สำหรับวงดนตรี การเสียสมาชิกสำคัญหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ หลายวงถึงกับไปต่อไม่ได้และต้องแยกย้ายไปตามทางใครมัน แต่สำหรับบางวง กลับกลายเป็นนิมิตหมายใหม่ของวง ให้รีแบรนด์ตัวเองและค้นพบเส้นทางใหม่ๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆคือ Joy Division ที่กลายมาเป็น New Order และอีกวงที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างน่าสนใจเมื่อขาดสมาชิกวงไปก็คือ Paramore
Pamore เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2003 เมื่อนักร้องสาวอายุ 13 Harley Williams (ฮาร์ลีย์) ย้ายไปที่ Tennessee และได้พบกับพี่น้อง Josh Farro (จอช กีตาร์) และ Zac Farro (แซ๊ค กลอง) และเริ่มตั้งวงกันโดยมี Jeremy Davis (เจเรมี่) เล่นเบสให้ และเลือกชื่อวง Paramore ที่แปลว่า Secret Lover
หลังจากเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาก็เริ่มแต่เพลงและได้เล่นตามเวทีที่ใหญ่พอควรอย่าง Warped Tour และเริ่มสร้างชื่อ จนทำให้เจ้าของค่าย Fueled By Ramen ต้องตีตั๋วไปดูพวกเขาเล่นในคอนเสิร์ต Taste of Chaos เลยทีเดียว และก็ตัดสินใจดึงพวกเขาเข้าสังกัดทันทีทั้งๆที่สมาชิกวงยังอายุไม่ถึงวัยดื่มเหล้าด้วยซ้ำ
และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้แต่งเพลงอย่างจริงจัง โดยที่มีเรื่องน่าเศร้าคือ Jeremy เดินออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว และมันก็เป็นธีมหลักของอัลบั้มไป อัลบั้มแรกของพวกเขา All We Know Is Falling ก็ได้โอกาสออกมาลืมตาดูโลกในปี 2005 เมื่อนักร้องนำอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น ปกอัลบั้มแสดงถึงความเศร้าของการเดินออกจากวงของ Jeremy เพราะมันคือภาพเงาของคนที่เดินออกไปจากโซฟา แต่เพลงของพวกเขาก็มันสะใจอย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะมาจากวงที่มีอายุน้อยมาก Conspiracy เพลงแรกที่พวกเขาแต่งขึ้นก็เป็นเพลงร๊อคที่ไม่เร็วมากแต่ได้รับการเรียบเรียงเป็นอย่างดี ในขณะที่ซิงเกิ้ลอย่างเพลง Pressure นั้นมันสะใจจากการเดินเบสที่เล่นกับกีตาร์เป็นอย่างดี และได้เสียงร้องที่โดดเด่นเข้ามาช่วยเสริมให้มันลงตัว All We Know ก็เป็นเพลงที่อัดแบบไม่ยั้งบวกด้วยท่อนฮุคที่ติดหูทำให้จำมันได้ง่ายจริงๆ อีกเพลงที่เด่นคือ Emergency ที่หนักพอตัวกับท่อนสับที่ชวนให้เราโยกหัวตามจริงๆ ส่วน Brighter ก็ชวนให้ฮึกเหิมจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
เพลงของพวกเขาน่าจะอยู่ในกลุ่ม Pop-Punk แต่มันก็หนักกว่านั้น แต่ก็ไม่ได้โหยหวนขนาด Emo แต่ที่แน่ๆคือมันโดดเด่นจนทำให้พวกเขาได้รับการจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสน่ห์ในการคุมคนดูเวลาแสดงสดของ Harley ที่เจ๋งไม่แพ้นักร้องรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเลยแม้แต่น้อย แม้ผลงานชุดแรกจะประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ว่าพวกเขาก็ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่นอน
พวกเขาไม่ทำให้นักวิจารณ์ผิดหวัง เมื่อ Misery Business ซิงเกิ้ลเปิดตัวของผลงานชุดใหม่ออกวางขาย พวกเขาก็กลายเป็นดาราขวัญใจของวงการทันที เพราะมันคือซิงเกิ้ลที่มีพลังพอที่จะกระทืบทุกวงให้จมดินไปเลย นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยตัวเล็กจะมีพลังตะโกนได้ขนาดนี้ จากเพลงนี้ ทำให้สปอตไลต์ฉายมาที่พวกเขาในทันที และอัลบั้ม Riot! ที่มันสมชื่อก็ตามมาติดๆ นอกจาก Misery Business แล้ว มันก็ยังมีเพลงเด่นๆอีกหลายเพลงอย่าง Crushcrushcrush ที่ก็หนักหน่วงอย่างมีลีลา อีกเพลงที่มันในลีลาคล้ายๆกับ All We Know ก็คือ Let The Flames Begin ที่คงลีลาความสะใจไว้ได้อย่างดี ส่วน Fences ก็มากับจังหวะที่แปลกไปจนนึกถึง Mama ของ My Chemical Romance เลยทีเดียว ในขณะที่ We Are Broken ก็เป็นเพลงช้าที่ฟังได้เพลินเหมือนกัน Riot! กลายเป็นความสำเร็จที่งดงามที่ปูทางสำหรับวันข้างหน้าของวงหนุ่มสาววงนี้เป็นอย่างดีจริงๆ
ระหว่างอัดเพลงเพื่ออัลบั้มที่สาม พวกเขาก็เจียดเวลาไปทำเพลง Decode ให้กับหนัง Twilight ก่อนที่จะออกอัลบั้มเต็มชื่อ Brand New Eyes โดยมี Ignorance ที่หนักเอามากๆเมื่อเทียบกับผลงานเก่าของพวกเขาเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัว และอีกเพลงที่เด่นมากๆคือ Brick by Boring Brick ที่หนักไม่แพ้กันแต่ยังเจือเสน่ห์ฟังติดหูไว้อีกด้วยเสียงกีตาร์ที่ตอดเล็กตอดน้อยอย่างยอดเยี่ยม ส่วน Feeling Sorry ก็อัดได้แบบไม่ยั้งดีจริงๆ ในขณะเดียวกันก็ยังมีเพลง Misguided Ghosts ที่เรียบๆฟังง่ายๆเป็นอีกด้านมาเบรกโทนเพลงไว้ได้อย่างลงตัวจริงๆ เช่นเดียวกับเพลง Only Exception ที่เพราะไม่แพ้กัน และงานชุดที่สามก็เป็นความสำเร็จที่งดงามของพวกเขาทั้งในแง่เสียงวิจารณ์และรายรับ
แต่หลังจากความสำเร็จครั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็มาถึง เมื่อสองพี่น้อง Farro ตัดสินใจลาออกจากวง เพราะไม่คิดว่าจะร่วมงานกันได้อีก และสับเพื่อนร่วมวงอย่าง Harley ว่าเป็นแค่ตุ๊กตาของค่ายเพลง และคนอื่นมีหน้าที่แค่ช่วยให้เธอได้ทำตามฝัน แต่ถึงอย่างนั้น วงก็แค่ ยักไหล่ และก้มหน้าก้มตาทำงานเพลงต่อไป
และก็ออกมาเป็นงานชุดที่สี่ ชื่อ Paramore ที่หลายๆคนรอค่อยกันมานาน สิ่งแรกทีเราสังเกตเห็นคือ ในปกใน Harley ใส่เสื้อแจ็คเก็ตที่เขียนว่า Grow Up ทำให้เราเริ่มคิดว่าเป็นข้อความที่ต้องการสื่อถึงใครรึเปล่า ทำให้ยิ่งอยากลองเสพเพลงในอัลบั้มมากขึ้น
และพอได้ฟังเพลงของพวกเขาก็ตกใจไม่น้อย เพราะว่ามันต่างไปจาก Paramore เดิมๆที่เราเคยรู้จักมา โดยรวมแล้วเพลงเบาลงกว่าเดิม ไม่ได้ดิบกร้าวซ่าแบบแต่ก่อน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ แนวทางที่หลากหลาย กับการทดลองกับแนวดนตรีใหม่ๆ ที่ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ซิงเกิ้ลแรกอย่าง Now อาจจะยังเป็นแนวเพลงที่เราคุ้นเคย ด้วยเพลงร๊อคที่หนักและโครมคราม แต่หลายๆเพลงในอัลบั้มกลับเดินไปในแนวทางที่แตกต่าง Ain't It Fun ที่เป็นพ๊อพร๊อคฟังสบาย เพลงนิ่มๆกลิ่นคันทรี่อย่าง Hate To See Your Heart Break เพลงร๊อคโยกสบายๆอย่าง Still Into You ยังไม่นับความแปลกของช่วงอินเทอร์ลูดเข้าไปอีก กลายเป็นแนวทางใหม่ของวงที่พัฒนาขึ้นมามากและโชว์ศักยภาพของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
Paramore เปลี่ยนสมาชิกจนแทบจะไม่เหลือคราบเดิม แต่ว่า พวกเขากลับมาได้อย่างแกร่งขึ้น เจ๋งขึ้น เหมือนยิ่งทุบก็ยิ่งอร่อยขึ้น (คนหรือเนื้อสเต็ก) และทำให้เราได้พบกับอีกด้านของพวกที่ทำให้น่าสนกว่าเดิม ยังเชียร์กันได้ยาวๆอีกครับ
1 comment:
I love "still into you"
Post a Comment