ตามที่เคยเขียนไปแล้วว่า หลังจากพลาดโอกาสดูคอนเสิร์ตของ Bloc Party สมัยเรียนที่ญี่ปุ่น แล้ววงก็แทบจะแตกไปรอบนึง จนคิดว่า ชาตินี้ทำบุญร่วมกันมาน้อยเกินไป คงไม่ได้ดูล่ะ ไปๆมาๆ พวกเขากลับมารวมตัวกันทำอัลบั้มใหม่เมื่อปีก่อน โล่งใจไปเปลาะนึง อย่างน้อยก็วางใจได้ว่ายังไม่แยกวง แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนมีโบนัส คือ พวกเขาตกลงจะมาเล่นสดให้พวกเราดูถึงไทยในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
และพอวันงาน ผมก็ไปพร้อมที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นใน Bangkok Convention Center จัดว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างสะดวกเพราะอยู่ในเมืองเลย รอบๆมีสินค้าที่ระลึกขาย กับคนทำสกูปอยู่ไม่น้อย และพอรอไม่นาน วงเปิด Desktop Error ก็ขึ้นเล่นบนเวทีรอแล้ว
บอกตามตรง (ไม่ค่อยชอบคำว่า บ่องตง) ผมไม่เคยฟังเพลงของวง Desktop Error มาก่อน เผลอนึกไปว่าเป็นวงที่ทำเสื้อยืดขายด้วยซ้ำ (ขออภัยอย่างแรง) แต่เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าเพลงเจ๋งดี พอได้ฟัง แม้จะไม่รู้จักซักเพลง ก็ประทับใจมากๆ เพราะว่าถือว่าเล่นได้เจ๋งมากๆเลยครับ โทนเพลงออกจะเหมือนๆ Radiohead หรือ Mogwai ล่องลอย หลอนๆ อบอวล มีหนักเป็นบางโอกาส แถมเพลงสุดท้ายยังเอาพิณอีสานมาเล่นอีก แหวกไม่เบา ถ้าวงพูดเก่งเล่นกับคนดูเป็นกว่านี้คงจะยิ่งดีเลย (วันต่อมาผมรีบไปเดินหาแผ่นของวงที่สยามก็หาไม่เจอเลย เสียดายครับ)
พอวงเปิดเล่นจบ คนก็ไปพักเข้าห้องน้ำห้องท่า หาซื้อเบียร์สิงห์ ปัญหามันเกิดขึ้นก็ตอนนี้ล่ะครับ เมื่อ PR ประกาศว่า หลังจากนี้ห้ามนำเบียร์เข้าพื้นที่แสดง อ้าว คนออกไปสอยกันมาหลายแก้ว แต่ดันเอาเข้าไปไม่ได้ เล่นเอางงกันหมด จนมีคนโวยวายที่ทางเข้ากันไม่น้อย จริงๆถ้าประกาศแต่แรกคงจะไม่มีปัญหาแบบนี้ คงต้องฝากเผื่อไว้ครั้งหน้าด้วย (แต่สุดท้ายก็เห็นถือเข้าไปได้หลายคนนะ สงสัยไม่ได้ผล)
พอสามทุ่ม Bloc Party ก็ออกมาพบกับพวกเราซะที Kele มากับเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ดูเหมือนคนเตะบอลโกลหนูแถวบ้าน Russell ดูเด็กเหมือนเดิม Gordon มีหนวดขรึม ส่วน Matt เปลือยท่อนบนกับกางเกงสั้นเหมือนทุกครั้ง พวกเขาไม่พูดพล่ามทำเพลง จับกีตาร์แล้วเสียงโน้ตตัวแรกจากเพลง So Here We Are เพลงนิ่มๆจากอัลบั้มแรกดังขึ้น ทั้งฮอลก็เฮลั่น เรียกได้ว่าบิวด์อารมณ์คนดูได้ดีจริงๆครับ แต่หลังจากเคลิ้มกับเพลงนิ่มๆได้ไม่นานพวกเขาก็ดีดกลับไปขั้วหนักของตัวเอง นั่นคือ Mercury เพลงจาก Intimacy อัลบั้มที่หนักไปทางเพลงแดนซ์ คนเต้นกันเพลินล่ะครับ
พอเพลงที่สาม พวกเขาก็ดึง Hunting for Witches จากงานเพลงชุดที่ 2 เรียกเสียงกรี้ดได้ไม่เบา รวมทั้งจากผมด้วย เพราะเป็นอีกเพลงที่ชื่นชอบมาก โดยเฉพาะเสียงกีตาร์ พอจบเพลง Kele ก็ทักทายคนดูหน่อย ดูไปแล้วก็ตกใจที่เขาตัวหนาขึ้นมาก จะเรียกว่าตัน เลยก็กว่าได้ เล่นเอาแทบงง เพราะที่ผ่านมาคือเขาผอมๆ แล้วก็มีช่วงล่ำบ้าง แต่ตอนนี้เหมือนเป็นคนละคน แถมตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่ปี 2010 ก็ดูเหมือนเขาจะสบายใจกับการแสดงออกเรื่องเพศของตัวเองมากขึ้น เลยไม่ต้องเก็บอาการอะไร ดูแว่บเดียวก็ดูออกว่าเป็นเกย์จริงๆ แต่ท่าทางเขาก็แฮปปี้ดีนะครับ ยินดีด้วย
เพลงที่ 4 คืออีกเพลงที่ผมกรี้ดมากคือ Like Eating Glass เพราะเป็นเพลงที่มีความเหงาๆ เศร้าๆอยู่ในตัวเพลงแบบบรรยายลำบาก และต่อมาก็ได้โอกาสของเพลงจากชุดล่าสุดเสียที นั่นคือ Real Talk ที่ช้าลงกว่าเพลงอื่น และตามด้วย Waiting for the 7.18 ที่ Kele ได้โชว์เสียงนิ่มๆของเขา และเพลงหนักๆ Song For Clay [Disappear Here] จากชุดเดียวกัน และเป็นเพลงต่อมาที่เรียกเสียงกรี้ดได้อีกครั้ง เพราะมันคือ Banquet เพลงดังตั้งแต่ EP แรกๆที่ทุกคนคุ้นหูกันดี แล้วต่อด้วยสองเพลงจากชุดล่าสุดคือ Coliseum และ Day Four แล้วก็เพลงขึงขังอย่าง The Prayer จากชุดสอง แล้วตบด้วย One More Chance ซิงเกิ้ลที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มไหน และจบด้วย Octopus เพลงแรกในการกลับมารวมตัวของพวกเขา ซึ่งเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมชอบเพราะเสียงกีตาร์จริงๆ แม้คนกำลังมัน แต่พอจบเพลง พวกเขาก็ลาเวที
แต่มันจะจบแค่นี้ได้ไงครับ หลังจากรอซักหน่อย พวกเขาก็กลับมาตามเสียงแรก และจัดเพลง Sunday ด้วยเสียงกลองที่โครมครามให้เราได้เพลินเลย แล้วตามด้วย Ares เพลงที่ฟังทีไรก็นึกไปถึง Chemical Brothers เอามากๆ โดยเฉพาะต้นเพลง หลังจากโจ๊ะกันมัน เพลงต่อมา เล่นเอาผมน้ำตาคลอด้วยความดีใจ เพราะมันคือ This Modern Love เพลงโปรดมากๆอีกเพลง ฟังทีไรก็นึกถึงจากซิตคอมเรื่องนั้นเสมอ แล้วตามด้วยอีกเพลงโปรดคือ Flux ที่เล่นเอาทั้งฮอลล์แดนซ์กันอย่างเมามัน และพวกเขาก็เดินลงจากเวทีอีกครั้ง
พวกเรายังงงๆอยู่ แต่พอเห็นโรดดี้มาเช็คเครื่องเสียง ก็ชัวร์ล่ะว่ายังไม่จบ และพวกเขาก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง Kele บอกว่า วันนี้อารมณ์ดี เลยจัดให้อีก และเล่นเพลง Ratchet เพลงใหม่ที่ยังไม่ได้ออกวางขาย เป็นเพลงโจ๊ะๆ ที่ต้นเพลงคล้ายกับ The Rapture แล้ว Kele ก็ร้องเร็วจนแทบจะเป็นแร๊พไปแล้ว แล้วต่อด้วย Truth จากอัลบั้มล่าสุด คนทั้งฮอลล์ยังมันไม่หยุด และพออินโทรเพลงสุดท้ายขึ้นมา คนก็เฮกันหมด เพราะมันคือ Helicopter เพลงโคตรดังของพวกเขาและเป็นเพลงที่ทำให้พวกเราหลงรักเขา เท่านั้นล่ะครับ เบียร์กระเด็นกระดอนข้ามหัว ตรงกลางคนดูมีมอชพิทด้วย นึกว่ามาดูเมทัล มันกันสุดๆจริงๆ วงก็เล่นไม่ยั้งครับ จนขนาดตอนจบเพลง ท่าทาง Gordon จะยังติดลม วิ่งไปกระโดดใส่กลองชุดพังโครมแบบไม่แคร์ เล่นเอาเฮียโรดดี้มายืนเกาหัวแกรกๆว่ากูจะเอาไงดี ปล่อยให้วงมายืนขอบคุณคนดู
พอคอนเสิร์ตจบ ทุกคนก็ฟินเต็มสูบ แต่ยังมี DudeSweet มาเปิดแผ่นให้เราได้ม่วนกันต่ออีกหน่อย ซึ่งก็ตามเทรนด์อินดี้ดิสโกจริงๆ แถมตกใจนิดๆที่ได้ฟังเพลง Honest Mistake ด้วย ไม่ได้เจอมานานแล้วนะเนี่ย สุดท้ายก็กลับบ้านด้วยความสนุกจริงๆครับ ฟินมาก อยากให้มีแบบนี้อีกเรื่อยๆ ขอบคุณทาง Capslock ผู้จัด และเบียร์สิงห์ สปอนเซอร์ในงานด้วยนะครับ
No comments:
Post a Comment