หลังจากที่เขียนถึงวงรุ่นใหมจากเวลส์ที่เด่นๆไปแล้วถึงสามวง (FFAF, Lostprophets และ BFMV) ผมคงจะเว้นวงอีกหนึ่งวงไม่ได้ แม้แนวเพลงจะต่างกันออกไปไม่น้อย แต่ว่า พวกเขาก็เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดไม่แพ้กันเลย วงที่ว่าคือ วง The Automatic จากคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์นั่นเองครับ
The Automatic เกิดจากการรวมตัวกันของเพื่อนตั้งแต่ประถมสามคน ตั้งวงกันเมื่ออายุ 13 ปี โดยมีสมาชิกคือ Rob Hawkins (ร๊อบ ร้องนำ เบส) James Frost (เจมส์ เบส) และ Iwan Griffith (อีวาน กลอง) โดยห้าปีต่อมา พวกเขาได้สมาชิกอีกคนเพิ่มมาคือ Alex Pennie (อเล็กซ์ คีย์บอร์ด ซินธิไซเซอร์) ทีแรก พวกเชาเรียกตัวเองว่า White Rabbit ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น The Automatic และอัดเดโมที่มีเพลง Raoul และ Rats จนได้สัญญากับค่ายเพลงในปี 2005
พวกเขาเริ่มออกซิงเกิ้ลแรก Recover ในปีนั้นทันที มันคือเพลงร๊อคที่อาศัยจังหวะโจ๊ะๆ ไลน์เบสที่ใกล้เคียงกับเพลงเต้นรำ เสียงกีตาร์ที่คอยตอดเล็ดตอดน้อยตลอด เสียงสังเคราะห์ประกอบ การแหกปากตะโกนเต็มสูบของนักร้องนำ รวมไปถึงการตะโกนโหวกเหวกของคนร้องเสริมด้วย แม้มันจะไม่ได้ติดชาร์ต แต่ความเด่นของมันก็ทำให้พวกเขาได้รับเลือกเป็นวงที่น่าจับตามองในปี 2006 โดยนิตยสาร NME ทันที พวกเขาไม่ทำให้คนที่เฝ้าจับตามองผิดหวังด้วยการออกซิงเกิ้ลที่สอง Raoul ตามออกมา โดยอาศัยรูปแบบการทำเพลงแบบเดิม เพียงแต่ว่าครั้งนี้อารมณ์เพลงจะหนักออกไปทางเพลงเต้นรำมากกว่าที่จะเน้นความเป็นร๊อคอย่างเดียว จนเรียกได้ว่า เป็นเพลงร๊อคที่สามารถเต้นตามได้อย่างสบายๆมากกว่า และในครั้งนี้ พวกเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักและเพลง Raoul ก็ได้ขึ้นชาร์ตหลายชาร์ตตามรายการเพลงต่างๆ
พวกเขาติดตามความสำเร็จด้วยการออกอัลบั้มเต็มชุดแรก Not Accepted Anywhere ในปี 2006 ซึ่งมันได้แรงหนุนอีกแรงจากซิงเกิ้ลที่สาม Monster ที่เป็นเพลงมันสะใจ ช่วยให้แหกปากตาม มันกลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของพวกเขาโดยขึ้นชาร์ตถึงอันดับสี่ และยังถูกเอาไปแปลงเป็นเพลงเชียร์บอลยู่เสมอ โดยเปลี่ยนท่อนคอรัส Monster เป็นชื่อนักบอลจอมลุยทั้งหลาย ควมสำเร็จของเพลงนี้ทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นวงที่ดังแค่เพลงเดียว ทั้งๆที่ Raoul ก็เคยเข้าชาร์ต Top 40 มาก่อนแล้ว
ส่วนตัวอัลบั้มนั้น เป็นอัลบั้มที่เรียกได้ว่าเป็นกระป๋องอัดความสดใหม่สุดๆจริงๆ พวกเขาใส่ความสด ความห้าว ของวัยหนุ่มเข้าไปในอัลบั้มแบบเต็มๆ ทำให้ได้อัลบั้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอดรีนาลีน แบบคนหนุ่มจริงๆ นอกจากทั้งสามซิงเกิ้ลแล้ว เพลงอย่าง Seriously Guys I Hate You หรือ You Shout You Shout You Shout ก็มันสะใจไม่แพ้กัน โดยมีทีเด็ดอยู่ที่ความมันชวนให้แหกปากร้องตามเหลือเกิน แต่เสียงแหกปากร้องตามของ Alex กลายเป็นที่ถกเถียงกัน เมื่อนักวิจารณ์ส่วนหนึ่งบอกว่าน่ารำคาญโดยไร้สาระ แต่นักวิจารณ์อีกส่วน (รวมทั้งผมด้วย) เห็นว่ามันทำให้พวกเขาแตกต่างจากวงอื่นๆ และเป็นการใช้เสียงร้องเสริมได้อย่างน่าสนใจมากๆ
Not Accepted Anywhere กลายเป็นความสำเร็จอย่างงดงาม แต่พวกเขาก็ถึงทางแยก เมื่อ Alex บอกว่าการอยู่ในวงไม่สนุกแล้ว และแนวเพลงของเขาก็ไม่ตรงกับสมาชิกคนอื่น เขาจึงลาออกจากวงโดยยอมทัวร์จนเสร็จกับวงก่อน แม้จะได้เริ่มงานอัดเพลงชุดใหม่ไปบ้างแล้ว ทางวงก็ได้สมาชิกใหม่เข้ามาเสริม นั่นคือ Paul Mullen (พอล กีตาร์ ซินธิไซเซอร์) จากวง Yourcodenameis:Milo ที่พักวงอยู่
และผลงานที่ร่วมกับ Paul ก็ออกมาเป็นอัลบั้มที่สองที่ชื่อ This Is A Fix ในปี 2008 โดยมีซิงเกิ้ลเปิดตัวคือเพลง Steve McQueen ที่ยังมันสะใจเหมือนเดิม แต่ว่าโทนของเพลงจะหนักไปทางเพลงร๊อคมากขึ้นกว่าเดิม และแทนที่เสียงของ Alex ด้วยเสียงประสานของทั้งวงแทน ทำให้เราได้รู้ว่า พวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว นอกจานี้เพลงอย่าง This Is A Fix หรือ Secret Police ก็ทำให้มั่นใจได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาหันไปหาอารมณ์ของเพลงร๊อคมากขึ้นกว่าเดิม แม้จะมีเพลงอย่าง In The Mountains หรือ Magazines ที่มีกลิ่นเดิมๆบ้าง ถึง This Is A Fix จะเป็นงานเพลงร๊อคที่ดี แต่น่าเสียดายที่มันก็ยังขาดเสน่ห์ที่เคยมีมา
และในปีนี้ พวกเขาก็กลับมากับงานชุดที่สาม Tear The Signs Down ในปีนี้ ที่เป็นเหมือนการผสมงานสองชุดแรกเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรก Interstate ที่เหมือนงานชุดที่สองแต่ใส่ลูกเล่นอย่างเสียงประสาน ลา ลา ล้า เข้าไปได้อย่างชวนติดหู รวมไปถึงซิงเกิ้ล Run And Hide ติดหูและโจ๊ะไม่แพ้กัน ส่วนเพลง List ก็เป็นเพลงร๊อคบนจังหวะดิสโก้ที่ชวนเต้นตามจริงๆ ส่วน Cannot Be Saved ก็เป็นเพลงร๊อคที่มันสะใจไม่แพ้วงหนักๆวงอื่นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าพวกเขาประณีประนอมทิศทางทั้งสองของพวกเขาลงมาเป็นอัลบั้มนี้ได้อย่างดีจริงๆครับ
น่าทึ่งที่ประเทศเล็กๆอย่างเวลส์กลับมีวงดนตรีดีๆโผล่มาไม่น้อยจริงๆครับ นี่ยังไม่ได้เขียนถึงวงสุดฮาอย่าง Goldie Lookin’ Chains เลยนะครับ ฮ่าๆ
No comments:
Post a Comment