18. Paul Weller – Sonik Kicks เรียนป๋าพอล เวลเลอร์ ตำนานแห่ง Mod ที่ยังคงมีชีวิต ผมกราบขออภัยจากใจจริง ที่เคยสบประมาทป๋า ว่าป๋าหมดน้ำยา เป็นไดโนเสาร์หลงยุค ไม่มีปัญญาผลิตเพลงใหม่ที่มีคุณภาพแบบที่ป๋าเคยทำกับงานคลาสสิกสมัย The Jam และ The Style Council มาบัดนี้ผมได้รู้แล้วว่า ป๋าคือขิงแก่ของแท้ เพราะ Sonik Kicks ช่างเป็นงานที่ก้าวหน้า สดใหม่ เต็มไปด้วยพลัง ชนิดที่วงรุ่นน้องป๋ายังต้องอาย ขออภัยครับ แนะนำ Dragonfly
17. Gaslight Anthem – Handwritten อัลบั้มเต็มชุดที่สี่ของวงจากนิวเจอร์ซี่ย์ อเมริกา ที่ครอบครองหัวใจเราตั้งแต่งานชุดที่สองที่สมบูรณ์แบบเสียจริงๆ และกับงานชุดนี้ พวกเขาก็ยังคงดำเนินตามแนวทางถนัดคือ กรีดหัวใจใส่ลงไปในเนื้อเพลงกับดนตรีที่เต็มไปด้วยวิญญาณความเร่าร้อน งานชุดนี้เหมือนภาคต่อจาก The ’59 Sounds มากกว่า American Slang จงเสียบหูฟังและวิ่งออกไปพร้อมกับเพลงอย่าง “45”
16. Toy – Toy การจุติใหม่ของสมาชิกวง Joe Lean and the Jing Jang Jong วงร๊อคจากอังกฤษที่กลายมาเป็นวงร๊อคผสมไซคเดลิคกึ่งๆชูเกซที่เราฟังได้อย่างเพลิดเพลินเสียจริง พวกเขามีบรรยากาศที่ล่องลอยหลอนๆ เย็นเยือกแต่อบอุ่นในขณะเดียวกัน คล้ายๆกับ The Horrors ยุค Primary Colours ที่มองโลกผ่านแว่นสีซีเปีย แนะนำ Lose My Way และ Make It Mine
15. Egyptian Hip-Hop - Good Don't Sleep วงอาร์ตร๊อคจากแมนเชสเตอร์ ที่หลายคนรออัลบั้มเต็มของพวกเขา ซึ่งบางคนก็ผิดหวัง แต่ส่วนตัวผมชอบเป็นการพิเศษ เพราะมันช่างล่องลอย ซับซ้อน ชวนงงเป็นอย่างดีจริงๆ เพลงของพวกเขาผสมเสียงกีตาร์ที่ล่องลอยเข้ากับจังหวะที่ซับซ้อนได้อย่างลงตัว จนเป็นงานเพลงที่โดดเด่นอีกชิ้นหนึ่งของปีก่อน แนะนำ SYH
14. DIIV – Oshin บางทีปีนี้ผมอาจจะอายุมากขึ้นจริงๆ เพราะปีที่ผ่านมา อัลบั้มที่ชื่นชอบหลายแผ่นก็เป็นการเอางานเพลงในอดีตมาปัดฝุ่นได้อย่างลงตัว และ Oshin โดย DIIV ก็มาในแนวทางนั้นด้วยการทำเพลงชูเกซที่อบอวลด้วยเสียงกีตาร์ที่งดงามมลังเมลือง ราวกับแสงแดดเช้าวันอาทิตย์ พวกเขาขโมยหัวใจเราไปตั้งแต่ซิงเกิ้ล How Long Have You Known? ที่เปล่งประกายจัดจ้าน
13. The Cribs - In the Belly of the Brazen Bull งานเพลงชุดที่5ของสามพี่น้องบ้าพลัง พวกเขาไม่เคยสูญเสียความสดดิบไปเลยตลอดที่ทำเพลงมา แถมยังได้ประสบการณ์ที่มากขึ้น ทำให้เพลงแต่ละเพลงช่างฟังได้อย่างมันสะใจเสียจริงๆ โดยเพลงเด่นอย่าง Chi-Town ก็ยังฟังได้สนุกเช่นเคย Come On Be A No-One ก็ยังคงกลิ่นของพังค์เหมือนเคย ส่วน Arena Rock Encore With Full Cast ก็แอบฮา ด้วยการทำเพลงล้อเลียนวงร๊อคสเตเดียม แต่เป็นการบอกอีกทางว่า พวกเขาก็ทำเพลงแบบนี้ได้เหมือนกันนะ
