ช่วงนี้ชีวิตมีความสุขครับ อีเวนต์เข้าตลอด ไปดูงานนู้นงานนี้ติดๆกันเลย วันนี้ (ศุกร์ที่ 23 มีนาคม) ก็มีโชว์ วันอาทิตย์ก็มีคอนเสิร์ต Bloc Party วันจันทร์ก็มี Sound City สารคดีของเฮีย Dave Grohl อีเวนต์มาติดๆกันแบบนี้ ไปดูจนเหนื่อย แต่ก็มีสุขที่ได้ดูอะไรมันๆ แล้วจริงๆที่ไปดูหมาดๆเมื่อเย็นวันนี้ ก็คือ Disney on Ice ที่จะว่าไปก็เป็นโชวท์ที่แม้จะไม่เกี่ยวกับดนตรีโดยตรง แต่ก็ถือเป็นโชว์ที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงของดิสนีย์ หรือชอบดูสเกตน้ำแข็ง อันไหนก็เพลินครับ
จริงๆส่วนตัวผมเองก็พอจะดูสเกตน้ำแข็งบ้าง แม้บ้านเราจะไม่ค่อยฉาย แต่สมัยเรียนโทที่ญี่ปุ่น ก็ได้ดูทางทีวีบ่อยๆ เพราะญี่ปุ่นมีนักสเกตลีลาดังๆระดับโลกหลายคน แถมเป็นกีฬาโปรดแฟนผมด้วย เลยดูจนรู้เรื่อง บางทีดูๆไป ของงามๆพวกนี้มันก็ละลายหัวใจหยาบกร้านได้นะครับ เวลาดูแล้วก็นึกถึงตอนที่ ลีออง นักฆ่าพูดน้อยจาก The Professional ดูหนังเพลงแล้วเห็นตัวแสดงร้องไปเต้นไปแล้วบอกว่า ดูเหล่าเทพธิดาจริงๆ
ส่วน Disney แม้จะโตจนไม่น่าจะบอกว่าชอบงานดิสนีย์ได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ มานึกอีกที รู้สึกโชคดีมากๆที่โตมาในยุคที่เรียกว่า Disney Renaissance คือช่วงปี 1989 ถึง 1999 ที่ดิสนีย์ผลิตการ์ตูนดีๆแทบทุกปี หลังจากล้มเหลวมาหลายปี และมี Little Mermaid เป็นงาน Come Back ก่อนที่จะรัวด้วยงานชั้นเลิศอย่าง The Lion King, Beauty and the Beast และ Hunchback of Notre dam เป็นช่วงปีที่ผลงานของดิสนีย์ได้รับคำชมเกือบทุกเรื่อง (ยกเว้น Pocahontas) ก่อนที่จะข้ามไปยุค 3D Animation และในช่วงนี้เองที่งานเพลงดิสนีย์โดดเด่น มีเพลงติดหูดังๆมากมาย ทั้ง Can You Feel the Love Tonight ทั้ง A Whole New World (รวมเวอร์ชั่นพี่เบิร์ดด้วย) และกลายเป็นสินค้าใหม่ของค่ายดิสนีย์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
และด้วยความโดดเด่นของผลงานการ์ตูน ทำให้ดิสนีย์เริ่มสร้างโชว์ใหม่ๆเพื่อเปิดตลาด และ Disney on Ice ก็เป็นหนึ่งผลงานที่ผลิตออกมาเอาใจแฟนๆทั่วโลก และก็มาแสดงที่ไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเองเคยดูก่อนหน้านี้ครั้งนึงเมื่อสองปีก่อน รอบนั้นเรื่องหลักคือเรื่องของ ภูติน้อย ทิงเกอร์เบล ก็สนุกไม่เบา ปีนี้พอกลับมาอีก เลยไม่อยากพลาด แถมยังเป็นตอน Princesses and Heroes ที่มีเรื่องเด่นเป็น Little Mermaid ที่ชื่นชอบอีกด้วย เลยไม่ขอพลาดล่ะครับ
พอถึงอิมแพคที่เมืองทอง เจ้าหญิงน้อยก็เต็มงานเลยล่ะครับ น่ารักดี ที่ชอบมากๆคือ งานนี้ ถืออาหาร ถือเครื่องดื่มอะไรเข้าไปดูก็ได้ ขอแค่ตัดสติกเกอร์ยี่ห้อออก ถ้าไม่ใช่สินค้าของสปอนเซอร์ น่ารักดีนะครับ (เลยสอยโดนัทเข้าไปกินชิลๆ) ส่วนขายของข้างนอกก็มีสินค้าน่ารักๆมาให้เลือกเพียบ ที่ประทับใจคือ คุณปู่ที่ขายโปรแกรมโชว์ แกขยันทักทายคนนู้นคนนี้เป็นภาษาต่างๆ ดูเหมือนปู่แกจะมาทุกปี และรอยยิ้มและอัธยาสัยของคุณปู่ทำให้เรารู้สึกดียิ่งกว่าเดิมอีกครับ
