สวัสดีปีใหม่ 2014 ครับ จริงๆผมควรจะเขียนบทความนี้ในเล่มสัปดาห์ก่อน แต่ดันไม่รู้ก่อนว่า เล่มสัปดาห์ก่อนเป็นเล่มพิเศษ บทความผมต้องเว้นวรรค แทนที่จะได้ส่งท้ายปีเก่า เลยต้องย้ายมาสวัสดีปีใหม่ในเล่มนี้แทน (รู้งี้เก็บ Aloe Blacc ไว้ลงคราวหลังดีกว่า) หลายท่านคงจะเริ่มกลับมาทำงานวันนี้ บางท่านก็กลับมาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว กลับมาครั้งนี้ก็ขอมองย้อนกลับไปปีที่แล้วว่ามีอะไรที่น่าประทับใจเป็นการส่วนตัวบ้างครับ
คอนเสิร์ตแห่งปี ปีที่ผ่านมา ได้ดูคอนเสิร์ตน้อยครับ ไม่รู้ทำไม ที่ควรได้ดูก็เลื่อน ที่อยากดูบางอันก็พลาด แต่ก็ยังชื่นใจที่มีคอนเสิร์ตเจ๋งๆอย่าง Sonic Bang ให้ได้ดู เพราะสเกลของคอนเสิร์ตมันใหญ่มาก ศิลปินเยอะ จะเป็นการบุกเบิกเทศกาลดนตรีของไทยก็ว่าได้ อยากให้มีแบบนี้ทุกปีครับ ต่อให้ไม่ได้ถูกใจกับศิลปินที่มาทุกคน แต่แน่นอนว่า ก็มีอะไรให้ทุกคนได้สนุกกันแน่ๆ ผมเองก็เพลินกับวงร๊อคจากยุคตัวเองอย่าง Ash และ Placebo แต่ที่เหนือความคาดหมายสุดๆคือ Far East Movement ที่ผมกะไปดูแค่สนุกๆ แต่กลายเป็นว่า มันโคตรๆ สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ เอนเทอร์เทนคนดูได้อยู่หมัด จนเรียกได้ว่า ถ้ามาอีกก็คงไม่พลาดแน่นอนครับ สนุกขนาดนั้น อีกคอนเสิร์ตนึงที่อดจะพูดถึงไม่ได้คือ Bloc Party ที่จัดให้หนำใจ สมกับที่แฟนเพลงรอมานานเช่นกันครับ
ภาพยนตร์แห่งปี ปีที่ผ่านมา ตอนต้นปีที่ได้ดู Les Miserables ก็รู้สึกประทับใจนะครับ เพราะเหมือนดูละครเพลงดีๆเรื่องหนึ่ง แต่พอเว้นระยะ แล้วมาคิดอีกหน่อย กลายเป็นว่าเห็นจุดบอดในเรื่องไม่น้อย เลยผ่านๆไป หนังที่คนชอบทั้งเมืองอย่าง About Time ก็ดูเพลินดีครับ หวานซึ้งประทับใจ แต่ถ้าให้เลือกหนังที่ประทับใจสุดส่วนตัวจริงๆ คงต้องขอยกให้ Rush หนังเกี่ยวกับการแข่งรถที่มันเหลือเกิน นอกจากการซิ่งรถ F1 ที่เร็วสะใจแล้ว การนำเสนอนักแข่งสองคนในแง่คู่แข่งที่ไม่ใช่ศัตรู แต่คือสองคนที่ยอมรับในฝีมือกันและกัน ทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่ได้เอามันอย่างเดียว แต่ตีความความสัมพันธ์ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ได้ทั้งสาระและความมัน อ้อ แถมที่เห็นดราม่าเยอะๆนี่ มาจากเรื่องจริงเป็นหลักเลยนะครับ ชีวิตจริงมันดราม่า
มังงะและอนิเมะแห่งปี ปีนี้คงต้องยกให้เรื่อง Shingeki no Kyojin หรือ ผ่าพิภพไททัน ที่ฮิตเสียเหลือเกินในปีที่ผ่านมา ฮิตถึงขนาดที่เพลงเปิดตัวยังกลายเป็นเพลงฮิตได้ไปแสดงในอีเวนต์ดังอย่างประกวดร้องเพลงขาวแดงส่งท้ายปีของ NHK ตัวอนิเมะเริ่มฉายเมื่อต้นปีก่อนและกลายเป็นผลงานที่โคตรดังระบือนาม เพราะการนำเสนอที่โดดเด่น มีการเซอไพรซ์คนดูหลายๆจุด แถมการทำภาพที่ออกมาดีมาก (แม้จะเผาเยอะ) จนงานมันเด่นชวนให้ติดตามตลอด ส่วนมังงะ เนื้อเรื่องดีครับ แต่ภาพกากเกินทน ลายเส้นแย่มาก ถ้าจะอ่านเอามัน ก็ต้องทนลายเส้นแย่ๆหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มครับ ไม่ควรพลาด
หนังสือแห่งปี ปีที่ผ่านมา ถือว่าได้อ่านหนังสือเยอะหน่อย ไม่รู้ทำไม เล่มที่ชอบสุดคือ เธอเขาเราผม 2 ของ โตมร สุขปรีชา (สำนักพิมพ์แซลมอน) ที่เป็นความเรียงเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในสังคมเมืองสมัยใหม่ที่น่าสนใจมากๆ หลายๆเรื่องเหมือนเขาพูดแทนในสิ่งที่ผมคิดมาตลอด ในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ มันก็ควรจะมีระเบียบจารีตของมันเอง และเขาก็ตีแผ่ออกมาได้ว่า ทำไมกรุงเทพถึงกลายเป็นเมืองแบบนี้ ต่างไปจากมหานครในหลายๆประเทศที่เราเห็น เป็นงานที่อ่านง่าย เพลิน แป๊บเดียวก็จบ แต่สาระเต็มเล่มครับ
นักกีฬาแห่งปี ถ้าเอาแบบความเห็นของประชาชนไทย คงต้องยกให้น้องเมย์กับทีมวอลเลย์สาวไทย ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งเก่งๆได้และทำผลงานดีมาตลอด อยากให้มีคนช่วยสนัสนุนต่อไปเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไปครับ ส่วนตัวชอบ Fabian Cancellara นักจักรยานแห่งทีม Radioshack Leopard Trek ที่สร้างผลงานคว้าแชมป์สนามคลาสสิกชื่อดังในปีที่ผ่านมาคนเดียวสามสนาม ทั้งๆที่มันโหดสุดๆ จนบอกได้แค่ว่า ฉายา Spartacus นักรบโรมัน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากความกล้าหาญ ดุเดือด ไม่กลัวอะไรของเขาจริงๆ
เรื่องน่ายินดีส่วนตัว ถ้าจะเขียนจริงๆ ปีที่ผ่านมา ก็ต้องเป็นเรื่องแต่งงานอยู่แล้ว ดังนั้น ขอเป็นเรื่องรองลงมาจากการแต่งงาน ก็คงเป็นเรื่องของการการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ทำต่อเนื่องมาจากปีก่อนแล้วก็เห็นผลจริงๆครับ สุขภาพดีขึ้นมาก ที่สะใจก็คงเป็นการกลับไปลุยแข่งจักรยานในสนามเดิม เจอเนินเดิมที่ผมต้องจอดรถพัก แต่คราวนี้ ไม่มีพักและเอาชนะมันได้สำเร็จ ปีหน้าก็คงไปแข่งอีกครับ ไม่ได้หวังชนะใคร แต่หวังชนะตัวเองในวันนี้ก็พอครับ อีกเรื่องก็คงเป็นการเข็นหนังสือของตัวเองเล่มที่สอง Japan Did ออกวางขายได้สำเร็จ เป็นงานที่เหนื่อยแต่เป็นผลงานที่อยู่กับเราไปอีกนานเลยล่ะครับ เรื่องน่าเสียใจมีบ้าง แต่ลืมๆไปครับ จำไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
เดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาเจอกับการจัดอันดับอัลบั้มยอดเยี่ยมของปีที่แล้วกันนะครับ ส่วนปีนี้ ก็ขอให้ท่านผู้อ่านที่ติดตามกันมาตลอดพบเจอแต่สิ่งดีๆนะครับ
No comments:
Post a Comment