Saturday, November 22, 2008

ตัวโน๊ตแห่งความเศร้า Ian Curtis (1956 -1980)

Technorati Tags: ,,

Curtis Memorial ในช่วงเดือนพฤษภาคมของปี 1980 Ian Curtis นักร้องหนุ่มของวงโพสต์พังค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่าง Joy Divison ได้นัดกับ Bernard Sumner เพื่อนร่วมวงของเขาเพื่อไปเล่นสกีน้ำด้วยกัน อะไรก็ดูจะสดชื่นขึ้นสำหรับนักร้องหนุ่มที่ชีวิตถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกแห่งความเศร้าและยาเสพติด แต่เมื่อถึงวันนัด เขากลับไม่โผล่มา จน Bernard ตัดสินใจทิ้งเพื่อนแล้วไปคนเดียว แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่า จริงๆแล้ว เอียน ได้มีนัดกับความตายไว้ก่อนแล้ว เพราะจากนั้นไม่นาน เอียน ก็ถูกพบในห้องครัวของเขา ในสภาพที่มีเชือกพันอยู่รอบคอและขาทั้งสองลอยอยู่เหนือพื้น

ชีวิตอันแสนสับสนของเขาเริ่มต้นอย่างเรียบง่าย เอียนเป็นที่รู้จักกันดีว่าเขาหลงใหลในบทกวีโดยมี Joseph Conrad และ William Burroughs เป็นแรงบันดาลใจหลัก แต่ถึงแม้เขาจะเรียนดีจนได้ทุนเรียนต่อมัธยม เขากลับเริ่มต้นเสพยาในช่วงนี้โดยค่อยๆเริ่มจากยาต่างๆในตู้ยาสามัญประจำบ้าน

จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมบทนี้คือการที่เขาได้พบกับ Deborah เพื่อนร่วมโรงเรียนเมื่อสมัยอายุแค่ 16 ปี เขาตกหลุมรักเธออย่างจัง และแม้จะสารภาพกับเธอว่าเขาไม่คิดที่จะมีอายุอยู่เกิน 25 ปี แต่พวกเขาก็ตัดสินใจแต่งงานกันเมื่อเอียนมีอายุได้เพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ใครจะรู้ว่าความรักที่เริ่มต้นอย่างสวยงามจะกลายเป็นความขมขื่นเมื่อบุคคลที่เป็นนักคิดเสรีอย่างเขาจะกลายเป็นเผด็จการเมื่อเป็นเรื่องความรัก เพราะเขาครอบงำเธอทุกอย่างและกระทั่งสั่งให้เธอแต่งตัวตามที่เขาต้องการตลอด ความรัก กลายเป็นสิ่งที่ชวนสับสนที่สุดสำหรับตัวเขา

IanCurtisดูเหมือนว่าการระบายออกผ่านบทกวีอาจะยังไม่เพียงพอ ทันทีที่เขาไปพบกับสองนักดนตรีหนุ่มอย่าง Sumner และ Peter Hook ซึ่งกำลังพยายามตั้งวงดนตรีอยู่ เขาก็เข้าไปรับหน้าที่ร้องนำและแต่งเนื้อเพลงให้กับวงทันที โดยหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ Stephen Morris รุ่นพี่โรงเรียนของเอียนมาเล่นกลองให้ พวกเขาตั้งขื่อวงว่า Warsaw แต่ก็มีวงอื่นอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาต้องหันมาเรียกตัวเองว่า Joy Division ซึ่งหมายถึง แผนกหรรษา ซึ่งทหารนาซีในช่วงสงครามโลกจะเอาเชลยหรือนักโทษมาเป็นเครื่องปรนเปรอกามตัณหาของพวกเขา

พวกเขาเองเริ่มต้นได้อย่างย่ำแย่ เพราะว่าพวกเขาเองยังไม่รู้จักวิถีเล่นเครื่องดนตรีให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ในทีสุด พวกเขาก็พบส่วนผสมอันสุดวิเศษ ด้วยเบสที่เล่นเป็นทำนอง กับกีตาร์ที่เล่นเป็นเครื่องให้จังหวะ เสียงกลองที่พยามข่มเครื่องดนตรีทั้งสอง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เสียงร้องและเนื้อเพลงของเอียนที่สร้างบรรยากาศอันวังเวง มืดหม่นไม่ต่างกับป่าช้ายามค่ำคืน ทั้งหมดผสมผสานกันอย่างลงตัวและกลายเป็นดนตรีที่แหวกแนว กล้าหาญ จริงจังและยังมืดหม่นในช่วงของการบูมของดนตรีป๊อป และดิสโกที่ไร้แก่นสาร

