นั่งตบยุงไปมา พึ่งรู้สึกตัวว่าจะอายุสามสิบในอีกแค่ไม่กี่วันแล้ว ทำให้นั่งย้อนอดีตได้เพลินๆ จนนึกถึงหลายวงว่าที่เคยตาม ก็มีทั้งล้มหายตายจากไป ขนาด OASIS ยังแตกวง Blur กลับมารวมตัวกัน บางวงก็อยู่ทนทานนานปี ผ่านยุครุ่งเรืองของ Brit Pop แล้ว ก็ยังทำเพลงขายได้เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร และวงหนึ่งที่โคตรทนทานนานปี ก็คือ Super Furry Animals จากประเทศเวลส์นั่นเอง
Super Furry Animals เกิดขึ้นในเวลส์ช่วงต้นยุค 90’ จากการรวมตัวกันของนักดนตรีเทคโน ซึ่งสมาชิกคือ Gruff Rhys (ร้องนำ กีตาร์) Huw Bunford (กีตาร์) Guto Pryce (เบส) Cian Ciaran (อุปกรณ์อีเลกโทรนิกส์ทั้งหลาย) และ Dafydd Ieuan (กลอง) ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมไม่ใส่คำอ่านไทย เพราะผมอ่านชื่อคนเวลส์ไม่ออกครับ พวกเขาเริ่มเขียนเพลงของตัวเอง พวกเขาตั้งชื่อวงว่า Super Furry Animals ตามเสื้อยืดทำมือของพี่สาวของ Gruff พวกเขากลายเป็นหนึ่งในความหวังของวงร๊อคจากเวลส์ตาม Manic Street Preachers, Catatonia และวงที่แนวคล้ายๆกันอย่าง Gorky’s Zygotic Myci พวกเขาไปแสดงที่อังกฤษและไปเข้าตาของ Alan McGee บอสของค่ายอินดี้โคตรเท่ห์อย่าง Creation ที่ตอนนั้นกะลังดังกับ OASIS
พวกเขาเริ่มออกซิงเกิ้ลกับค่าย Creation โดยเพลงแรกคือ Hometown Unicorn เพลงป๊อปหลอนๆก็เริ่มทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก เพลงต่อมา God! Show Me Magic เพลงป๊อปร๊อคเปรี้ยวๆ แหวกๆกับ MV เพี้ยนๆแกล้งเชย ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักมาถึงเมืองไทย และพวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มแรก Fuzzy Logic ในปี 1996 ที่เป็นการผสมผสานดนตรีป๊อป ร๊อค โฟลค์ เทคโน กับบรรยากาศหลุดโลกเข้าด้วยกัน จนพวกเขาโดดเด่นออกมาจากวงรุ่นเดียวกันมาก ทั้งอัลบั้มเต็มไปด้วยเพลงเจ๋งๆ ที่มาพร้อมหมัดเด็ดอย่างท่อนฮุคติดหู ซิงเกิ้ลอย่าง Something 4 the Weekend ก็แสนสนุก และ If You Don’t Want Me to Destroy You ก็งามแบบเหงาๆ ส่วน Mario Man ก็ทำให้นึกถึง Blur ได้เลย ที่ผมชอบมากคือ เพลงสุดท้าย For Now and Ever ที่ออกอลังการซักหน่อย จากอัลบั้มนี้ ทำให้พวกเขาดังในวงการเพลงขึ้นมาทันที
SFA ยังสร้างตำนานต่อด้วยการออกซิงเกิ้ล The Man Don’t Give A Fuck ที่มีคำว่า fuck ห้าสิบครั้ง จนแทบเป็นตำนาน รวมทั้งปกรูปนักบอลชูสองนิ้วแบบกลับหลัง (ไปถามเพื่อนอังกฤษเองว่าแปลว่าอะไร) แม้จะโดนแบน แต่มันก็กลายเป็นเพลงคลาสสิกในหมู่แฟนๆทันที
