ช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา น่าจะเป็นยุครุ่งเรืองของศิลปินหญิงทางเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ ในขณะที่ฝั่งอเมริกาแข่งกันทำเพลงป๊อปแถมพฤติกรรมหลุดโลกอย่าง Lady Gaga, Kathy Perry หรือ Nicki Minaj แต่ฝั่งอังกฤษกับทยอยส่งศิลปินหญิงที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงด้วยตัวเองออกมางัด ซึ่งที่เราเห็นประสบความสำเร็จก็มีหลายรายอย่างรุ่นบุกเบิกอย่าง Amy Winehouse หรือ Adele ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้วก็ยังมี Florence+the Machine, Lily Allen, Kate Nash, Little Boots หรือ Ellie Goulding ที่โด่งดังไม่แพ้กัน และอีกหนึ่งศิลปินที่พลาดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงคือ Marina and the Diamonds
Marina and the Diamonds หรือ Marina Diamandis เป็นสาวชาวเวลส์ลูกผสมกรีกที่เติบโตมาในเวลส์ หลังจากที่เธอพบความสนใจในดนตรีของตัวเอง และใช้เวลาไปกับการย้ายวิทยาลัยด้านดนตรีถึง 4 ครั้ง จนสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเลิกเรียนและมุ่งเอาดีกับงานเพลง โดยพยายามไปออดิชั่นกับค่ายเพลงและละครเพลงต่างๆด้วย จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำงานเพลงในแบบของตัวเอง โดยตั้งชื่อในวงการให้กับตัวเองว่า Marina and the Diamonds ซึ่งหมายความว่า เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเธอแล้ว
เธอเริ่มต้นอัดเดโมด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจคือ บริตนีย์ สเปียร์ และ เกวน สเตฟานี่ งานเพลงชุดแรกที่เธอทำเป็น EP ชื่อ Mermaid Vs. Sailor ซึ่งเธอเสียเงินโปรดิวซ์ไปไม่น้อย แต่ว่าCD-R ที่เธอก๊อบขายเองผ่านทาง Myspace กลับขายได้เพียง 70 แผ่น ถ้าเป็นบางคน คงพับโครงการ หันไปทำอย่างอื่นแล้ว แต่เธอไม่ยอมแพ้ ยังพยายามต่อไปจนไปเข้าตาของแมวมองจากค่าย Neon Gold บ้านของ Passion Pit และ Gotye ทำให้เธอได้เซ็นสัญญากับค่าย 679 Recordings ที่อยู่ในชายคา Warner Music เหมือนกัน
เมื่อได้ต้นสังกัด แล้ว เธอก็เดินหน้าทำงานเพลงอย่างตั้งใจ โดยซิงเกิ้ลแรกที่ออกวางขายในปี 2008 คือ เพลงคู่ Obsessions และ Mowgli’s Road ซึ่งเป็นสองเพลงที่สร้างความโดดเด่นให้เธอเป็นอย่างมาก Obsessions เป็นเพลงป๊อปที่มากับจังหวะที่ค่อยๆไล่เรียงจนอลังการมากขึ้นเรื่อยๆจนเรานึกถึงงานของ Kate Bush เลยทีเดียว ในขณะที่ Mowgli’s Road จังหวะจะโครมครามมากกว่า แต่ทั้งสองเพลงถือว่าน่าสนใจมากๆในการทำเพลงป๊อปให้ออกมาแหวกแนวไปจากคนอื่น จากนั้นเธอก็ได้ออก The Crown Jewel EP ในปี 2009 ซึ่งในนั้นก็มีเพลง I Am Not A Robot ซิงเกิ้ลต่อมาของเธอ ซึ่งเป็นเพลงที่เริ่มต้นด้วยเปียโนเรียบๆ ก่อนที่จะเร่งจังหวะขึ้นผสมกับเสียงร้องแบบบัลลาดติดสำเนียงของเธอทำให้มันเป็นเพลงที่เด่นเอาจริงๆ จนทำให้ชื่อของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักวิจารณ์เพลงและถูกจับตามากขึ้น จนติดอันดับ Sound of 2010 ของ BBC ในอันดับ 2 เป็นรองเพียง Ellie Goulding อีกหนึ่งสาวเก่งเท่านั้น
และในปี 2010 เธอก็ได้โอกาสออกอัลบั้มเต็มชุดแรกของเธอที่ใช้ชื่อ The Family Jewels ที่เป็นความสำเร็จที่งดงามถึงกับขึ้นไปติดอันดับ 5 ในอัลบั้มชาร์ตในอังกฤษและได้รับคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ทั้งหลาย เพราะความโดดเด่นของตัวอัลบั้มนั่นเอง นอกจากสามซิงเกิ้ลที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว ซิงเกิ้ลต่อมาอย่าง Oh No! ก็เป็นเพลงป๊อปที่ฉาบฉวยติดหูแบบเท่เอามากๆ เหมือนกับให้วงอินดี้พังค์มาแจมเพลงป๊อปของฝั่งอเมริกา ขณะที่อีกซิงเกิ้ลอย่าง Shampain ก็ได้อิทธิพลจากซินธ์ป๊อปจากยุค 80 ผสมกับเสียงร้อของเธอทำให้มันโดดเด่นขึ้นมาจริงๆ นอกจากซิงเกิ้ลทั้ง 5 เพลงแล้ว เพลงอื่นในอัลบั้มก็โดดเด่นไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็น Hollywood หรือ Hermit the Frog ที่มีประโยคแสบอย่าง Did your find your bitch in me
งานเพลงของเธอเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเพลงป๊อป เพลงเต้นรำซินธ์ยุค 80 ผสมเข้ากับทัศนคติร๊อคสาวมาดเท่จากยุค 90 อย่าง PJ Harvey และเธอก็หยิบเอามันมาผสมกันได้อย่างลงตัวในอัลบั้มเปิดตัวของเธอได้อย่างงดงาม จนทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามองและถูกจัดไปอยู่กลุ่มเดียวกับศิลปินหญิงอังกฤษที่ผุดขึ้นมาในช่วงนั้นอย่างที่กล่าวไว้ แต่เธอกลับไม่ชอบใจนักเพราะเธอคิดว่าเธอไม่ได้มีอะไรเหมือนคนอื่นยกเว้นแค่เรื่องเพศเดียวกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นของผลงานของเธอทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลดังๆอีกหลายรายการ เช่น Brit Awards หรือ MTV Europe Awards อีกด้วย
หลังจากประสบความสำเร็จกับงานชุดแรก เธอก็กลับเข้าสู่สตูดิโอเพื่อมุ่งมั่นกับการอัดเสียงงานเพลงชุดใหม่ จนกลายมาเป็นอัลบั้มชุดที่สอง Electra Heart ในปีนี้
Electra Heart เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรก Primadonna ที่เป็นเพลงป๊อปเริ่มต้นด้วยเสียงร้องหวานๆของเธอก่อนที่จะตัดไปที่จังหวะที่เร่งเร้าแบบเดียวกับเพลงของ Ke$ha หรือ Kathy Perry กลายเป็นเพลงป๊อปที่ฉาบฉวยมากขึ้นกว่างานเก่าของเธอ ทำให้เรารู้สึกแปลกใจ
และเมื่อได้ฟังอัลบั้มเต็ม ก็คงต้องบอกตรงๆว่า การเปลี่ยนโทนเพลงของเธอ ทำให้มันเสียเสน่ห์ในตอนต้นของเธอไป แม้เพลงหลายเพลงในอัลบั้มชุดนี้จะติดหูเพราะการโปรดิวซ์ที่ทำออกมาได้ดี แต่มันยังขาดความเฉียบแหลมแบบที่เคยมี และเป็นการพยายามประนีประนอมกับตลาดมากจนเกินไป หลายเพลงมีแนวโน้มที่จะดี แต่สุดท้ายก็กลายเป็นงานเพลงป๊อปที่ไม่แหวกไปจากคนอื่นมากนัก ทำให้แม้จะฟังได้เพลิน ก็ไม่ได้ทำให้ประทับใจมาก แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่า ทำเพลงออกมาได้ติดหูมากและฟังได้เพลิน เพียงแต่อาจจะไม่สมใจคนที่ติดตามเธอมาตั้งแต่ชุดแรก
แม้งานชุดที่สองจะทำไม่ได้ถึงความคาดหวังที่มีต่อตัวเธอ เพราะความยอดเยี่ยมของงานชิ้นแรก แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานของ Marina and the Diamonds ก็ยังมีความน่าติดตามอยู่ดีครับ
No comments:
Post a Comment