12. Various Artists - Kanye West Presents Good Music Cruel Summer งานรวมเพลงชุดแรกของ GOOD Music ตราแผ่นเสียงของ Kanye West ที่รวมดาวทั้งหลายอย่าง Kid Cudi, Pusha T, Big Sean, Common และ John Legend ร่วมงานกับขาใหญ่รับเชิญอย่าง Jay-Z หรือ Ghostface Killah โดยมี Kanye West ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นวาทยกรคอยควบคุมโทนเพลงทั้งหมด จนกลายเป็นงานรวมดาวที่มีทิศทางชัดเจน และโดดเด่นมากๆในปีที่ผ่านมา แนะนำ Higher และ Mercy, Clique
11. Deftones – Koi no Yokan การกลับมาของวงที่รอดมาจากยุค Nu-Metal ได้อย่างงดงาม ทุกวันนี้ยังเสียใจที่พวกเขายกเลิกคอนเสิร์ตอยู่เลย แม้เพื่อนร่วมวงจะยังไม่หายจากการบาดเจ็บดี แต่พวกเขาก็ต้องเดินหน้าต่อด้วยการออกผลงานชุดนี้ และ อัลบั้มชื่อน่ารักนี้ (แปลจากภาษาญี่ปุ่นได้ว่า ลางสังหรณ์แห่งรัก เข้ากับแนวเพลงมากๆ) ก็เป็นงานที่เรียกได้ว่าพวกเขาท๊อปฟอร์มจริงๆ ทั้งผสมความหนักหน่วง กับเทคนิคเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ตามสูตรสำเร็จที่พวกเขาถนัด แค่ Swerve City เพลงเปิด ที่อัดเสียงกีตาร์ที่หนักหน่วงลงบนจังหวะแบบฮิพฮอพ ก็ทำให้เราตื่นเต้นกับเพลงที่เหลือในอัลบั้มได้แล้ว ส่วน Tempest ก็ช่างอบอวลด้วยเสียงกีตาร์หนักๆราวกับยืนอยู่ในโรงฆ่าสัตว์อัตโนมัติ
10. The Killers – Battle Born การกลับมาที่หลายคนรอคอยของโปสเตอร์บอยของวงร๊อคยุคหลัง The Strokes ที่ยืนหยัดในวงการได้อย่างงดงาม งานชิ้นนี้กลับไปหากลิ่นไอของอเมริกา บ้านเกิดของพวกเขาที่หลายคนเข้าใจผิด (จนต้องทำ Sam’s Town ออกมาเพื่อบอกโลกว่า พวกตูคือวงอเมริกานะ) แม้แนวเพลงจะเป็นสเตเดี้ยมร๊อคอลังการจนคล้ายกับ U2 ยุค Joshua Tree แต่สิ่งที่โดดเด่นของพวกเขาคือคุณภาพการเขียนเนื้อเพลงที่มาจากการสังเกตุคนรอบตัวอย่างเฉียบคม ซิงเกิ้ลอย่าง Runaways ที่เล่าเรื่องของคู่รักวัยรุ่นที่ล้มเหลวเขียนเรื่องออกมาได้งดงามและเศร้าศร้อยพร้อมกันจนทำให้น้ำตาเอ่อขึ้นมาทุกครั้งที่ได้ฟัง นอกจากนี้ยังมี Deadlines And Commitments ที่ทรงพลัง และ Be Still ที่ทำให้เรานึกถึง Ultravox ในช่วงพีคได้เลยทีเดียว
9. Kendrick Lamar - good kid, m.A.A.d city งานเพลงชุดที่สองของแรปเปอร์หนุ่มจาก คอมพ์ตัน แคลิฟอร์เนีย ที่เป็นงานเพลงฮิพฮอพที่โดดเด่นที่สุดอีกชุดหนึ่งของปีก่อน ทั้งการแร๊พของเขาที่ไหลลื่นราวกับอัดจาระบีไว้เต็มสูบ ไม่เหมือนกับแร๊ปเปอร์รุ่นใหม่หลายคนที่เน้นภาพลักษณ์และแค่ตะโกนไปมา บวกกับดนตรีแม้จะมาจากแคลิฟอร์เนียแต่กลับมีกลิ่นไอของฝั่งนิวยอร์กไม่น้อย ซิงเกิ้ลอย่าง Swimming Pool (Drack) ช่างโดดเด่นและชวนให้โยกตาม ขณะที่ Compton ที่ได้ Dr. Dre ตำนานของคอมพ์ตันมาร่วมงานก็เป็นเหมือนงานบูชาครูที่น่าทึ่ง ส่วน The Art of Peer Pressure ก็มากับจังหวะยะเยือกจนเรานึกถึง Mobb Deep
No comments:
Post a Comment