Saturday, December 13, 2008

Hope of the States: ขบถผู้พ่ายแพ้

หลายครั้งที่ผมเขียนถึงวงดนตรีที่แยกวงไปแล้ว หรือศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบที่จะทำหน้าที่คนที่ฉายแสงไฟให้กับพวกเขาเหล่านั้น เพื่อที่ว่าจะได้ยังมีที่ยืนในความทรงจำของผู้คนยุคปัจจุบันในสังคมแห่งการบริโภคที่ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และอีกวงหนึ่งที่เป็นอดีตไปแล้วที่ผมอยากเอาเรื่องของพวกเขามาเสนอคือ เหล่าขบถที่พ่ายแพ้ Hope of the States

เรื่องราวของ Hope of the States เริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนวัยเด็กที่โตขึ้นมาด้วยกันใน Chichester ประเทศอังกฤษ ทั้ง Sam Herlihy (ร้องนำ) Amthony Theaker (กีตาร์) James Lawrence (กีตาร์) ซึ่งเติบโตมาในยุดที่ดนตรีบริทป๊อปกำลังเบ่งบาน จึงไม่แปลกอะไรเลยที่พวกเขาเลือกที่จะหยิบเครื่องดนตรีขึ้นมาและตั้งวงดนตรีเหมือนกับวัยรุ่นอีกนับไม่ถ้วนในยุคนั้น พวกเขาได้ Paul Wilson (เบส) เข้ามาร่วมวงและแชร์ความสนใจในดนตรีกันมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาพยายามจนได้สัญญากับทางค่าย Parlophone แต่มันก็เป็นความล้มเหลว แม้พวกเขาจะไฟแรง แต่ความเป็นเด็กของพวกเขา ทำให้พวกเขาใช้เวลาไปกับการเติมแอลกอฮอล์ลงกระเพาะมากกว่า แม้พวกเขาจะพยายามหนีเรียนไปอัดเพลง แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันHopeOfTheStatesPIC1

หลังจากเติบโตขึ้น และแน่นอนว่าฉลาดขึ้น แซมได้รวบรวมเพื่อนกลุ่มเดิม เพื่อตั้งวง Hope of the States การกลับมาในครั้งนี่ พวกเขาเอาจริงด้วยการยึดเครื่องแบบทหาร เป็นเครื่องแบบของวงเพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของทีม พวกเขาดึง Mike Siddel (ไวโอลิน) และ Simon Jones มาร่วมวง เพื่อให้เป็นวงที่สมบูรณ์ และในตอนนี้ แนวทางของพวกเขาก็ชัดเจนแล้วว่า พวกเขาเลือกที่จะเดินคนละทางกับวงอย่าง Coldplay หรือ Travis ที่โด่งดังในช่วงนั้น แต่พวกเขาเลือกรับอิทธิพลด้านดนตรีจากวง Godspeed, You Black Emperor และ Radiohead ส่วนเรื่องเนื้อเพลงนั้นได้รับอิทธิพลด้านการเมืองอันเข้มข้นมาจาก Manic Street Preachers

พวกเขาเริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจเมื่อออก EP ชื่อ Black Dollar Bills ในปี 2003 ในรูปแบบจำกัดโดยสมาชิกวงเป็นคนนั่งเย็บกระสอบที่หุ้มปกกันเอง (กลายเป็นสินค้าสะสมเรียบร้อย) และด้วยบรรยากาศสงครามอีกรอบสองในช่วงนั้น ทำให้มิวสิควิดีโอที่พวกเขาได้ Type2Error (ที่ดังมาด้วยกัน) มาช่วยสร้างให้ ต้องถูกแบนออกจาก MTV เนื่องจากมันมีเนื้อหาที่หดหู่และฉายภาพของสงครามชัดเจนเกินไป แต่กลับเป็นการดีเมื่อการแบนทำให้วงของพวกเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้พวกเขาถูกดึงไปเล่นตามเทศกาลดนตรีต่างๆ และเมื่อออกซิงเกิ้ลต่อมา Enemies/Friends พวกเขาก็ได้รับสัญญาจากค่าย Sony และกลายเป็นวงที่น่าจับตามองมากที่สุดแห่งปี

