ผมคงต้องขอคั่นการจัดอันดับอัลบั้มยอดเยี่ยมของผมเอาไว้ก่อน เนื่องจากอยากจะรีบเอาบรรยากาศการแสดงสดของวงกรีนเดย์ในเมืองไทยมาเล่าสู่กันฟังเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะว่ามันทั้งสนุกทั้งยิ่งใหญ่จริงๆครับ และเป็นการชดเชยอดีตที่ผมไม่ได้มาดูกรีนเดย์ตอนที่มากรุงเทพครั้งแรกอีกด้วยครับ
โดยส่วนตัวผมค่อนข้างจะตื่นเต้นกับงานนี้มาก เพราะนอกจากเป็นวงที่อยากดูเอามากๆแล้ว ทาง BEC TERO ยังอุตส่าห์ใจดี ให้ตั๋วแถวหน้าเลยทีเดียว และที่สำคัญคือ ผมได้ยินมานานแล้วว่าพวกเขาเป็นวงที่เล่นเอนเตอร์เทนคนดูได้อย่างยอดเยี่ยมจริง แบบนี้ใครจะทนไหวล่ะครับ ยิ่งได้ไปงานแถลงข่าวเจอสมาชิกวงแบบหายใจรดต้นคอแล้วผมยิ่งตื่นเต้นเกินห้ามใจ
ในวันงาน ผมพยายามรีบไปเต็มที่เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศ ก็มีวงดนตรีไทยเล่นวอร์มอัพคนดูอยู่ด้านนอก สงสัยเป็นเพราะว่าครั้งที่แล้วมีการปาร้องเท้าใส่วงไทย เลยเอาวงไทยมาเล่นด้านนอกแทน พอชาร์จแบตเรียบร้อย ก็เข้าไปดูวงเปิดที่ชื่อ Prima Donna ก่อน ผมรู้จักเกี่ยวกับวงนี้น้อยมาก แต่ก็อยากดูไว้ก่อน พอเข้าไปดู ทำให้ผมนึกถึงวง Glitterati ขึ้นมาทันที เพราะแม้แนวเพลงจะไม่เหมือนกันมากนัก แต่พวกเขาเน้นที่ความโฉบเฉี่ยว เอาใจสาวๆเหมือนกัน ยิ่งตอนที่นักร้องนำถอดเสื้ออก สาวๆกรี้ดไปหลายคนครับ พวกเขามีชื่อในยุโรป แต่แนวนี้ คงจะลำบากสำหรับอเมริกาบ้านเกิดอยู่ พอวงเปิดเล่นจบ คนดูก็เรียกร้องกรีนเดย์ทันที ระหว่างฟังเพลงคั่นรอ ก็มีกระต่ายขี้เมา เดินถือเบียร์มาสองขวด และเริ่มออกลีลาเต้นกวนประสาท ก่อนจะยกเบียร์รวดเดียวหมดขวดโชว์พวกเราตามด้วยเสียงเฮ ก่อนจะไปเต้นตามเพลง YMCA เรียกได้ว่าหลุดได้ที่ แต่มันฮาโคตรๆ จนสงสัยว่าเป็นหนึ่งในทีมงานของ Green Day รึเปล่า
และในที่สุด Green Day ก็ขึ้นเวทีมา โดยมีอินโทรคล้ายกับในอัลบั้ม ก่อนที่จะอัดด้วยเพลงโคตรดังในบ้านเราอย่าง Know Your Enemy เท่านั้แหละครับ คนดูก็เฮกันเหมือนคนบ้ากันไปหมด ก็มันสะใจกันขนาดนั้น ตามมาด้วยเพลงดังๆในช่วงหลังของพวกเขาหลายๆเพลงอย่าง East Jesus Nowhere หรือ BLVD of Broken Dreams และพวกเขาก็พาแฟนเพลงขึ้นไปร่วมแจมบนเวทีอย่างเมามัน รวมไปถึงการดึงผู้หญิง (มือเบสวง Over Me ที่เล่นอยู่ข้างนอก) มาเป็นเหยื่อสังเวย พร้อมทั้งพลุระเบิดอย่างเมามัน พวกเขาเล่น Pyrotechnic ได้อย่างสะใจ จนเล่นเอาผมกลัวว่า จะเป็นซานติก้ารึเปล่า แต่ดูเหมือนทีมงานจะโปรดีมากครับ ทั้งพลุ ทั้งไฟ ใส่กันแบบไม่ยั้ง
พอจบช่วงแรก พวกเขาก็ออกไปพัก ก่อนจะเปลี่ยนฉากหลังเป็นโลโก้วงยุคเก่า หมายความว่าพวกเขาจะเอาเพลงเก่าๆมาเล่นแล้ว ละมันก็มาเป็นระลอกให้คนรุ่นผมสนุกจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Basket Case, Longview, Jade, Hitchin a Ride และที่ขาดไม่ได้คือเพลงบังคับ When I Come Around ที่เล่นเอาคนดูเฮกันทั้งฮอลล์
นอกจากจะชวนคนดูขึ้นไปบนเวที พวกเขายังมีสารพักกิมมิคอย่างเช่นเอาเครื่องยิงเสื้อเชิ้ตมายิงแจกเสื้อเชิ้ตให้คนดู ให้คนดูตะโกนแข่งกัน ฉายไปส่องเล่นกับคนดู เอาเค้กมาฉลองวันเกิดให้กับมือกีตาร์เสริม และให้คนดูร้องเพลง HBD ตาม พวกเขาเอนเตอร์เทนได้เก่งจริงๆครับ
พอช่วงต่อมา พวกเขาก็แต่งตัวออกมาแบบฮาๆ เล่นเพลง King for a Day แล้วบิลลี่เองก็ทำท่าระบำโป๊แบบฮาๆ เล่นกันไปแบบยาว ๆ พอขี้เกียจ ก็ลงไปนอนให้คนดูช่วยร้องตาม กระทั้งเอาเพลงอย่าง I can get no satisfaction หรือ Hey Jude มาร้องเล่นบนเวทีอีกด้วย ก่อนจะกลับมามันอีกครั้ง แล้วก็มาได้ซึ้งกับเพลง 21 Guns อีกครั้ง ก่อนที่จะจบด้วยการเครื่องยิงกระดาษตู้มออกมาเต็มหน้าเวทีอย่างน่าซึ้งใจ ที่สำคัญขนาดกระดาษเล็กๆยังมีโลโก้วงเลยครับ ซึ่งพวกเขาก็ปิดอย่างงดงามด้วย American Eulogy ให้คนดูตะโกนเรียกอังคอร์
พวกเราไม่ต้องรอนาน พวกเขาก็ออกมาอีกครั้ง เพื่อเล่นเพลงอย่าง American Idiot ให้เราได้สะใจ ก่อนจะปิดอีกครั้งด้วยเพลงดัง Minority ให้พวกเราได้ตะโกนร้องตามอีกครั้ง ผมเองก็ลุ้นอยู่ว่าพวกเขาจะออกมาอีกมั้ย และพวกบิลลี่ก็กลับมากับกีตาร์โปร่ง เพื่อมาเล่นเพลง Wake Me Up When September Ends ให้เราได้ซึ้งจนน้ำตาคลอ และปิดท้ายจริงๆด้วยเพลง Time of Your Life ที่ทำให้ผมได้คิดว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้แหละ คือ Time of My Life จริงๆ ส่งท้ายได้อย่างงดงามเหลือเกินครับ
ต้องยอมรับจริงๆว่างานนี้สิงห์กับ BEC TERO จัดงานได้ดีจริงๆ และผมว่าประสบความสำเร็จเอามากๆ เพราะคนดูเพียบเลยครับ และก็เป็นคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจจริงๆ หวังว่าปีนี้เราจะมีคอนเสิร์ตดีๆให้ดูกันอีกนะครับ