พอเริ่มงาน มิคกี้กับมินนี่ก็ออกมามอบช่อดอกไม้ให้กับประธานในงาน พร้อมมิสไทยแลนด์เวิลด์หุ่นเพรียว กับน้องตัวเล็กคนที่ได้ที่สอง TGT ก็มาดีด อูคูเลเล่ ร้องเพลงก่อน น่ารักดีครับ โปรโมทช่องสามไปด้วย
พอเริ่มโชว์ก็มีมิคกี้ มินนี่ ก็มาเปิดโชว์อีกที แล้วมีทิงเกอร์เบลมาโชว์คั่น ก่อนจะเปิดตัวเรื่อง Aladdin ได้อย่างโดดเด่นเลย ส่วนนี้ยาวเหมือนกัน เป็นเนื้อเรื่องย่อๆ ตัดส่วนตัวร้ายออก เหลือแต่โรแมนซ์ และไม่พลาดโชว์เพลงเด่น A Whole New World แน่นอน ที่ชอบสุดคือ เจ้ายักจินนี่ออกมาเต้นทั้งสเกตได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังเต้นควบม้ากังนัมด้วย ทันสมัยจริงๆ (ถ้าเต้นฮาร์เลมเชค หรือ ควิโยมิ นี่ คงเงิบกันทั้งฮอลล์)
จบไปเรื่อง ก็ตามด้วยเรื่องสั้นๆคือ สโนว์ไวท์ กับ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ซึ่งดึงมาไม่กี่ฉากเท่านั้น แตถ้าเคยดูมาแล้วคงประทับใจได้ไม่น้อย (เวลามันน้อย ทำทั้งเรื่องไม่ได้) ที่คิดว่าเก่งคือ คนรับบทเป็นเชิงเทียน ชุดใหญ่ขนาดนั้นยังสเกตได้อีก
พอจบสองชุดก็มาถึงชุดโปรดของผมคือ Little Mermaid ที่ชื่นชอบ และทำออกมาเป็นการแสดงยาว ย่อเรื่องมาได้เกือบครบครับ แถมตัวแสดงเพียบ อลังการมากๆ ทั้งฉากระบำใต้น้ำ ฉากเออร์ซูล่าอาละวาด ตอนร้องเพลง Part of Your World นี่ เล่นเอาประทับใจน้ำตาคลอเลย แถมระหว่างโชว์ยังมีส่วนพิเศษ ให้เด็กๆคนดู VIP เข้าไปนั่นในเรือร่วมผจญภัยในฉากอีกด้วย
จากนั้นก็เป็นโชว์ที่ผมงงว่าเป็นเรื่องอะไร พูดแต่เรื่องว่านางเอกอยากได้โรงงานน้ำตาล มารู้ทีหลังว่าเป็น The Princess and the Frog ที่แปลกหน่อยคือ ชุดนี้ตัวเอกเป็นคนเอเชียทั้งคู่ ตามด้วยโชว์ของ ราพันเซล ที่เป็นเวอร์ชั่นตอนตัดผมแล้ว (เวลาน้อยเนอะ) และโชว์ เจ้าหญิงนิทรา ที่ทำออกมาอลังการมาก ตั้งแต่ฉากเจ้าชายต้องสู้กับดงหนามเพื่อขึ้นไปปลุกเจ้าหญิง และฉากที่มังกรออกมาขนาดใหญ่ยักษ์ แถมยังพ่นไฟติดเต็มลานน้ำแข็งด้วย (แอบฮาตรงนางฟ้าต้องมาย่ำๆดับไฟด้วย อิอิ)
และโชว์ชุดสุดท้ายคือ ซินเดอเรลล่า ที่เป็นโชว์ใหญ่อีกชุด โดยเปิดตัวซินเดอเรลล่าในฉากนั่งรถม้าอย่างงดงามออกมา ก่อนที่ตัวละครจากโชว์อื่นๆจะมาพร้อมกันในชุดงานเลี้ยงเต็มยศ เป็นแกรนด์ฟินาเล่อย่างงดงาม แถมมีจุดพลุอีกด้วย (ในใจแอบหวั่นเล็กๆ นึกถึง ซานติก้า แต่เป็นพลุเทพครับ แป๊บเดียวดับ ปลอดภัยดี) ตัวละครทุกตัวออกมาส่งแฟนๆทุกคนกลับบ้านอย่างงดงาม แต่สงสัยจริงๆว่า ตัวโปรดผมกับแฟนอย่างโดนัลด์ดั๊กหายไปไหนกัน
เป็นอีกปีที่ได้สเพลินกับ Disney on Ice โชว์ดีๆระดับโลก ต้องขอบคุณสปอนเซอร์และผู้จัดที่นำของดีๆมาให้ได้ดูกันนะครับ ว่าแล้วก็เริ่มคิดล่ะว่าปีหน้าจะเป็นโชว์อะไรเป็นหลัก
(คลิปข้างล่างนี้ของที่อื่นนะจ๊ะ)
No comments:
Post a Comment