อะไรๆก็เหมือนจะดูดีไปหมด แต่จู่ๆ หลังจากอัดเสียงกันในสตูดิโอ และนั่งพักผ่อนด้วยการดูหนัง James บอกราตรีสวัสดิ์เพื่อน และนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาพูด เพราะหลังจากนั้น เขาก็แขวนคอตายในสตูดิโอในคืนนั้นเอง และมันก็เป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนสมาชิกที่เหลือ ที่พราะต้องเสียเพื่อนไปโดยที่ไม่รู้ว่าทำไม และไม่มีโอกาสได้ช่วยเพื่อนเลย แต่พวกเขาก็ยังพยายามเดินหน้าต่อไปโดยได้ Michael Hibbert มาช่วยเล่นกีตาร์แทน

420x300

และเมื่ออัลบั้มแรก The Lost Riots วางขาย มันก็เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่เป็นขวัญใจของนักวิจารณ์เพลงในปีนั้น เพราะมันคือหนึ่งในอัลบั้มเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่สุด พวกเขาไม่ได้หากินกับความเศร้าจากความตายของเพื่อนเลย เพราะอัลบั้มนี้มันเต็มไปด้วยการวิจารณ์สังคมและการเมืองอเมริกันอย่างเข้มข้น บทเพลงทั้งอัลบั้มต่างเต็มได้ด้วยความจริงจังอย่างมาก เพลงอย่าง Black Dollar Bills และ The Red The White The Black The Blue ก็พูดถึงการเมืองอย่างชัดเจน ในขณะที่ Enemies/Friends และ Nehemiah ก็ทำให้เรารู้ว่ายังมีความหวังอยู่ที่ปลายอุโมงค์อยู่ และ Goodhorsehymm ก็เป็นเพลงที่คอยปลอบประโลมผู้พ่ายแพ้ในสังคม The Lost Riots แทบไร้ซึ่งที่ติด แต่น่าเสียดายที่มันออกมาในช่วงที่คนเลือกที่จะหนีจากการเมือง ทำให้วงที่มีภาพลักษณ์เท่ๆอย่าง The Strokes หรือ Yeah Yeah Yeahs ครองวงการอยู่ วงทำเพลงเกี่ยวกับการเมืองอย่างจริงจังอย่างพวกเขา และ Kinesis ก็เลยถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย จนได้รับแค่สถานะวงโปรดนักวิจารณ์เท่านั้น พวกเขากลายเป็นแค่เสียงกระซิบท่ามกลางพายุ

hope_of_the_states

แต่ว่าวิญญาณขบถอย่างพวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาออกอัลบั้มที่สอง Left ในปี 2006 ซึ่งก็ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างมากเหมือนเดิม เพราะมันเต็มไปด้วยเพลงเด่นอย่าง Blood Meridian, The Good Fight และ Sing It Out ที่ยังชวนปลุกเร้าอารมณ์ของเราให้ลุกขึ้นมาสู้กับความไม่เป็นธรรมอีกครั้ง แม้โทนดนตรีจะหันไปหากีตาร์และเข้าถึงง่ายกว่าชุดที่แล้ว แต่มันก็ยังแตกต่างจากวงรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ดี

ทว่า ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขากลับเลือกที่จะแยกทางกันในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน โดยไม่มีการกล่าวถึงสาเหตุอย่างชัดเจน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้จะพยายามแค่ไหน ดนตรีของพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างแรงกระทบต่อสังคมได้เหมือนกับวงอื่นๆ ทำให้พวกเขากลายเป็นแกะดำ เป็นขบถของวงการเพลงที่ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย และปิดตำนานของ Hope of the States ไว้เพียงเท่านี้

(หากสนใจดู MV ของวงที่เป็นผลงานของ Type2Error ทีมครีเอทีฟมาแรง ลองไปดูได้ ที่นี่)

No comments: