Monday, April 30, 2012

Goldie Lookin Chain ฮิพฮอพฮาฮา

Technorati Tags: ,

ช่วงหลังๆ เห็นวงฮิพฮอพเอาฮาอย่าง LMFAO ดังเป็นพลุแตกจากเพลงเพี้ยนๆ เอาสาระไม่ได้ กับพฤติกรรมเอาฮาแล้ว ทีแรกผมก็มองว่าทั้งสองคนไม่ได้มีสาระอะไรเลย แต่พอมามองอีกที เออ นะ มันก็เป็นวงเน้นตลก ไม่ได้เน้นดนตรี หรือเอาสาระอะไรนัก ก็เลยไม่ได้ถือสาอะไร ถือฟังและดูเอาตลกซะมากกว่า (แต่จริงๆมุขมันออกจะทื่อแบบตีหัวเข้าบ้านไปหน่อย ไม่ใช่แนวผมครับ) พอมานึกอีกที ก็นึกถึงวงฮิพฮอพเอาฮาจากเวลส์ที่ผมชอบเอามากๆ นั่นก็คือ Goldie Lookin Chain เห็นหายไปนาน เลยไปค้นดูว่าตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ กลายเป็นว่า ยังทำงานเพลงอยู่ แม้จะไม่ได้ดังระดับชาติเหมือนเดิม มาดูกันดีกว่าว่า พวกเขาแสบกันยังไงบ้าง

goldie-lookin-chain

Goldie Lookin Chain เกิดขึ้นจากการนั่งเขี่ยเครื่องแซมเปิ้ลของ P.Xain เล่นไปมา เพื่อนก็มาสมทบกัน ทำเรื่องไร้สาระ และเริ่มทำเพลงเอาฮากันไป โดยสองคนที่ตามมาเพิ่มคือ Eggsy และ Adam Houssein ก่อนที่คนที่เหลืออย่าง 2Hats, Maggot, Billy Webb, Mystikal และ Mike Balls รวมกันเป็นทีม 8 คน พวกเขาเรียกตัวเองว่า Goldie Lookin Chain เพื่อเสียดสีวัฒนธรรมฮิพฮอพที่แต่ละคนชอบโชว์สร้อยทอง แต่ของพวกเขา มันเป็นแค่ สร้อยที่ดูเหมือนทอง เท่านั้นเอง และนั่นก็บ่งบอกถึงแนวทางของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขานั่นเสียดสีแนวทางของเพลงฮิพฮอพได้อย่างเมามัน ทั้งการแต่งตัว ที่ดูเหมือนกับศิลปินฮิพฮอพหลงมาจากยุค ’80 ด้วยเสื้อแทรคสูทราคาถูก สร้อยทองปลอมเส้นโต บางทีก็เสื้อแบบเชยหลงยุค ที่สำคัญ ทั้งหมดเป็นผู้ชายผิวขาวที่เหมือนกับพึ่งหลุดออกมาจากผับราคาถูกในเวลส์ ไม่ได้มีมาดให้เหมือนศิลปินฮิพฮอพเลยแม้แต่น้อย ยิ่ง Mystikal นี่ยิ่งดูเหมือนกับขุนศึกไวกิ้งซะด้วยซ้ำ

Monday, April 23, 2012

Coachella 2012 with Tupac เทคโนโลยีช่วยรียูเนี่ยน

Technorati Tags: ,

ในอเมริกา เทศกาลดนตรีที่คนทั้งหลายรอคอยคงเป็น Coachella Valley Music and Arts Festival แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ในสายตาผม อาจจะเรียกได้ว่าเป็น Glastonbury ของฝั่งลุงแซมก็ว่าได้ เพราะเท่าที่ติดตามข่าวมาหลายปี ศิลปินที่ขึ้นแสดงออกจะอยู่ในกลุ่มที่เรียกได้ว่า ไม่ตลาดจ๋า สามารถเรียกได้ว่า มักจะหาศิลปินที่น่าสนใจขึ้นเวทีเสมอ อย่างของปีนี้ ศิลปินที่ขึ้นเป็นศิลปินหลักในวันที่ 2 ก็เป็นศิลปินที่มาแรงอย่าง The Black Keys ที่ผมเสนอไปไม่นานมานี้ นอกจากนี้ การถ่ายทอดสดผ่านสตรีมทาง Youtube ทำให้แฟนเพลงที่อยู่อีกซีกโลกอย่างพวกเราสามารถชมการแสดงสดๆได้อย่างเพลิดเพลิน เทคโนโลยีกับโลกาภิวัตน์มันก็ดีแบบนี้ล่ะครับ

