Monday, December 17, 2012

The XX การผสมผสานระหว่างช่องว่างและเสียงดนตรี

Technorati Tags: ,

หลังจากผ่านวัยรุ่น ที่ชอบอะไรที่มันเยอะๆ เต็มที่ จัดเต็ม ไม่ว่าอะไรก็ต้องเยอะไว้ก่อน เหมือนอย่างเพลง ก็ต้องหนักๆ แน่นๆ ลูกเล่นเยอะๆ ลีลาหวือหวาเต็มที่ แต่พอโตมา ค่อยๆลดทอนลง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป จนกลายเป็นว่า การฟังเพลงที่มินิมอล เล่นกับความเรียบง่าย แต่มีลีลา รู้สึกว่ามันทำได้ยากแต่มีเสน่ห์กว่าด้วยซ้ำ ซึ่งอีกวงหนึ่งที่ทำเพลงแนวมินิมอลออกมาได้อย่างน่าฟังมากๆคือ The XX นั่นเอง

bandet_the_xx_679371a

The XX เริ่มต้นในปี 2008 ขณะที่สมาชิกวงยังอยู่ในโรงเรียนมัธยม Elliot ในอังกฤษ พวกเขาคือ Romy Madley Croft (โรมี่ ร้องนำ กีตาร์) , Oliver Sim (โอลิเวอร์ ร้องนำ เบส) , Baria Qureshi (บาเรีย คีย์บอร์ด กีตาร์) และ Jamie Smith (เจมี่ คีย์บอร์ด โปรแกรมมิ่ง) ซึ่งโรงเรียนพวกเขาคือโรงเรียนเดียวกับที่ผลิต Hot Chip และ Four Tet ซึ่งก็ทำเพลงแนวที่ใกล้เคียงกัน แต่พวกเขาบอกว่า มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอิทธิพลในการทำเพลงของวงเลยแม้แต่น้อย พวกเขาอ้างว่าอิทธิพลแนวเพลงของพวกเขานั้นหลากหลายมาก ตั้งแต่เพลง R&B อย่าง Rihanna หรือ Aaliyah ไปจนถึงตำนานเพลงอินดี้อย่าง The Pixies และ The Cure เพลงของพวกเขา มีจุดเด่นที่การร้องประสานกันของชายหญิง Oliver และ Romy ที่น้ำเสียงเย็นราบเรียบ นิ่มๆ ไม่ได้กรีดร้องพยายามแสดงอะไรนักหนา บวกกับทำนองเพลงอินดี้ที่ราบเรียบแบบไม่ได้แต่งเติมเสริมแต่งอะไรให้รุงรัง แต่ว่าแต่ละตัวโน๊ตกลับเรียบเรียงออกมาได้ดี จนถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเสียจริง

ซึ่งจุดเด่นของพวกเขาสะท้อนออกมาในซิงเกิ้ลแรก Crystalised ที่มาในรูปแบบที่กล่าวไว้ ทำให้เมื่อมันออกวางขายในปี 2009 ก็ส่งให้วงละอ่านอย่าง The XX กลายมาเป็นหนึ่งในวงที่มาแรงที่สุดในตอนนั้น หลายต่อหลายคนเริ่มพูดถึงพวกเขา และพวกเขาก็เข้าสู่อ้อมอกค่าย XL Recordings ค่ายเพลงสุดแนวที่ส่งวงเจ๋งๆหลายวงมาประดับวงการแล้ว

เมื่อพวกเขาออกอัลบั้มเต็มชื่อเดียวกับวงในปี 2009 The XX ก็พิสูจน์ได้ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นวงที่ร้อนแรงเพียงเพราะกระแส แต่พวกเขามาได้เพราะว่าพวกเขาเจ๋งจริง พวกเขาอัดผลงานกันในสตูดิโอโรงรถของ XL ในเวลากลางคืน สมกับบรรยากาศที่สงบเงียบ เบาหวิว และลึกลับราวกับการจ้องไปยังทะเลยามราตรี

The XX แน่นไปด้วยเพลงเด่นๆที่ผสมผสานระหว่างเสียงและช่องว่างได้อย่างลงตัว ซิงเกิ้ลต่อมาอย่าง Basic Space และ Islands ก็ยังคงมาในรูปแบบเดียวกันที่พวกเขาถนัด ดูเหมือนพวกเขาจะหาจุดร่วมที่ลงตัวของแรงบันดาลใจของพวกเขาได้ดี พวกเขาผสมดนตรีอิเล็กโทรนิกส์มินิมอลเข้ากับเพลงอินดี้ได้อย่างลงตัว จนได้เพลงที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนและโดดเด่นเหนือคนอื่น จน The XX กลายเป็นอัลบั้มเปิดตัวสุดแรงที่ส่งพวกเขากลายเป็นดาวดวงใหม่ของวงการอินดี้ไปโดยปริยาย

แต่หลังจากออกอัลบั้มแรก พวกเขาก็แยกทางกันกับ Baria โดยที่ทีแรกบอกว่าเป็นเพราะเธอเหนื่อย แต่กลายเป็นว่า น่าจะเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกันด้านดนตรีมากกว่า เพราะสมาชิกที่เหลือเป็นคนตัดสินใจเอง พูดง่ายๆคือ ไล่กันออกจากวงนั่นแหละ

แม้สมาชิกจะหายไป แต่ความแรงของพวกเขาก็ยังไม่หยุด นอกจากการถูกเชิญไปเล่นตามเทศกาลเก๋ๆแล้ว พวกเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการได้รับรางวัล Mercury Music Prize ในปี 2010 อีกด้วย รวมไปถึงการได้เข้าชิงรางวัล Brit Awards ในหลายสาขา แม้จะไม่ได้รับรางวัลเลย แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวที่น่าประทับใจสำหรับวงหน้าใหม่อายุน้อย

หลังจากประสบความสำเร็จกับวงแล้ว Jamie ยังทำงานเดี่ยวในฐานะรีมิกเซอร์ในชื่อ Jamie XX อีกด้วย และมีงานเพลงรีมิกซ์เด่นๆไม่น้อย แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การร่วมงานกับ Gil Scott Heron ศิลปินและกวีผิวสีผู้ล่วงลับชาวอเมริกัน โดยนำงาน I’m New Here มารีมิกซ์ใหม่ในชื่อ We’re New Here กลายเป็นการร่วมงานข้ามทวีปที่ออกมาได้อย่างลงตัว เขาหยิบเอาเทรนด์เพลงดับสเต็ปและการาจของอังกฤษเข้ามาผสมกับกวีของ Gil ได้เนียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นงานส่งท้ายชีวิตนักดนตรีของเขาก่อนจากไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี

หลังจากที่เก็บเกี่ยวความสำเร็จจากงานชุดแรก พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มชุดใหม่ที่ชื่อ Coexist ซึ่งพวกเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า งานชุดนี้จะโน้มไปทางดนตรีคลับมากขึ้น ซึ่งเราก็ได้แค่คิดว่าจะเป็นเช่นไร แต่พอได้ฟังซิงเกิ้ลแรก Angels ก็พบว่า พวกเขายังคงเน้นไปที่การเล่นกับพื้นที่ว่างกับดนตรีเรียบๆเช่นเคย และความนิ่งที่ก่อให้เกิดความเท่นั้นยังไม่หายไปไหน พอมาซิงเกิ้ลที่สอง Chained จังหวะอีเล็กโทรนิกส์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เห็นอิทธิพลของ Jamie ที่เติบโตขึ้นในฐานะดีเจและกลับมารับโปรดิวซ์งานชุดนี้ ซึ่งเมื่อได้ฟังอัลบั้มเต็ม ก็ดูเหมือนว่าอิทธิพลมินิมอลเทคโนจะโดดเด่นขึ้นมาเหนือเพลงอินดี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะพวกเขาก็ยังคงสามารถรักษาสมดุลที่ทำให้งานเพลงของพวกเขาโดดเด่นเช่นเคย และ Coexist ก็เป็นงานเพลงที่สมกับชื่ออัลบั้ม เพราะมันคือบันทึกของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นการร้างรา และความสัมพันธ์ ไปจนถึงความโดดเดี่ยว ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเพลงเด่นหลายเพลงจริงๆ

Coexist แสดงให้เห็นอีกก้าวของการเติบโตของพวกเขาเป็นอย่างดี และทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเราถึงหลงรัก The XX ตั้งแต่แรก การทำเพลงแบบเนิบๆเน้นที่ว่าง ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะจริงๆแล้ว การตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงการจัดเรียนด้วยการเล่นกับทีว่างนั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าการะประโคมทุกสิ่งลงไปเสียด้วยซ้ำ

No comments: