ช่วงที่ผ่านๆมา ด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างในชีวิต ทำให้ผมงัดเอาอัลบั้ม Never Mind The Bollocks ของ The Sex Pistols มาฟังด้วยความคิดถึง เนื่องจาก เหตุแรกคือ การ์ตูนเรื่องล่าสุดที่ผมพึ่งแปลจบไป มันเกี่ยวกับพังค์แบบเต็มๆ และแหกปากร้องเพลงของ The Sex Pistols ตลอด ทำให้ผมต้องนั่งแปลเนื้อเพลงด้วย อีกเหตุคือ สถานการณ์บ้านเมืองเราตอนนี้ มันเข้าข่ายอนาธิปไตยจริงๆ ต่างฝ่ายต่างราวีกันแบบไม่ยั้งมือ จนนึกถึงความปั่นป่วนในเพลงๆนี้ขึ้นมาตะหงิดๆ โดยส่วนตัว ผมสนับสนุนเรื่องการแสดงออกซึ่งความคิดทางการเมืองบนสันติวิธี ขอเพียงไม่ไปก่อความเสียหายให้กับใครเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าเศร้าเกินกว่าที่ผมจะสรุปออกมาได้
แต่เหตุสุดท้ายนั้นมาแบบไม่คาดถึง Twitter ของผมรายงานขึ้นมาว่า Malcolm McLaren จากโลกไปแล้วด้วยอายุ 64 ปี นั่นทำให้ผมตกใจเป็นอย่างมาก สำหรับหลายๆคนในบ้านเราคงจะงงว่า ใครวะ แต่สำหรับคนที่ชอบดนตรีแล้ว นี่คือการสูญเสียอัจฉริยะอีกคนหนึ่งแห่งวงการเพลงไปจริงๆ เพราะหากไม่มีเขาแล้ว วงการเพลงอาจจะไม่มีเพลงพังค์ บทเพลงแห่งขบถ ที่เป็นรากฐานให้กับวงดนตรีอีกหลายต่อหลายวงในยุคต่อมาจริงๆ
จะถามว่า เขามีอิทธิพลถึงขนาดนั้นจริงหรือ ก็คงต้องมาดูกันว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้าง หลังจากออกจามหาวิทยาลัย เขาก็กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตวิญญาณนักปฏิวัติที่ถึงขนาดจะนั่งรถไฟไปที่ปารีสเพื่อร่วมขบวนประท้วงเลยทีเดียว แม้จะไม่สำเร็จ แต่จิตวิญญาณการประท้วงก็ฝังอยู่ในตัวของเขาแล้ว
ต่อมาเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้านในลอนดอนกับ Vivienne Westwood แฟนสาวของเขาซึ่งจะกลายมาเป็นดีไซเนอร์ระดับโลกในภายหลัง แต่เขาก็เบื่อที่ร้านทำตลาดกับเด็กแนว Teddy Boy เป็นหลัก เขาไปร่วมงานเสื้อผ้าในนิวยอร์กและได้พบกับ The New York Dolls ซึ่งต่อมาเขาได้กลายเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าและแนวทางตกแต่งเวทีให้กับทางวง
ถึงตอนนี้ บางคนยังงงว่า The New York Dolls คือใคร เขาคือวงหัวก้าวหน้าที่เริ่มต้นดัดแปลงเพลงร๊อคให้ออกมาแตกต่าง และจะเรียกว่าเป็นอีกรากของวงพังค์ก็ได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้โด่งดังมากนัก แต่พวกเขาก็ส่งอิทธพลให้กับวงรุ่นหลังเยอะจริงๆ เครื่องแต่งกายที่ McLaren ออกแบบให้คือ ชุดหนังและแฟชั่นแบบกะหรี่ราคาถูก ที่ต่อมาวงอย่าง Manic Street Preachers ยังขอลอกเลียนมาใช้ และการที่ McLaren ดึงเอาเครื่องหมาย ค้อนและเคียว มาประกอบเวที ทำให้เห็นชัดถึงการต้องการสร้างข้อถกเถียงของเขาจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ New York Dolls มีอายุไม่ยาวนานนัก
เขากลับมาอังกฤษ และยังทำเรื่องแสบสันต์อีกด้วยการเปิดร้านชื่อ Sex ขายอุปกรณ์ทารุณกรรมทางเพศ และเริ่มจัดการวง The Strand ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นวง The Sex Pistols ที่โด่งดังนั่นเอง
จะว่าไป หากไม่มีมันสมองของเขาแล้ว the Sex Pistols คงไม่มีทางจุติ หรือโด่งดังได้ขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่า เขาเป็นคนที่จัดการเกี่ยวกับวงทั้งหมดนั่นเอง ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาเป็นคนจับสมาชิกของวงมาขยำกัน ไล่คนที่ไม่ต้องการออก กระทั่งไปเจอ John Lydon ที่เดินทำหัวเขียวตั้ง ใส่เสื้อด่าวง Pink Floyd เขาก็จับมาเปลี่ยนชื่อเป็น Johnny Rotten และเปลี่ยนชื่อวงเป็น The Sex Pistols ให้เป็นที่ถกเถียงกันอีก
หลังจากจัดการสารพัดอย่าง และ the Sex Pistols เป็นที่รู้จักหลังจากไปสบถในรายการสดทางทีวี พวกเขาก็ดังไปทั่ว ต่อมา Glen Matlock มือเบสของวงก็ออกจากวงไป ว่ากันว่าเป็นเพราะว่าเขาไม่เหมาะกับอิมเมจของวง เป็น McLaren อีกนั่นแล ที่ดึงเอาแฟนเพลงของวงและเพื่อนของ Rotten อย่าง Sid Vicious ที่เล่นเบสไม่เป็นมาเล่นเบสแทน เพราะว่าSid ซัดนักข่าวของ NME ด้วยโซ่มอเตอร์ไซค์ และ Sid Vicious ก็กลายเป็นไอดอลของพังค์และภาพต่างๆของเขาก็ยังขายดีจนถึงทุกวันนี้ พวกเขายังสร้างความแสบด้วยการเหมาเรือแล้วไปเล่นสดในแม่น้ำเธมส์ฝั่งตรงข้ามรัฐสภาอังกฤษ จนโดนจับและเป็นที่โจษจันอีกครั้ง และยังคงสร้างความโจษจันต่างๆนาๆจนกว่าพวกเขาจะแตกวงไป
หากไม่มี McLaren แล้ว Punk คงไม่ได้ลืมตาอ้าปากขนาดนี้ แม้เขาจะจัดการ The Sex Pistols จนเหมือนกับผู้จัดการวงป๊อปที่ทำทุกอย่างแทนวง แต่ก็ต้องยอมรับความอัจฉริยะของเขาจริงๆ แม้จะมี The Stooges ที่ทำเพลงแนวนี้มาก่อน แต่ก็ต้องยกให้เขาที่นำความสำเร็จในวงกว้างมาให้กับดนตรีพังค์จริงๆ
หลังจากนั้น Malcolm McLaren ก็กลายเป็นศิลปินเดี่ยว ออกผลงานของตวเอง และปรากฎตัวตามงานต่างๆ รวมถึงรายการรีลลิตี้อีกด้วย เขายังเป็นที่สนใจของสังคมอยู่เรื่อยๆ ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมาด้วยวัย 64 ปี ปิดตำนานผู้นำเอาดนตรีพังค์มาให้โลกได้รู้จัก
ปล. ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกรายในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ขอให้ได้พักผ่อนอย่างสงบ
No comments:
Post a Comment