พวกเขาออกอัลบั้มที่สอง Radiator ในปีถัดมา ถึงแม้มันจะมีเพลงสนุกๆอย่าง The International Language of Screamingแต่ต้นสังกัดในไทยก็ตัดสินใจไม่ทำเทป อดไปครับ ทั้งๆที่มันได้รับคำชมมากกว่า Fuzzy Logic ซะอีก
และเหตุการณ์เดียวกันก็เกิดกับ Guerilla อัลบั้มถัดมาในปี 1999 ที่ทำให้พวกเขาดังไปทั่วเกาะอังกฤษ เพราะเพลงเด่นๆอย่าง Do or Die และ Northern Lites รวมถึงเพลงช้าอย่าง Fire In My Heart แต่บ้านเราก็ไม่มีขายครับ (ฟองสบู่แตกไปแล้ว) แน่นอนว่ารวมไปถึงอัลบั้ม MWNG อัลบั้มภาษาเวลส์ (ฟังรู้เรื่องยังไม่ขาย ใครจะขายที่ฟังไม่รู้เรื่องวะ)
จนอัลบั้มที่ 4 Rings Around The World ที่ก็เกือบจะประสบชะตากรรมเดียวกัน แต่โชคดีที่ดีเจไทยไปติดใจเพลง Juxtaposed With U เลยเอามาเปิดบ่อยๆ ตนกลายเป็นเพลงดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ขนาดคนที่ไม่เคยรู้จักวงนี้ ก็ยังมาฟัง เพราะมันคือเพลงเบาๆที่ฮิตกันในช่วงนั้นพอดี SFA เลยได้ขายในไทยอีกทีครับ
พวกเขาออกอัลบั้ม Phantom Power ที่เป็นงานแนวทดลองออกมา ตามด้วย Love Craft ที่สุขุมขึ้น ก่อนจะย้ายไปค่าย Rough Trade และออกอัลบั้ม Hey Venus! ที่ได้รับทั้งเงินและคำชมเป็นอย่างมาก
จนปีนี้ พวกเขาก็ได้มาออกอัลบั้มที่ 9 Dark Days/Light Years ที่ได้รับคำชมอย่างมากเช่นเคย มันเป็นอัลบั้มที่ให้ความสำคัญกับจังหวะมาก รวมไปถึงจังหวะแปลกๆ หลุดโลก และแทบไม่มีเพลงช้าเลย Crazy Naked Girl ก็เหมือน Motown ในแบบของพวกเขา Moped Eyes ก็ออกกลิ่นฟังกี้นิดๆ The Very Best Of Neil Diamond และ Inaugural Trams ก็ชวนโยกตามเหลือเกิน สำหรับคนที่ต้องการเพลงแบบ JWU ก็ลอง Helium Hearts ที่แม้จะเร็วกว่าหน่อย แต่ก็มีกลิ่นคล้ายกันมากเหลือเกิน ในขณะที่ White Socks / Flip Flops และ Where Do You Wanna Go? ก็เป็นเพลงออกเซิร์ฟๆ ชวนเราวิ่งไปตามชายหาดเหลือเกิน Cardiff In The Sun ก็หลอนได้ใจ ส่วน Inconvenience ก็เป็นเพลงร๊อคมันๆ สรุปง่ายๆว่า Dark Days/Light Years คืองานที่ทำให้เรารู้ว่าขอบเขตของพวกเขานั้นช่างกว้างไกลเหลือเกิน
หายากครับ วงที่อยู่ในวงการมานานแล้วยังคงความสดขนาดนี้ แถมได้ความเก๋าเข้ามาเพิ่ม เรียกง่ายๆว่า คงฉุดไม่อยู่ล่ะครับ ขอแนะนำให้ลองไปหามาฟังกันเถอะครับ เพราะ Platinum เอามาขายแล้วเด้อ
No comments:
Post a Comment