชุดนี้ เราก็ได้เห็นพวกเขากลายเป็นวงที่พร้อมจะยึดสนามกีฬาทั้งสนามไว้ได้ ใช่ครับ พวกเขากลายเป็นวงสเตเดี้ยมร๊อค กลายเป็นวงร๊อคที่จริงจังไปแล้ว แค่ท่อนคอรัสเพลง Sex on Fire ก็ยอดเยี่ยมจนทำให้คนทั้งสนามพร้อมแหกปากตามแล้วครับ

Nights out

11. Metronomy – Nights Out ดนตรีอิเล็กโทรนิกส์จากอังกฤษ ที่ทั้งอัลบั้มเต็มเปี่ยมไปด้วยการผสมผสานเสียงจากยุคต่างๆจนออกมาลงตัวอย่างน่าทึ่ง เพลงอย่าง Radio Ladio ฟังดูเหมือนกับเพลงปลุกใจก่อกบฏของเหล่าซากหุ่นยนต์ในภูเขาขยะ ในขณะที่ Holiday เป็นเหมือนเสียงวิญญาณแทรกเข้ามาในเทป แต่ที่ยอดเยี่ยมสุดคงเป็น Heartbreaker ที่เป็น 4.15นาทีของการปลอบใจคนที่อกหักได้อย่างยอดเยี่ยม

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณนะค่ะ