Friday, December 5, 2008

ตัวโน๊ตแห่งความเศร้า Jeff Buckley (1966-1997)

Technorati Tags: ,

สำหรับคนทั่วไปแล้วโศกนาฏกรรมในชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่สำหรับบางคน หรือบางครอบครัวแล้ว มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าโชคชะตาคอยแต่จะกลั่นแกล้งครอบครัวเดิมๆอยู่ร่ำไป และในวงการดนตรี ก็มีครอบครัว Buckley ที่ทั้งพ่อและลูกก็เป็นนักดนตรีที่ได้รับคำยกย่องอย่างมากมายในวงการเพลง แต่กลับต้องจากไปก่อนเวลาอันควรทั้งคู่

ผู้พ่อ Tim Buckley คือศิลปินหัวก้าวหน้าแห่งยุค 60 ที่ไม่ได้ไหลไปกับกระแสดนตรีบุบผาชนของยุคนั้นเหมือนกับศิลปินอื่นๆ แต่เขากลับกล้าตั้งคำถามต่อทั้งฝ่ายรัฐบาลและวัยรุ่น แม้เขาจะฝากผลงานชั้นยอดไว้มากมาย ทว่า สุดท้ายแล้ว เขาก็พ่ายแพ้ต่อธุรกิจดนตรีที่ผันแปรอย่างรวดเร็ว และไม่นานเขาก็จบชีวิตนักดนตรีชื่อ (ไม่) ดัง ด้วยการเสพเฮโรอีนเกินขนาดและน๊อคตายไปต่อหน้าเมียตัวเอง

แต่อย่างน้อย นอกจากบทเพลงชั้นยอดที่เขาทิ้งไว้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาทิ้งไว้ให้แก่โลกใบนี้คือ ลูกชายที่เกิดขึ้นกับเมียคนก่อนหน้า หนุ่มน้อย Jeff Buckley ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานศพแท้ๆของพ่อตัวเองเพราะไม่มีใครบอกให้รู้ถึงความตายของพ่อแท้ๆ

หนุ่มน้อย Jeff มีชื่อว่า Scott Moorhead ตามนามสกุลของพ่อเลี้ยงของเขา แต่เขาก็เลือกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Jeff Buckley หลังจากที่พ่อแท้ๆของเขาตายไป ถึงแม้ว่าพ่อลูกคู่นี้จะไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เวลาเป็นครอบครัว แต่ Jeff เองก็รับเอาดวงตาที่เหงาๆ เศร้าสร้อยในแบบของพ่อเขามาด้วย และบางทีมันอาจจะเป็นความเศร้าตรงนี้เองที่ฉุดทั้งคู่ไปสู่จุดจบก่อนวัยอันควรที่ไม่ต่างกันนักJeffBuckley

ถึงจะไม่สนิทกับพ่อแท้ๆ ทว่า แม่ของเขาเองก็เป็นนักดนตรีสายคลาสสิก ส่วนพ่อเลี้ยงก็เป็นคนพาเขาไปรู้จักวงร๊อคต่างๆ ตั้งแต่ The Who ยัน Pink Floyd และเมื่ออายุเพียง 5 ขวบ เขาก็เริ่มพยายามที่จะหัดเล่นกีตาร์แล้ว แม้จะต้องใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กแบบเร่ร่อนไปทั่วด้วยรถแวน แต่ความสนใจของเขาก็ไม่เคยหันเหไปจากดนตรี จนเข้าช่วงมัธยม เขาก็หันความไปสนไปสู่ดนตรีแจ๊ซ และโปรเกรซซีฟอีก พอจบมัธยม เขาก็แพ๊คกระเป๋า เข้าสู่ฮอลลีวู้ด เพื่อเข้าศึกษาในสถาบันดนตรี ที่ภายหลังเขากลับรู้สึกว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ

ตามแบบฉบับของหนุ่มไฟแรง เขาตระเวนไปทั่วทุกที่ เล่นดนตรีมันทุกแนวตั้งแต่เรกเก้แดนซ์ฮอลล์ ยัน เฮฟวี่เมทัล เพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเขาก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์กเพื่อทำงานอื่นหาเลี้ยงชีพไปด้วย จนอดีตผู้จัดการของพ่อเขาเสนอออกค่าใช้จ่ายในการอัดเดโมให้ ทำให้เขารีบคว้าโอกาสในทันที และเดโมที่ออกมาก็ไปเข้าหูแมวมองทั้งหลายอย่างรวดเร็ว

jeff_buckleyเขามีโอกาสที่ดีอีกครั้ง เมื่อถูกเชิญไปร้องเพลงในงานที่ระลึกของ Tim พ่อของเขา และเพลงที่เขาเลือกคือ I Never Ask to Be your Mountain เกี่ยวกับตัวเขาและแม่ของเขา เขาไม่ได้เลือกเล่นคอนเสิร์ตนี้เพื่อสร้างชื่อ แต่มันคือการคารวะครั้งสุดท้ายแก่พ่อแท้ๆของเขา และชดเชยการไม่ ได้ไปร่วมงานศพของพ่ออีกด้วย

และหลังจากรวบรวมประสบการณ์มานาน อัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของเขา Grace ก็เสร็จสมบูรณ์ในปี 1994 ช่วงที่โลกยังอยู่ในกระแสดนตรีกรันจ์อยู่ และถึงแม้ว่างานของเขาจะได้รับโปรดิวซ์และมิกซ์เสียงโดย Andy Wallace คนเดียวกันที่มิกซ์เสียงอัลบั้ม Nevermind ­ของ Nirvana แต่ดนตรีของเขาก็แตกต่างออกไปจากดนตรีกรันจ์เป็นอย่างมาก Grace คือดนตรีกีตาร์ร๊อคที่ได้รับการเรียบเรียงออกมาอย่างประณีต และละมุนละไม เสียงร้องที่ผสมกึ่งแหบห้าวกึ่งสูงอย่างเป็นเอกลักษณ์ของเขาก็ไปได้ดีกับตัวเพลง

บทเพลงทั้งหมดของอัลบั้ม Grace ได้ถูกบรรจงแต่งขึ้นด้วยประสบการณ์ของ Jeff ทำให้มันยอดเยี่ยมไม่แพ้เหล้าที่ได้รับการบ่มเป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพลงสร้างชื่อของเขาคือ Last Goodbye ที่เป็นเพลงร๊อคที่พูดถึงการลาจากได้อย่างน่าเศร้าแต่งดงามในเวลาเดียวกัน เพลงแทบทุกเพลงในอัลบั้มแสดงให้เห็นถึงความประณีตราวกับการแกะสลักรูปปั้นหินอ่อน เพลงเก่าที่เขาเอามาทำใหม่อย่าง Hallelujah ก็เป็นการขับร้องออกมากจิตวิญญาณอย่างแท้จริงจนทำให้เรานึกถึงพ่อเขาขึ้นมาทันที Grace คืออัลบั้มแรกของเขา และมันก็ได้รับคำชมเป็นอย่างมาก จนเราคิดว่าเขาน่าจะดีใจน่าดู แต่พอหันไปดูปกซีดี Jeff ยืนสงบกำไมค์ในมือ เขาหลับตาลง หากแต่เราสามารถดูออกได้ว่า เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเราก็ไม่อาจรู้ได้

grace

หลังจากได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม เขาก็เงียบหายไปซักพัก ก่อนที่จะเริ่มกลับมาทำงานชุดที่สองในปี 1997 โดยเขาย้ายไปที่สตูดิโอของเขาที่เมมฟิสและในเย็นวันที่ 29 พฤษภาคม เขากับสมาชิกในวงไปสังสรรค์กันที่แม่น้ำมิสซิสซิปปี เขากระโดดลงไปว่ายน้ำทั้งที่ใส่เสื้อผ้าทั้งตัว พร้อมทั้งแหกปากร้องเพลง Whole Lotta Love ของ Led Zeppelin ไปด้วย และทันใดนั้น เขาก็ถูกคลื่นซัดหายไปในทันที ตำรวจพบร่างของเขาในอีก 5 วันให้หลัง เขาไม่ได้มีสารเสพติดอะไรในร่างกายเลย จนทำให้สงสัยว่า ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น และในที่สุด พิธีศพของเขาก็ถูกจัดขึ้นในที่ๆเดียวกับที่เขาร้องเพลงเป็นที่ระลึกให้แก่พ่อของเขา จบชีวิตศิลปินแววตาเศร้าคนที่จากโลกก่อนวันอันควรเหมือนกับพ่อของเขาเอง

No comments: