หลังจากรอมาได้ซักระยะ 24 พฤษภาคม วันที่ The Drums จะได้เล่นสดที่เมืองไทยก็มาถึงครับ ทั้งนี้ต้องขอบคุณ Federbrau เบียร์จากเยอรมันที่ใจป้ำ นำพวกเขามาแสดงโดยมี Lullaby เป็นผู้ประสานงานอีกแรงครับ
วันงาน เนื่องจากงานเริ่มสองทุ่มครึ่ง และรถติดบวกฝนตก ผมเลยเร่งออกตัวหน่อย จนไปถึงงานได้เร็วกว่าที่คิด โดยสถานที่คือ Muse ที่ทองหล่อซอย 10 คลับไฮโซดูดีครับ เสียตรงต้องฝากรถแบบ Valet นี่ล่ะครับที่ผมไม่ค่อยชอบนัก แต่ภายในก็ถือว่าสวยดีครับ ออกแบบได้สวยจริงๆ
ระหว่างที่รอ ก็ซดเบียร์บ้างตามระเบียบ รอมาได้ซักระยะ พิธีกรก็บอกว่า รออีก 45 นาทีนะคะ แต่ระหว่างนั้น ก็มีดีเจจาก Club Soma มาเปิดเพลงอินดี้ดิสโก้ให้เราได้เพลินครับ ลิสต์เพลงก็อย่าง Friendly Fires, Passion Pit และ The Naked and the Famous ฟังไปเพลินไปครับ ระหว่างรอ ผมตะหงิดๆอยู่หน่อยตรงที่ กลองกระเดื่องของวง ไม่ได้ติดชื่อวงไว้เหมือนกับที่วงทั่วไปชอบทำกัน
แต่พอเสียงดนตรีถูกเฟดลง คนก็กรี้ดทันทีครับ เพราะรู้เลยว่า พวกเขากำลังจะออกมา และพวกเขาก็ทะยอยเดินออกมาจริงๆครับ ผมปักหลักอยู่หน้าเวที โดยที่เวทีเตี้ยมาก และไม่มีอะไรกั้น เรียกได้ว่า ใกล้ระดับได้กลิ่นตัวพวกเขาเลยล่ะครับ (เปรียบเทียบนะ ไม่ได้ดมจริงๆ)
พวกเขาแต่งตัวกันตามสบาย จุดเด่นของวงก็คงต้องเป็นแกนนำอย่างโจนาธาน ที่ออกมาในชุดกางเกงขาเต่อสีดำฟิต ร้องคอนเวิร์สหุ้มข้อสีแดง เสื้อกล้ามบวกเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์สีซีด เหมือนกับหลุดมาจากปลายยุค 80 ยังไงอย่างงั้นครับ เพลงแรกที่พวกเขาเลือกเล่นคือ What You Were เพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม เลยเป็นการเปิดตัวที่ออกจะหงอยๆนิดนึง ก่อนจะต่อด้วยเพลง Me and the Moon ที่จังหวะกระชั้น เร็วขึ้นและยิ่งช่วงที่ร้อง Forever ซ้ำไปมานี่ เรียกเสียงร้องตามจากคนดูได้มากจริงๆครับ
แต่เป็นเพลงที่ 3 ที่เรียกเสียเฮจากคนดูได้เต็มสูบ เมื่อเขาแนะนำว่า เป็นเพลงที่เกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเขาที่เสียไป มันจะเป็นเพลงอะไรได้อีก นอกจากเพลง Best Friend เพลงดังของพวกเขาล่ะครับ ส่วนหนึ่งที่เพลงนี้ดัง คงมาจากท่าเต้นกวนๆของโจนาธานใน MV นั่นเอง และเขาก็ไม่ทำให้แฟนผิดหวังครับ เต้นแบบกวนสุดๆตลอดเพลงเลยครับ น่าแปลกที่มันเป็นเพลงไว้อาลัยเพื่อน แต่กลับเป็นเพลงที่สนุกเอามากๆ และคนก็แหกปากร้องตามกันอย่างเต็มที่เลยครับ
เพลงที่ 4 คือเพลงโปรดของผมจาก EP Summertime! นั่นคือ I Felt Stupid ที่นอกจากจังหวะโจ๊ะๆได้ใจแล้ว ท่อนฮุคที่รอ้งแค่ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ้า นี่มันทั้งติดหู และชวนให้ร้องตามเสียจริงครับ ผู้ชมก็เฮกันทั้งงานครับ แล้วพวกเขาก็ตามต่อด้วย Book of Stories เพลงที่ผมรู้สึกถึงกลิ่นของ Roy Orbison อยู่ และมันก็เยี่ยมจริงๆครับ ท่อนคอรัสที่ติดหูสุดๆก็เรียกเสียงจากแฟนเพลงได้ไม่น้อยครับ ที่สำคัญนอกจากเพลงของพวกเขาจะติดหูมากแล้ว แฟนเพลงที่มาในงานยังเป็นชาวต่างชาติเพียบครับ เรียกได้ว่า พวกเขาไม่กั๊กความสนุกเลยครับ มีทีเท่าไหร่ ใส่เท่านั้น ร้องเพลงตามตลอดครับ ส่วนโจนาธานก็เต้นไปมาอย่างเมามันทั่วเวที ดูไปมาก็เหมือนครูสอนเต้นแอโรบิคส์ที่อาการลมบ้าหมูกำเริบจริงๆ พี่แกเล่นพล่านไปทั่วเวที จนสาวๆแถวหน้าลูบขย้ำตูดแกซะเพลินครับ
จากนั้นพวกเขาก็ต่อด้วยเพลงที่ช้าลงอีกหน่อยอย่าง We Tried ที่ติดหูไม่แพ้กันครับ ก่อนจะหันไปที่เพลงช้าๆ เหงาๆ อย่าง It Will All End In Tears เพลงโปรดอีกเพลงหนึ่งที่เหมือนกัน Joy Division จากนั้นพวกเขาก็เล่นเพลงใหม่ Money ให้พวกเราได้ลองฟังดู
จากนั้นก็เป็นเพลงหนุงๆหนิงๆ น่ารักอย่าง I Need Fun In My Life ให้เราได้โยกตาม แล้วก็ตามด้วยเพลงสนุกๆอย่าง Let’s Go Surfing ที่เล่นเอาคนดูมันกันทั่วฟลอร์ครับ พวกเขาต่อด้วยเพลง Submarine เพลงจาก EP Summertime! เช่นกัน แล้วปิดท้ายด้วยเพลง Forever And Ever Amen เพลงดังของพวกเขาอย่างงดงามครับ ก่อนจะลงจากเวทีไป
หลังจากปล่อยให้เรารอซักระยะ พวกเขาก็กลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งด้วยเพลง Skippin' Town ที่แสนติดหูเสียเหลือเกิน และหันไปเล่นเพลงช้า Down By The Water ที่ช่วงกลางเพลงโจนาธานออกอาการอินอย่างหนักถึงขนาดแทบจะเหวี่ยงไมค์ไปมา เล่นเอาขาไมค์พังจนตอนจบเพลงยังดูเหมือนจะมีน้ำตาคลอด้วยซ้ำครับ ส่วนเพลงที่พวกเขาเลือกมาปิดการแสดงคือ The Future เพลงที่ปิดอัลบั้มของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนอารมณ์ติสต์ของโจนาธานจะขึ้นพีคเต็มที่ จบเพลงเขาเหวี่ยงไมค์ทิ้ง จนไมค์พังต่อตาผมเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นโชว์ที่อัดเต็มๆจริงๆ ประทับใจไม่ลืมครับ
หลังจากนั้นก็มีการเล่นเกมก่อนจะเป็นโชว์ของคุณจีน กษิดิษ แต่ผมต้องขอตัวกลับก่อน เพราะว่า ยังมีงานค้างอยู่เยอะ และดึกแล้ว เลยต้องขอบายครับ เสียดายเหมือนกัน แต่ก็สนุกได้อย่างเต็มที่จริงๆครับ