การแสดงสดที่ติดตาของพวกเขาทำให้พวกเขาถูก Tony Wilson เซ็นเข้าค่าย Factory  Records ทันที พวกเขาเริ่มสร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมจากการแสดงสดในรายการของ John Peel และอัลบั้มแรก Unknown Pleasure ก็สร้างชื่อให้กับพวกเขา และการแสดงสดที่เต็มไปด้วยพลังทำให้วงเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าเต้นกระตุกๆของเอียน ดูเหมือนเขาจะพบที่ๆควรอยู่แล้ว

แต่ชีวิตศิลปินก็สร้างปัญหาให้เขา เพราะโรคลมบ้าหมูที่เขาเป็นได้รับผลกระทบจากแสงสีบนเวที เมื่อเริ่มออกทัวร์ จู่ๆเขาก็หอนเหมือนคนบ้าน ชกผนัง และล้มลงชักกระตุก และมันก็เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆจนหลายครั้งที่แฟนเพลงไม่รู้ว่าเขาชักจริงๆหรือกำลังเต้นตามปกติอยู่ แพทย์ยื่นมือเข้ามาห้ามไม่ให้เขาดื่ม ห้ามนอนดึก และให้อยู่อย่างสงบ ซึ่งตรงกันข้ามกับเส้นทางที่เขาเลือก และแน่นอนว่ามันเป็นการเลือกถนนสู่ความตายอย่างแท้จริง

ปัญหาของเขาหนักขึ้นไปอีกเมื่อ เขาพบกับแฟนเพลงชาวเบลเยี่ยมและเริ่มคบชู้กับเธอ ความรู้สึกผิดในตัวเขาทำให้เขาจมลึกลงไปอีก หนำซ้ำ เมียสาว Deborah ให้กำเนิด Natalie ลูกสาวแสนน่ารัก ทำให้เขากลายเป็นคุณพ่อแสนเลวในทันที และเขาก็รู้ตัวเองดีและเอาแต่โทษตัวเอง วันหนึ่ง Deborah แทบสิ้นสติเมื่อกลับมาพบสามีตัวเองเอามีดกรีดอกอยู่ เขาจมลงไปโดยยังไม่เห็นก้นบ่อian-curtis

เมื่ออัลบั้มที่สอง Closer ออกวางขาย มันเป็นงานคลาสสิกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง แต่เอียนได้จองตั๋วสู่นรกเรียบร้อยแล้วหากพิจารณาจากเนื้อเพลงที่สื่อถึงการไม่สนใจชีวิตตัวเองอีกต่อไปแล้ว และไม่นานหลังจากนั้นเอง ที่เขาเลือกจบชีวิตของตัวเองด้วยการแขวนคอเมื่ออายุได้เพียง 23 ปี จบชีวิตของ เม่น ที่ถึงแม้จะรักและอยากเข้าใกล้ผู้ใด หนามรอบกายก็คอยทิ่มแทงให้ผู้คนเหล่านั้นต้องรับบาดเจ็บไปเสมอ

เพลงที่เขาฝากไว้ให้กับโลกใบนี้ คือ Love Will Tear Us Apart บทเพลงที่สรุปชีวิตเขาได้อย่างดี เพราะว่ามันคือความรักที่ทำให้เขารู้สึกผิดจนต้องเลือกจากโลกนี้ไป แต่จากมุมมองของภรรยา ความหลงใหลกับความตายของเขาต่างหากที่นำไปสู่จุดจบของชีวิตคู่

แม้เอียนจะจากไปนานแล้ว แต่อิทธิพลของเขายังแผ่ซ่านอยู่ไปทั่ววงการดนตรี ไม่มีเขา ก็คงไม่มี U2, Radiohead, Interpol หรือ Bloc Party และอีกหลายร้อยวงที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นหลังจากการตายของเขา

No comments: