Monday, September 30, 2013

Passenger สืบสายบริทิชโฟล์ค

ผมเคยเขียนถึงแนวเพลง British Folk มาครั้งสองครั้งแล้วนะครับ ทั้งกับ Mumford and Sons และ Noah and the Whale รวมไปถึง Ed Sheeran ด้วย ซึ่งในครั้งนี้ ก็จะขอเขียนถึงอีกทีครับ แหม่ อเมริกันมีโฟล์คดีๆไม่น้อย แต่ผมติดใจสายอังกฤษมากกว่าครับ ซึ่งครั้งนี้ก็จะเป็นคิวของ Passenger หนุ่มจาก Brighton ครับ

arjanwrites_2008_passenger

Passenger เดิมเป็นชื่อของโปรเจ็คต์ร่วมกันของ Mike Rosenberg (ไมค์ นักร้อง นักเขียนเพลง) และ Andrew Phillips (แอนดริว นักประพันธ์) สมาชิกหลักสองคน ร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ซึ่งรวมตัวตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งวิธีเขียนชื่อวงให้ถูกต้องเป็น /Passenger นะครับ แหม่ ต้องมีลูกเล่น

กว่าพวกเขาจะได้ออกอัลบั้มก็ปาเข้าไปปี 2007 กับงานโฟล์คพ๊อพที่ชื่อว่า Wicked Man’s Rest ซึ่งถึงแม้จะมีซิงเกิ้ลถึงสี่เพลง แต่ก็ไม่ได้ทำยอดขายอะไรโดดเด่นมากครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพลงเพราะให้เราได้ฟังกันไม่น้อย ทั้ง Walk You Home (Night Vision Binoculars) เพลงโฟล์คพ๊อพจังหวะเร่งเร้าเพลินๆ ไม่แปลกที่มันขึ้นอันดับชาร์ตได้ กีตาร์นุ่มๆใน For you เพลงเปิดตัวอย่าง Wicked Man’s Rest ก็มีลีลาที่เด่นไม่น้อย

น่าเสียดายที่หลังจากออกอัลบั้ม แอนดริว ก็ตัดสินใจออกจากวง เลยกลายเป็นจุดจบของ /Passenger แต่ว่าไมค์ก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อไป เป็นศิลปินเดี่ยวโดยใช้ชื่อวงเดิม แต่เปลี่ยนเป็น Passenger แทน ซึ่งเขาก็เริ่มออกงานตั้งแต่ปี 2009 ด้วยอัลบั้ม Wide Eyes Blind Love และสองอัลบั้มในปี Divers & Submarines และ Flight of the Crow แต่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ เพราะยอดขายของทั้งสามอัลบั้มไม่ได้ดีเด่อะไร ทำให้หาฟังไม่ได้เลยครับ จนด้วยเกล้า

ถึงวงจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมาก แต่เขาก็ยังพยายามทำงานเพลงต่อไป และบินไปอัดงานเดี่ยวชุดที่สี่ถึงซิดนีย์ จนกลายมาเป็นอัลบั้มเต็ม All the Little Light

บอกตรงๆว่าตอนที่ได้แผ่นนี้มา ผมไม่ได้รู้จักวง Passenger นี่เลย แต่ก็เห็นว่าปกสวยดี ดูด้านหลัง เห็นว่าอัดในออสเตรเลีย ก็เลยคิดว่าเป็นวงจากออซซี่ แต่พอได้เปิดฟังเท่านั้นล่ะครับ สรุปได้ว่า เป็นอัลบั้มที่ทำให้ผมตกใจได้มากสุดอีกชุดนึงเลยก็ว่าได้

hqdefault

พอเพลงแรกขึ้นมาเท่านั้นล่ะครับ กลิ่นอายของอังกฤษก็โชยออกมาเลยทีเดียว Things That Stop You Dreaming เนื้อเพลงคมคายมากครับ บอกตรงๆเลยว่า ถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ ก็เท่ากับเราเลิกฝันแล้ว น้ำเสียงเหน่อๆขึ้นจมูกของเขามันช่างเป็นเอกลักษณ์จริงๆ ตัวเพลงก็จังหวะไม่เนิบมาก ฟังได้สบายๆ บวกเสียงเครื่องสายข้างหลัง ทำให้แม้มันจะเป็นเพลงโฟล์คแต่ก็มีรายละเอียด เล่นเอาต้องตั้งใจฟังเลยทีเดียว

และเพลงต่อมา Let Her Go ที่เป็นซิงเกิ้ลที่สองนั่นล่ะครับ เป็นหมัดฮุคเลยทีเดียว เพลงที่เรียบๆ ดูเหมือนจะเล่นง่ายๆ แต่รายละเอียดของมัน และเนื้อเพลงที่เขียนออกมาได้อย่างงดงามมากๆ ราวกับบทกวีที่เปรียบเทียบได้อย่างเฉียบคมและสะเทือนใจ ว่าเราไม่เคยเห็นค่าของบางสิ่งจนกว่าจะเสียมันไป ทั้งติดหูทั้งซึ้ง ไปแปลกอะไรที่เป็นซิงเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จที่สุด

หลังจากเจอหมัดฮุคเข้าไป ก็ทำให้ผมต้องตั้งใจฟังเพลงของเขาเลยทีเดียว แม้เพลงของเขาจะเป็นบริติชโฟล์คเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาด Mumford and Sons แต่เขาปรับให้มันฟังสบายๆ ชิลๆ ซะมากกว่า แต่ก็ไม่ได้พ๊อพจ๋าขนาด Ed Sheeran (ที่เขาได้โอกาสเล่นเปิดให้) เพลงของเขาเหมาะกับการฟังไปจิบไวน์นิ่มๆ อ่านหนังสือดีๆซักเล่มไปพลาง แต่ละเพลงมันมีกลิ่นความเป็นอังกฤษที่ไม่ได้มาจากแค่ดนตรี แต่ยังมีเนื้อเพลงที่คมคาย จิกกัดสนุกๆตามสไตล์คนอังกฤษ เพลงเด่นก็อย่าง Keep On Walking ที่ให้ข้อคิดดีๆ หรือ The Wrong Direction เพลงสนุกๆ ฟังได้เพลินๆ แต่ที่เซอไพรซ์มากคือ Hidden Track อย่าง I Hate ที่จิกกัดได้แสบสันต์ผู้คนได้แสบสันต์จริงๆครับ

แม้ All the Little Light จะเป็นงานที่ออกมาตั้งแต่ต้นปีก่อน และออกวางขายในบ้านเราช้าไปหน่อย แต่เชื่อเถอะครับว่าคุ้มค่ากับการหามาฟังมากๆ ลองแล้วจะติดใจ

No comments: