Saturday, January 10, 2009

2008 a Year in Music มองย้อนกลับปี 2008

Technorati Tags:

ในตอนที่ทุกท่านอ่านคอลัมน์นี้อยู่ ผมเองคงนอนตีพุงเล่นหลังจากบริษัทเริ่มหยุดยาวแล้ว และแน่นอนครับว่า แต่ละปีที่ผ่านไป เราทุกคนควรจะหันมามองย้อนหลังกลับไปดูว่าปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้าง และในฐานะที่เป็นคนเขียนหนังสือ ผมเองก็อยากจะสรุปเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาในแบบของผมเองบ้าง และที่สำคัญคือ ต้องมีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องดนตรีบ้างครับ แต่ก่อนอื่น ต้องขอบอกว่า สำหรับคนรักดนตรีอย่างผมแล้ว ปี 2008 เป็นปีที่ค่อนข้างเงียบเหงาไปนิดนึงสำหรับวงการดนตรี เพราะว่าไม่มีวงที่สร้างคลื่นใหม่ๆให้กับวงการอย่างรุนแรงเหมือนกระแส Nu-Rave ในปีที่ผ่านมาเลย โดยเฉพาะวงการเพลงอังกฤษที่วงดังๆเด่นๆหลายๆวงพากันอู้งาน ไม่ก็เสียฟอร์ม จนกลายเป็นว่าปีที่ผ่านมา จืดไปสนิทเลยครับ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีผลงานดีๆมาให้เราฟังอยู่เหมือนเดิม (ถึงจะน้อยไปหน่อย) ลองดูเลยแล้วกันครับว่าปีที่ผ่านมามีอะไรน่าสนใจบ้าง

วงที่ดีที่สุดของปี รางวัลนี้ ผมคงต้องยอมยกให้วง Coldplayไปเลยอย่างไม่มีข้อแม้ครับ แม้ว่าวงๆนี้จะไม่ใช่วงโปรดในดวงใจของผม แต่ความยอดเยี่ยมของอัลบั้ม Viva La Vida นั้น ทำให้ผมได้รู้ว่าพวกเขากลายเป็นวงระดับโลกไปในแบบเดียวกับ U2 ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งที่ Coldplay ทำนั้น แทบจะเป็นแบบเดียวกับสิ่งที่ U2 เคยทำมาเลย ยังไม่รวมการต่อสู่เพื่อการกุศลที่ Chris Martin ทำมาโดยตลอด อีกไม่นานคงได้ฉายา Saint Chris Martin เหมือนกับ Saint Bono นั่งเอง อัลบั้ม Viva La Vida ก็เปลี่ยนทัศนคติของผมที่มีต่อวงนี้ไปเลย จากวงที่ทำเพลงเรื่อยๆเอื่อยๆฟังสบาย กลับกลายมาเป็นวงที่ทำเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่น แม้พวกเขาจะขาดภาพลักษณ์เท่ๆ (ยกเว้นเครื่องแบบของวงที่ออกแบบมาได้ดี) แต่ว่า พวกเขาก็ดีพอที่จะเป็นวงยอดเยี่ยมแห่งปีของปีนี้ไปเลยครับ

coldplay

วงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี งานนี้ฝั่งอเมริกาเอาไปกินครับ เพราะผมขอยกให้กับวง MGMT (อ่านว่า Management ครับ) จากนิวยอร์ก เพราะว่า จู่ๆพวกเขาก็เหมือนกับโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วก็เอาเพลงหลอนๆในแบบเฉพาะตัวมาให้พวกเราได้ฟังกัน และที่สำคัญคือมันยอดเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อเลยว่า อัลบั้ม Oracular Spectacular ของพวกเขาจะเป็นผลงานเปิดตัววงหน้าใหม่ เพราะมันยอดเยี่ยม แหวกแนว กล้าหาญเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเป็นผลงานของวงหน้าใหม่ หลังจากฟังไปหลายรอบแล้ว ผมยังหาข้อบกพร่องของมันไม่เจอเลยซักที ยิ่งได้ดู MV ของวง ที่คิดว่าคงหมดกัญชาไปเยอะกว่าจะออกมาเป็น MV ที่คงต้องใช้กัญชาอีกเยอะในการทำความเข้าใจมันเช่นกัน งานของพวกเขาจะกลายเป็นหลักกิโลชั้นดีให้วงรุ่นน้องพยายามทำผลงานออกมาให้ดีกว่าพวกเขาให้ได้ (วงอื่นๆที่เข้ารอบสุดท้ายคือ Hadouken!, Friendly Fires และ Crystal Castles)MGMT-issue-26

คอนเสิร์ตแห่งปี งานนี้ผมยังสับสนอยู่ครับ เพราะว่าทั้ง Travis Live in Bangkok และ Kylie X ต่างก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่ต่างก็มีจุดเด่นต่างกัน Kylie X คือโชว์ที่สุดแสนตระการตาไม่ต่างกับการระเบิดของดวงดาวบนท้องฟ้า จนทำให้เราสนุกแบบหยุดไม่อยู่จริงๆ ในขณะที่ Travis มาแบบเรียบง่ายจริงๆ (จนเกือบมักง่าย) แต่ความเรียบง่ายที่มากับดนตรีดีๆที่เป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจเรายามอ่อนล้าได้เป็นอย่างดี หากจะเปรียบแล้ว Kylie คงเป็น Star Wars ที่ดูแล้วสนุกสุดๆ ในขณะที่ Travis คือ Billy Elliot ที่ให้กำลังใจเราทุกครั้งที่ดูมัน งานนี้ เสมอกันไปครับ

รอมานานในที่สุดก็ออกมาซะที จะอะไรซะอีกครับ ก็ Chinese Democracy GNRchinesedemocracyอัลบั้มล่าสุดของวงระดับตำนาน Guns n’ Roses ที่มีผลงานออกมาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1993 (ตอนนั้นผมยังใส่ขาสั้น หัวเกรียนอยู่เลยครับ) เล่นเอาพวกเรารอมานานซะ 15 ปี แม้สมาชิกเดิมจะเหลือแค่ไอ้ Axl คนเดียว แต่ยังไงเราก็อยากฟังอยู่ดี เพราะมันคงจะมีความบ้ามากกว่า Velvet Revolver แน่นอน และมันก็จริงๆครับ ไอ้ Axl ยังหอนได้เหมือนเช่นเคย เพียงแต่มันขาดความดุดันในตัวดนตรี จนทำให้เราผิดหวังไปหน่อย แต่ก็เอาเถอะครับ ม้ายังดีกว่าไม่มา เอาไว้รำลึกอดีตแล้วกัน

น่าผิดหวังที่สุด จะอะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่การยกเลิกคอนเสิร์ต Bangkok 100 Rock Festival เพราะสาเหตุที่มีคนเอาสนามบินบ้านเราไปเป็นลานแจกไอติมแทน ทำให้ศิลปินมาไม่ได้ ถึงมาได้ ก็คงไม่อยากมาแล้วล่ะครับ ใครจะเชื่อล่ะครับ ว่านี่แหละเมืองพุทธ คิดแล้วอยากย้ายกลับไปอยู่ญี่ปุ่นแทน อย่างน้อยก็สงบกว่าที่นี่ แล้วก็มีศิลปินมาตลอดล่ะครับ เอาเป็นว่าไม่อยากบ่นมาก เดี๋ยวโดนข้อหาไม่รักชาติ พอเท่านี้ครับ

the-dark-knightหนังดีที่สุด The Dark Knight เอาไปเลยครับ เยี่ยมไร้ที่ติ ผมเป็นแฟนแบทแมนมานาน และ  Batman Begins ก็ทำให้ผมประทับใจอย่างมาก แต่ The Dark Knight ทำให้ผมต้องปากค้าง ด้วยเนื้อหาที่มันสะใจ แต่หดหู่สุดๆ และการแสดงอย่างยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกๆคนถึงขนาดทำเอาผมขนลุกได้ บวกกับการกำกับของ ทีมพี่น้อง Nolan ทำให้มันเป็นหนังภาคต่อที่ดีกว่าภาคแรกได้เหมือนกับ the Godfather Part II และ The Empire Strikes Back เลยทีเดียว

เซ็งที่สุด ปี2008 เป็นเหมือนปีซวยของผมครับ เพราะรถชนไปสามรอบ ป่วยบ่อยผิดปกติ และที่ซวยสุดๆคือ ฮาร์ดดิสก์ที่เก็บข้อมูล เพลง หนัง รูปถ่าย ของผม พังโดยไม่มีทางกู้ ตอนนี้เลยกลายเป็นแค่ที่ทับกระดาษไปครับ ทุกๆคน ทำแบคอัพไว้สองที่เป็นอย่างน้อยนะครับ เข็ดจริงๆ เอาเป็นว่าไม่อยากบ่นมากกว่านี้แล้ว เจอกันครั้งหน้าจะเอา Best 30 of 2008 มาฝากกันครับ

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