การกลับมาของวงที่ยิ่งใหญ่ระดับ Gigantic อย่าง Coldplay ไม่เคยเป็นเรื่องธรรมดาครับ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับอัลบั้มก่อน Viva la Vida ทำให้อัลบั้มชุดนี้ถูกคาดหวังอย่างมาก
และเมื่อพวกเขาเปิดตัวซิงเกิ้ลแรก Every Teardrop Is A Waterfall ก็ทำให้โลกต้องฮือฮาด้วยกระแสที่มาแรงเป็นอย่างมาก และคงไม่ทำให้หลายๆคนที่รอคอยผิดหวัง เพราะมันคือเพลงในแบบที่โคลด์เพลย์ถนัดอยู่แล้ว ด้วยจังหวะที่เร่งเร้า กับเสียงกีตาร์ที่ดีดไล่ไปตามเพลงตลอด ทำให้ผมต้องอดนึกไปถึงวงที่พวกเขาพยายามไล่ตามอย่าง U2 ในยุค Joshua Tree จริงๆ
พออัลบั้มเต็มที่ได้รับการโปรดิวซ์โดยโปรดิวเซอร์ระดับเทพอย่าง Brian Eno ออกมา ก็ไม่ผิดอะไรที่จะว่าสมใจแฟนๆ เพราะพวกเขายังแพ๊คเอาซาวด์แบบของพวกเขามาให้ทุกคนได้ฟังให้หายคิดถึง ตั้งแต่เพลงบรรเลงเปิดตัวอย่าง Mylo Xloto ที่ทำให้เรานึกถึงอัลบั้มก่อนที่เปิดด้วย Life in Technicolor ก่อนจะตามด้วยเพลง Hurts Like Heaven ที่เป็นเพลงป๊อปร๊อคติดหูอย่างมาก ชวนให้เอาไปเต้นใน Footloose ได้เลย คงเรียกคนได้ดีเวลาเล่นสด อีกเพลงที่เด่นคือ Charlie Brown ที่ยังโครมครามเติมเต็มสเตเดี้ยมตามถนัด เช่นเดียวกับ Prince of China ที่ย่ำๆช้าๆ แต่หนักแน่น และเรียกเสียงฮือฮาได้จากแขกรับเชิญอย่าง Rihanna เพลงที่ทดลองแนวที่ต่างไปอย่าง Major Minus ก็ถือว่าแปลกดี อีกเพลงเด่นคือ Paradise เพลงช้าเพราะๆที่ชวนเราร้องตามได้อย่างเพลิดเพลิน
นjาเสียดายที่เมื่อมองในแง่อัลบั้มโดยรวมแล้ว งานชุดนี้ยังห่างจากความยอดเยี่ยมของ Viva la Vida อยู่มาก แม้จะมีเพลงดีๆอยู่ไม่น้อย แต่การถูกคั่นด้วยเพลงอคูสติกอย่าง UFO หรือ Us Against the World อยู่เรื่อยๆ ทำให้มันเหมือนกับการดึงอารมณ์ไปทีละขั้วไปมาจนอารมณ์สะดุดได้ง่ายๆ และโดยส่วนตัว ผมอยากจะให้พวกเขาแหวกจากความสำเร็จเดิมของพวกเขามากกว่าที่จะเพลย์เซฟแบบนี้
อย่าเข้าใจผิดนะครับ Mylo Xyloto เป็นอัลบั้มที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร จัดอยู่ในกลุ่มดีอยู่ด้วย เพียงแต่มันยังไม่ใช่ทีเด็ดที่สุดของวง และยังขาดเพลงที่จะครองโลกอย่าง Viva la Vida ได้เท่านั้นเอง แต่ก็ยังมีเพลงดีๆให้เราได้ฟังอยู่ไม่น้อยครับ
No comments:
Post a Comment