142964659

และตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นเทศกาลในปี 1999 (เว้นปี 2000 ไปปีนึง) สิ่งหนึ่งที่เป็นที่สนใจในวงการเพลงเสมอคือ การปรากฎตัวของวงที่เคยแยกวงไปแล้ว หรือการรียูเนี่ยน แบบรวมกันเฉพาะกิจนั่นเอง ซึ่งแต่ละปี ก็จะมีเซอไพรซ์ให้เราได้ตื่นเต้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวการกันของตำนานร๊อคอย่าง Faith No More ในปี 2010 โคตรเหง้าพังค์อย่าง Iggy Pop and the Stooges ในปี 2003 หรือเจ้าพ่อแห่งกำแพงเสียงอย่าง My Bloody Valentine ในปี 2009 ซึ่งแต่ละครั้งคนดูก็ได้ฮือฮาเสมอ (ผมเสียดายที่ไม่สามารถรวมการกลับมาของ Death From Above 1979 เมื่อปีที่แล้วเข้าไปด้วยได้ เพราะแม้จะเล่นได้อย่างแซ่บเวอร์แค่ไหน พวกเขากลับมารวมตัวกันอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่แสดงครั้งเดียวจบ)

และในปีนี้ การรียูเนี่ยนที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการเพลงมากที่สุดคือ การปรากฎตัวบนเวที ของแรปเปอร์ในตำนานผู้ล่วงลับอย่าง Tupac ระหว่างการแสดงของ Snoop Dogg และ Dr. Dre ที่จัดว่าเป็นไฮไลต์ของงาน และเซอไพรซ์ครั้งนี้ก็เล่นเบียดเอาข่าวอื่นที่เกี่ยวกับ Coachella ตกขอบไปเลยทีเดียว

แต่ก่อนอื่น สำหรับแฟนเพลงรุ่นใหม่ คงต้องขออธิบายก่อนว่า Tupac คือใคร Tupac หรือชื่อเต็มคือ Tupac Amaru Shakur คือแรปเปอร์ที่เกิดในนิวยอร์ก แต่ไปสร้างชื่อที่ฝั่งอีสต์โคสต์ทางแคลิฟอร์เนียแทน ซึ่งตลอดช่วงเวลาสั้นๆ6ปีในวงการเพลงของเขา เขาได้สร้างเพลงฮิตและผลงานมากมายที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินฮิพฮอพรุ่นหลัง และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการเพลงฮิพฮอพไป โดยร่วมงานกับโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง Dr. Dre และเพื่อนอย่าง Snoop Dogg และนอกจากวงการเพลงแล้ว เขายังแสดงภาพยนต์อีกด้วย

แต่ถึงแม้เขาจะมีเพลงที่โดดเด่นประดับวงการเพลงไว้มากแค่ไหน (ทุกวันนี้ผมก็ยังมันกับเพลง California Love ของเขาได้เสมอ) แต่เขาก็ร่วมสร้างวัฒนธรรมแกงสเตอร์ในวงการเพลงไว้อย่างที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงโลกของฮิพฮอพได้เลย ยุค 90 กลายเป็นยุคทองของเหล่าศิลปินฮิพฮอพที่เราแทบจะแยกไม่ออกว่าพวกเขาคือศิลปินหรืออันธพาลกันแน่

และ Tupac ก็เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างแรปเปอร์ฝั่งอีสต์โคสต์และเวสต์โคสต์ พวกเขาสร้างเอกลักษณ์การใช้ความรุนแรงอย่างชัดเจนและมีการปะทะกันอยู่เรื่อยๆ ไม่นับการโต้เถียงกันผ่านสื่ออีกนับไม่ถ้วน เรียกง่ายๆว่า ความดุเดือดในยุคนั้น เมื่อเอาศิลปินฮิพฮอพยุคนี้ไปเทียบ ศิลปินยุคนี้คงเป็นเหมือนแค่เด็กเกรียนเท่านั้นเอง

และคู่กรณีที่วิวาทกับเขามาตลอดคือ Notorious B.I.G. เจ้าพ่อฝั่งตะวันออก (ก่อน Jay-Z เสียอีก) และความขัดแย้งมันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีการข่มขู่จะเอาชีวิตกันเลยทีเดียว และในปี 1996 หลังจากชมการแข่งขันชกมวยในลาสเวกัสจบลง รถของเขาที่นั่งไปกับเพื่อนศิลปิน Suge Knights ก็ถูกกระหน่ำยิง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะการวิวาทของทีมงานของเขากับแก๊งท้องถิ่น แต่บางกระแสก็ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ Notorious B.I.G. ด้วยก็ได้ แม้จะโดนกระสุนไปหลายนัด แต่เขาก็ไม่เสียชีวิตในทันที แต่ไปเสียชีวิตจากอาการเลือดตกในหลังจากรับการรักษาในโรงพยาบาลได้หลายวัน กลายเป็นตำนานไร้ชีวิตของชาวฮิพฮอพไปในปี 1996 ทิ้งผลงานไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นหลังได้ศึกษา

และในระหว่างการแสดงของ Dr. Dre และ Snoop Dogg ใน Coachella ปีนี้ เมื่อไฟมืดลง ร่างของ Tupac ก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาบนเวทีท่ามกลางเสียงฮือฮาของแฟนเพลง เขาก็ทักทายทั้งเพื่อนและแฟนเพลง เล่นเอาเฮกันทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มแร๊พในเพลง Hail Mary และ Gansta Party ร่วมกับ Snoop Dogg อย่างเมามันราวกับมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะมีแสงวาบและหายตัวไปพร้อมกับแสงนั้น

tupac-snoop-dogg-coachella

แต่เพียงเท่านั้น ก็เป็นการแสดงที่เล่นเอาพาดหัวข่าวไปทั้งหมด ถึงขนาดที่ศิลปินคนอื่นอย่าง Patrick Carney จาก The Black Keys ยังแอบแซวว่า จอห์น ฟอกเกอร์ตี้ ที่มาร่วมแสดงน่ะ เป็นตัวจริงนะ ไม่ใช่โฮโลแกรม

แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว Tupac ที่เราได้เห็นบนเวที ไม่ใช่โฮโลแกรมครับ ไม่เหมือนกันที่น้องฟิล์มบ้านเราเคยจัดแสดงโดยใช้โฮโลแกรมฉายไปบนควัน แต่เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Pepper’s Ghost ซึ่งเก่าแก่ไม่น้อย เป็นการฉายภาพลงไปบนพื้นผิวสะท้อน และ ให้ภาพสะท้อนขึ้นมาบนฉากรับกึ่งโปร่งแสง ซึ่งปัจจุบันใช้ Mylar ทำมุมเอียง 45 องศา จึงได้ภาพเหมือนจริง กึ่งโปร่งแสง และศิลปินคนอื่นก็สามารถเข้าใกล้ได้ แม้จะไม่ใช่ของใหม่ และศิลปินดิจิตอลอย่าง Hatsune Miku ก็เคยใช้เทคนิคนี้แสดงคอนเสิร์ตมาแล้ว แต่ต้องยอมรับว่างานนี้ ทำออกมาได้เนี้ยบมากๆ และแม้จะแสดงแค่สั้นราว 5 นาที แต่พวกเขาก็ต้องใช้เงินไปถึง 400,000 เหรียญเลยทีเดียว แต่ก็ทำออกมาได้สมใจแฟนเพลงครับ

