นับตั้งแต่ผมเริ่มฟังเพลงมา นับวัน ผมยิ่งรู้สึกว่า เส้นแบ่งระหว่างแนวดนตรียิ่งบางลงเรื่อยๆ ไม่ต่างกับผ้าอนามัย บางที ผมฟังแล้ว ไม่รู้จะบอกว่ามันคือแนวอะไรกันแน่ ยิ่งแนวดนตรีหลังๆนี่ แทบจะเหมือนกับการจับนู่นผสมนี่ จนได้ลูกผสมที่ยิ่งชวนงงเข้าไปใหญ่ ว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่เขียนไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบนะครับ ถ้ามันผสมลงตัวกันนี่ ผมไม่เคยปฏิเสธหรอกครับ อย่างวงที่จะแนะนำในวันนี้ คือวงที่ผสมดนตรีสองแนวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ แต่พวกเขากลับทำออกมาได้อย่างลงตัวสุดๆ พวกเขาคือ Enter Shikari
Enter Shikari คือการรวมตัวกันของเด็กหนุ่ม 4 คนจาก St. Albans ประเทศอังกฤษ นั่นคือ Rou Reynolds (รูว์ ร้องนำ ซินธ์) Liam Clewlow (เลียม กีตาร์) Chris Batten (คริส เบส) และ Rob Rolfe (ร๊อบ กลอง) ในช่วงปี 2003 หลังจากบ่มฝีมือมานานสองปี พวกพวกก็เขาเริ่มต้นด้วยการออกซิงเกิ้ลแบบดาวน์โหลดชิ้นแรก นั่นคือ Mothership กลายเป็นซิงเกิ้ลประจำสัปดาห์ของ iTunes ทันที คงเป็นเพราะความแปลกใหม่ของมัน ที่เป็นการผสมดนตรี Post-Hardcore หนักหน่วง เข้ากับ เสียงซินธ์แบบดนตรีเรฟ เรียกได้ว่าเป็นสองขั้วที่เอามาผสมกันได้ยากเหลือเกิน แต่ว่าพวกเขากลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาได้รับการจับตามองในทันที
ถ้า Mothership เจ๋งแล้ว การเอาเพลง Sorry You’re Not a Winner และ OK, It’s Time For Plan B กลับมาออกเป็นCDซิงเกิ้ลอีกครั้งยิ่งโคตรเจ๋งครับ เพราะมันคือDouble A Sides ที่ยอดเยี่ยมแบบหาที่ติแทบไม่ได้ ทั้ง Sorry (ขอย่อ) ที่เริ่มต้นด้วยเสียงซินธ์ ก่อนที่จะเริ่มสับอย่างไม่ยั้งตามแบบฮาร์ดคอร์ และยังมีท่อนฮุคที่พร้อมให้แฟนร้องตามได้อย่างสะใจจริงๆครับ (ก็ชื่อเพลงแหละครับ) พอกลับมาช่วงพักระหว่างเพลง เสียงซินธ์มันก็กลับมาอีกครั้ง จนท้ายเพลงที่สับสองกระเดื่องอย่างเมามัน ค่อยเติมเสียงซินธ์หลอนๆเข้าไป เรียกได้ความครบเครื่องจริงๆ
ส่วนเพื่อนร่วมแผ่นของมันอย่าง OK ก็สะใจไม่น้อยหน้าเลยครับ เพราะแค่เริ่มเพลงมากับเสียงสำรอกอ่อนๆของรูว์ สับกระเดื่องคู่ และเสียงซินธ์ ก็ทำให้เราได้พบกับการร่วมรักระหว่างดนตรีสองประเภทที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาร่วมเตียงกันได้ แต่มันกลับลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆครับ พอเข้าช่วงกลางเพลงที่เป็นเพลงฮาร์ดคอร์หนักๆ แต่กลับมีเสียงซินธ์ตามมาประกบ มันช่างวิเศษอย่างน่าประหลาดใจจริงๆครับ Double A Sides คู่นี้คือหนึ่งในการประสานงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆครับ และมันทำให้พวกเขาชื่อหอมหวนขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแค่นิตยสารต่างๆจะเริ่มมาทำสกู๊ปสารพัด ค่ายเพลงต่างๆก็ตามล่าลายเซ็นของพวกเขาอย่างๆไม่เหน็ดเหนื่อยเลย แต่ระหว่างที่ยังไม่มีสังกัด พวกเขาก็สร้างตำนานการเป็นวงดนตรีวงที่สองที่ขายบัตรแสดงสดที่เวทีชื่อดังอย่าง Astoria ได้หมดทั้งๆที่ยังไม่มีสังกัด (วงแรกคือ The Darkness) ครับ ยิ่งทำให้ลายเซ็นในสัญญาของพวกเขามีค่าหัวสูงขึ้นอีก แต่พวกเขาก็เลือกหักอกค่ายเพลงทุกค่าย ด้วยการตั้งค่ายเพลง Ambush Reality ของตัวเองขึ้นมา เพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองจากการเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ไป (แล้วก็รับเงินเต็มๆด้วย)
ปี 2007 ดูเหมือนจะเป็นปีทองของพวกเขา หลังจากออกซิงเกิ้ลที่สี่ พวกเขาก็ออกอัลบั้มแรก Take to The Skies ที่ได้รับคำชมจากทั่วทุกทิศ เพราะนอกจากซิงเกิ้ลแล้ว มันนยังมีเพลงเด่นๆอย่าง Johnny Sniper ที่เต็มไปด้วยเสียงซินธ์สวยๆ และที่สะใจที่สุดคือ Return to Energizer ที่ขึ้นต้นมาด้วยการสับแหลกอย่างไม่บันยะบันยังตามแบบของScreamo จริงๆ และเพราะความยอดเยี่ยมของมัน ทำให้พวกเขาคว้ารางวัลสารพัดรางวัล และได้รับการยกย่องจากสื่อเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้แล้ว พวกเขาไม่ใช่วงที่ขี้เกียจเลย หลังจากการออกทัวร์อย่างหนักหน่วง พวกเขาก็ถือฤกษ์ปี 2009 ออกผลงานใหม่ที่ชื่อ Common Dreads ที่ถ้าเทียบกับอัลบั้มก่อนที่มีการแยกสัดส่วนระหว่างเพลงร๊อคกับเพลงเต้นรำแล้ว อัลบั้มนี้คือการขยำดนตรีทั้งสองแนวเข้ากันแบบไม่ให้แยกออกเลย ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวอย่าง Juggernauts ที่เหมือนจับ Paul Van Dyk มาหัดเล่นเพลงฮาร์ดคอร์ หรือเพลง Zzzonked ที่โคตรหนักและหลอน จนเหมือนกับการถีบเราหลุดเข้าไปในโลกของเกมคอมพิวเตอร์แบบยิงแหลกเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ Hectic สับแบบไม่ยั้งเช่นกัน Common Dreads คือการใส่ทุกอย่างเข้าไปแบบไม่ยั้งจนกลายเป็นยำใหญ่จานอร่อยเต็มสตรีมเลยทีเดียว
ถ้าอยากลองฟังเพลงที่ผสมกันได้อย่างลงตัว และสะใจเต็มสูบ ลองไปหามาฟังได้เลยครับ รับรองว่า Enter Shikari ถูกใจคุณแน่ๆ
No comments:
Post a Comment