หลายครั้งที่ผมเขียนถึงวงดนตรีที่แยกวงไปแล้ว หรือศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบที่จะทำหน้าที่คนที่ฉายแสงไฟให้กับพวกเขาเหล่านั้น เพื่อที่ว่าจะได้ยังมีที่ยืนในความทรงจำของผู้คนยุคปัจจุบันในสังคมแห่งการบริโภคที่ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และอีกวงหนึ่งที่เป็นอดีตไปแล้วที่ผมอยากเอาเรื่องของพวกเขามาเสนอคือ เหล่าขบถที่พ่ายแพ้ Hope of the States
เรื่องราวของ Hope of the States เริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนวัยเด็กที่โตขึ้นมาด้วยกันใน Chichester ประเทศอังกฤษ ทั้ง Sam Herlihy (ร้องนำ) Amthony Theaker (กีตาร์) James Lawrence (กีตาร์) ซึ่งเติบโตมาในยุดที่ดนตรีบริทป๊อปกำลังเบ่งบาน จึงไม่แปลกอะไรเลยที่พวกเขาเลือกที่จะหยิบเครื่องดนตรีขึ้นมาและตั้งวงดนตรีเหมือนกับวัยรุ่นอีกนับไม่ถ้วนในยุคนั้น พวกเขาได้ Paul Wilson (เบส) เข้ามาร่วมวงและแชร์ความสนใจในดนตรีกันมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาพยายามจนได้สัญญากับทางค่าย Parlophone แต่มันก็เป็นความล้มเหลว แม้พวกเขาจะไฟแรง แต่ความเป็นเด็กของพวกเขา ทำให้พวกเขาใช้เวลาไปกับการเติมแอลกอฮอล์ลงกระเพาะมากกว่า แม้พวกเขาจะพยายามหนีเรียนไปอัดเพลง แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
หลังจากเติบโตขึ้น และแน่นอนว่าฉลาดขึ้น แซมได้รวบรวมเพื่อนกลุ่มเดิม เพื่อตั้งวง Hope of the States การกลับมาในครั้งนี่ พวกเขาเอาจริงด้วยการยึดเครื่องแบบทหาร เป็นเครื่องแบบของวงเพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของทีม พวกเขาดึง Mike Siddel (ไวโอลิน) และ Simon Jones มาร่วมวง เพื่อให้เป็นวงที่สมบูรณ์ และในตอนนี้ แนวทางของพวกเขาก็ชัดเจนแล้วว่า พวกเขาเลือกที่จะเดินคนละทางกับวงอย่าง Coldplay หรือ Travis ที่โด่งดังในช่วงนั้น แต่พวกเขาเลือกรับอิทธิพลด้านดนตรีจากวง Godspeed, You Black Emperor และ Radiohead ส่วนเรื่องเนื้อเพลงนั้นได้รับอิทธิพลด้านการเมืองอันเข้มข้นมาจาก Manic Street Preachers
พวกเขาเริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจเมื่อออก EP ชื่อ Black Dollar Bills ในปี 2003 ในรูปแบบจำกัดโดยสมาชิกวงเป็นคนนั่งเย็บกระสอบที่หุ้มปกกันเอง (กลายเป็นสินค้าสะสมเรียบร้อย) และด้วยบรรยากาศสงครามอีกรอบสองในช่วงนั้น ทำให้มิวสิควิดีโอที่พวกเขาได้ Type2Error (ที่ดังมาด้วยกัน) มาช่วยสร้างให้ ต้องถูกแบนออกจาก MTV เนื่องจากมันมีเนื้อหาที่หดหู่และฉายภาพของสงครามชัดเจนเกินไป แต่กลับเป็นการดีเมื่อการแบนทำให้วงของพวกเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้พวกเขาถูกดึงไปเล่นตามเทศกาลดนตรีต่างๆ และเมื่อออกซิงเกิ้ลต่อมา Enemies/Friends พวกเขาก็ได้รับสัญญาจากค่าย Sony และกลายเป็นวงที่น่าจับตามองมากที่สุดแห่งปี
อะไรๆก็เหมือนจะดูดีไปหมด แต่จู่ๆ หลังจากอัดเสียงกันในสตูดิโอ และนั่งพักผ่อนด้วยการดูหนัง James บอกราตรีสวัสดิ์เพื่อน และนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาพูด เพราะหลังจากนั้น เขาก็แขวนคอตายในสตูดิโอในคืนนั้นเอง และมันก็เป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนสมาชิกที่เหลือ ที่พราะต้องเสียเพื่อนไปโดยที่ไม่รู้ว่าทำไม และไม่มีโอกาสได้ช่วยเพื่อนเลย แต่พวกเขาก็ยังพยายามเดินหน้าต่อไปโดยได้ Michael Hibbert มาช่วยเล่นกีตาร์แทน
และเมื่ออัลบั้มแรก The Lost Riots วางขาย มันก็เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่เป็นขวัญใจของนักวิจารณ์เพลงในปีนั้น เพราะมันคือหนึ่งในอัลบั้มเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่สุด พวกเขาไม่ได้หากินกับความเศร้าจากความตายของเพื่อนเลย เพราะอัลบั้มนี้มันเต็มไปด้วยการวิจารณ์สังคมและการเมืองอเมริกันอย่างเข้มข้น บทเพลงทั้งอัลบั้มต่างเต็มได้ด้วยความจริงจังอย่างมาก เพลงอย่าง Black Dollar Bills และ The Red The White The Black The Blue ก็พูดถึงการเมืองอย่างชัดเจน ในขณะที่ Enemies/Friends และ Nehemiah ก็ทำให้เรารู้ว่ายังมีความหวังอยู่ที่ปลายอุโมงค์อยู่ และ Goodhorsehymm ก็เป็นเพลงที่คอยปลอบประโลมผู้พ่ายแพ้ในสังคม The Lost Riots แทบไร้ซึ่งที่ติด แต่น่าเสียดายที่มันออกมาในช่วงที่คนเลือกที่จะหนีจากการเมือง ทำให้วงที่มีภาพลักษณ์เท่ๆอย่าง The Strokes หรือ Yeah Yeah Yeahs ครองวงการอยู่ วงทำเพลงเกี่ยวกับการเมืองอย่างจริงจังอย่างพวกเขา และ Kinesis ก็เลยถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย จนได้รับแค่สถานะวงโปรดนักวิจารณ์เท่านั้น พวกเขากลายเป็นแค่เสียงกระซิบท่ามกลางพายุ
แต่ว่าวิญญาณขบถอย่างพวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาออกอัลบั้มที่สอง Left ในปี 2006 ซึ่งก็ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างมากเหมือนเดิม เพราะมันเต็มไปด้วยเพลงเด่นอย่าง Blood Meridian, The Good Fight และ Sing It Out ที่ยังชวนปลุกเร้าอารมณ์ของเราให้ลุกขึ้นมาสู้กับความไม่เป็นธรรมอีกครั้ง แม้โทนดนตรีจะหันไปหากีตาร์และเข้าถึงง่ายกว่าชุดที่แล้ว แต่มันก็ยังแตกต่างจากวงรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ดี
ทว่า ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขากลับเลือกที่จะแยกทางกันในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน โดยไม่มีการกล่าวถึงสาเหตุอย่างชัดเจน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้จะพยายามแค่ไหน ดนตรีของพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างแรงกระทบต่อสังคมได้เหมือนกับวงอื่นๆ ทำให้พวกเขากลายเป็นแกะดำ เป็นขบถของวงการเพลงที่ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย และปิดตำนานของ Hope of the States ไว้เพียงเท่านี้
(หากสนใจดู MV ของวงที่เป็นผลงานของ Type2Error ทีมครีเอทีฟมาแรง ลองไปดูได้ ที่นี่)
No comments:
Post a Comment