จริงๆแล้ว งาน Coachella ปีนี้ มีการแสดงดีๆไม่น้อย และการรียูเนี่ยนของวงในตำนานอย่าง At The Drive-In ที่ออกงานเทพชุดเดียวแล้วแยกวง หรือ ตำนานของ Brit Pop อย่าง Pulp ก็น่าสนใจไม่น้อย แต่ทั้งหมด ก็โดนเทคโนโลยี ที่นำเอา Tupac กลับมาจากความตาย กลบข่าวซะเงียบหมดเลยครับ

Monday, April 16, 2012

กัมพูชา ในวันที่เปลี่ยนไป

Technorati Tags: ,
จั่วหัวแบบนี้ แน่นอนครับว่า ครั้งนี้ นอกเรื่องอีกแล้ว เรื่องของเรื่องคือ เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้ไปที่กัมพูชาเพื่อถ่ายทำรายการ ASEAN Journey ซึ่งจะแนะนำประเทศต่างๆในอาเซียน โดยจะออกอากาศเวลา 21.00 น. ทางช่อง NBT ทุกวันอาทิตย์ครับ เมื่อวานออกเทปแรกที่ถ่ายที่ลาวไปแล้ว (พื้นที่โฆษณา) และก็ไปกัมพูชาเพื่อถ่ายทำรายการ เลยอยากเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ
P1020490-1
ผมไปกัมพูชาครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน โดยไปแต่ที่เสียมราฐ เพื่อไปดูนครวัดเท่านั้น ครั้งนี้ เลยเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นเมืองหลวงอย่างพนมเปญและเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สีหนุวิลล์ เล่นเอาตื่นเต้นก่อนเดินทางไม่น้อยครับ สายการบินบางกอกแอร์พาเราเดินทางจากกรุงเทพถึงสนามบินพนมเปญในเวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ พอเดินในสนามบิน ก็จัดว่าไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ออกแบบได้น่าสนครับ ทำแบบโล่งๆแบบบ้านทางเอเชีย ทำให้รู้สึกเย็นสบาย และออกเดินทางจากสนามบินมานานก็ถึงตัวเมืองโดยใช้ถนนที่น่าจะดีที่สุดแล้ว เนื่องจากเป็นถนนตรงจากสนามบินสู่ทำเนียบรัฐบาลและสำนักนายกฯเลย ซึ่งอาคารทั้งสองใหม่และออกแบบได้โดดเด่นน่าตื่นตามากครับ ยิ่งพึ่งเสร็จงานประชุม ASEAN หมาดๆ จึงยังเหลือการตกแต่งต่างๆอยู่

Monday, April 9, 2012

The Maccabees ก้าวผ่านงานชุดที่สาม

Technorati Tags: ,

ในวงการเพลง การทำอัลบั้มที่ 3 ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นอัลบั้มที่ทำยากที่สุด เพราะโดยมากแล้ว อัลบั้มแรก มักจะแสดงถึงความสดใหม่ งานชุดที่สอง คือการแสดงการเติบโตขึ้นมา แต่งานชุดที่สาม เป็นคำถามหนักมากว่าจะเอาอะไรมาขายคนฟัง ซึ่งหลายวงก็ล้มหายตายจากไปก่อนที่จะได้ออกงานชุดที่สามเสียด้วยซ้ำ หลายวงก็ประคองตัวมาได้ บางวงก็กลายเป็นเทพด้วยงานชุดที่สาม (ตัวอย่างเช่น Radiohead กับ OK Computer) โดยเฉพาะสำหรับวงอินดี้ที่มาง่ายไปง่าย การผ่านงานชุดที่สามได้ถือเป็นหลักชัยที่ดี และอีกวงหนึ่งที่ผ่านมันมาได้อย่างงดงามคือ The Maccabees

themaccabees

The Maccabees เริ่มต้นด้วยการร่วมแจมกันของเพื่อนร่วมโรงเรียนในลอนดอนใต้ Orlando Weeks (ออแลนโด ร้องนำ) และ Robert Dylan Thomas (โรเบิร์ต กลอง) แม้พวกเขาจะแต่งเพลงกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นจริงเป็นจังนัก จนเมื่อได้ Hugo White (ฮิวโก กีตาร์) มาร่วมวง จึงค่อยเริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกัน และได้ตัว Felix White (เฟลิกซ์ กีตาร์) น้องของฮิวโกมาร่วมวงพร้อมกับ Rupert Jarvis (รูเพิร์ต เบส) จึงเป็นการเริ่มค้นงานอย่างจริงจัง

Monday, April 2, 2012

Earth Wind & Fire: Live in Bangkok

Technorati Tags: ,

คอนเสิร์ตดีๆ บางทีก็มาแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน เผลอๆ ก็มีวงระดับโลกมาแสดงให้เราได้ชม นั่นก็คือ Earth Wind & Fire วงระดับตำนาน ที่ผมไม่อยากระบุว่าเล่นเพลงแนวอะไร เพราะเพลงของพวกเขาผสมผสานแนวเพลงหลากหลายเหลือเกิน ทั้ง R&B แจ็ซ ดิสโก ฟังค์ จนการระบุว่าพวกเขาเล่นเพลงแนวอะไรไปเลยอาจจะเป็นการเสียมารยาทกับเจตนารมณ์ของวงที่ต้องการก้าวข้ามผ่านเส้นกันของแนวเพลงให้ได้

DSC_0257

ส่วนตัวผมเอง คงเรียกตัวว่าเป็นแฟนเพลงของ EWF ไม่ได้ เพราะไม่ได้ฟังแบบเจาะลึกมากนัก แต่ก็ฟังเพลงของวงมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะตอนนั้นกระเสเพลงเฮาส์มาแรง และเพลง September ของวงก็จัดว่าเป็นเพลงที่ถูกนำมารีมิกซ์กลายเป็นเพลงฮิตอีกรอบ ยิ่งพอได้ฟังเพลงของวง ทำให้ทึ่งกับความสามารถแบบครบเครื่องและลูกเล่นที่แพรวพราวของพวกเขา กับเสียงร้องแบบไร้เทียมทานของ Philip Bailey ที่เป็นเจ้าของเสียงหลบที่สูงแต่ช่างน่าหลงไหล นอกจากเพลงดังอย่าง Boogie Wonderland กับ Let’s Groove แล้ว เพลงที่ผมคิดว่าสมบูรณ์แบบอย่างไร้เทียมทานที่สุดของพวกเขาคือ Fantasy ที่เรียบเรียงออกมาได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ

Sunday, April 1, 2012

Life with Bicycle ชิวีตกับสองล้อแรงขา

Technorati Tags:

ช่วงที่ผ่านมา ผมติดการ์ตูนเรื่องนึงเอามากๆ คือ โอตาคุน่องเหล็ก ที่เพื่อนในสำนักพิมพ์แนะนำให้อ่านตลอด แต่ผมก็เบะปากใส่ เพราะติดว่า ไม่มีการ์ตูนจักรยานเรื่องไหนจะสู้เรื่อง สิงห์นักปั่น ไปได้ เพราะว่าเรื่องนั้นอ่านทีไร ก็ประทับใจ และเล่นเอาเหนื่อยทุกครั้ง

IMG_003

แต่พอเริ่มคิดจะกลับมาปั่นจักรยานอีกครั้ง เลยลองไปหาเรื่อง โอตาคุน่องเหล็ก มาอ่านเพื่อปลุกแรงใจตัวเองหน่อย กลายเป็นว่า สนุกกว่าที่คิดแถมมีทริคเล็กทริคน้อย แนะนำคนปั่นจักรยานได้เป็นอย่างดี กลายเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ติดงอมแงมเลย และทำให้ได้รู้ว้า ความสุขของการปั่นจักรยานมันอยู่คู่ตัวผมมาตลอดจริงๆ