พออายุมากขึ้น หลายคนก็เริ่มจะปิดตัว ไม่ค่อยฟังเพลงใหม่ๆ แต่ไปฟังเพลงเก่าๆ คนรุ่นเดียวกับผมหลายคนก็ไปกรี้ดกันตามคอนเสิร์ตศิลปินไทยรุ่นเก่าที่ตัวเองฟังสมัยยังวัยรุ่นอยู่ อย่างนูโวบ้าง อัสนี วสันต์ บ้าง กระทั้งเจ เจตริน หรือพวก RS ก็ไปกรี้ดกันหมด แต่ส่วนตัวเนื่องจากไม่ได้ฟังเพลงแนวนั้นอยู่แล้ว เลยไม่ได้สนอะไร แต่ถ้าเป็นศิลปินตะวันตกที่ฟังสมัยวัยรุ่นมีสิ รับรองไม่เก็บอาหาร เหมือนตอนป๋าๆ Suede มาครั้งที่แล้ว นี่ก็สมใจมากๆ และวงหนึ่งที่กลับมาให้ได้ปลื้ม แม้จะไม่ได้มาเล่นสด แต่มาแบบแห้งเป็นแผ่น แต่ก็ยังคงความมันได้เป็นอย่างดี พวกเขาคือ Blur กับการแสดงสดที่ Hyde Park ในลอนดอนเมื่อปลายปีก่อน
วง Blur คือหนึ่งในตำนานของวงการเพลงอังกฤษอย่างแท้จริง พวกเขาคือตัวแทนของหนุ่มสำอางจากลอนดอนในช่วงต้นยุค ’90 ตั้งแต่ฟอร์มวงในช่วงปี 1988 มีผลงานสร้างชื่อช่วงแรกสองชิ้นคือ Leisure (1991) กับ Modern Life is Rubbish (1993) ที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาในวงการเพลง หลังจากความเงียบและซบเซาของประเทศอังกฤษในช่วงยุค ’80 พวกเขาก็เป็นกลุ่มที่สร้างภาพลักษณ์ของ Cool Britainnia ให้โลกต้องกลับมามองใหม่อีกครั้ง และร่วมเป็นหัวหอกของวงที่สร้างกระแส Brit Pop ร่วมกับ Suede และตามด้วย Oasis (ส่วน Radiohead ไม่น่าจะอยู่กลุ่มป๊อปนะ เหมือนอยู่อีกสาย)
พวกเขากลายเป็นวงดังคับประเทศเมื่อออกอัลบั้ม Park Life ในปี 1994 ที่มีเพลงดังอย่าง Park Life เพลงที่เต็มไปด้วยความเป็นอังกฤษจ๋า กับสำเนียงคอคนีย์ของดารา Phil Daniel ที่มาบ่นในเพลง และเพลง Girls & Boys เพลงดิสโกป๊อปสุดสนุก แสนจะติดหู นอกจากตัวแพลงแล้ว อาร์ตเวิร์กปกอัลบั้มภาพแข่งวิ่งหมาที่มักจะพบได้ในบ่อนก็สะท้อนความเป็นอังกฤษอย่างเข้มข้นอีกเช่นกัน ทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือนตัวแทนของความสำอางแบบหนุ่มลอนดอน และกลายเป็นคู่กัดกับหนุ่มห้าวจากแมนเชสเตอร์อย่าง Oasis และกลายเป็นความขัดแย้งของวงดนตรีแห่งยุค ที่สื่อทั้งหลายสุมไฟกันอย่างสนุกสนาน และสองวงก็บ้าจี้ ออกซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มใหม่มาชนกันในสัปดาห์เดียว วัดยอดขายแข่งกันเลย โดยมุมน้ำเงิน Blur ส่ง Country House มาชนกับ Roll With It ของมุมแดง Oasis และก็เป็น Country House ที่ทำยอดขายชนะไป แต่คนแฮปปี้คงเป็นทุกคนในอุตสาหกรรมดนตรี ที่นานๆทีจะมีมวยคู่เด็ดชวนสร้างกระแสแบบนี้ แน่นอนว่าอัลบั้ม Great Escape (1995) ก็ทำยอดขายอย่างงดงามเช่นเคย
แต่ความสำเร็จก็มาพร้อมกับความกดดัน พวกเขาเริ่มเครียดขึ้นมากกว่าเดิม ต่างคนก็ต่างมีปัญหา ยังไม่นับความกระแส Brit Pop ก็ซาลง แถมทัศนคติเรื่องแนวเพลงก็ห่างกันไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็พยายามประคองตัวมาออกอัลบั้มใหม่ Blur (1997) ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตนักดนตรี ด้วยความที่มันต่างไปจากงานที่ผ่านมามาก ความเป็นป๊อปหายไป แต่ความดุดันกลับเพิ่มขึ้น จนแฟนเพลงเหวอ แต่เมื่อมองแล้ว ถือว่าเป็นการปรับโฉมที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และไม่ตายไปกับยุคสมัย แถมกลายเป็นว่าพวกเขาเจาะตลาดอเมริกันได้ด้วยความไม่ตั้งใจ จากเพลงที่ง่ายที่สุดอย่าง Song 2 ทั้งๆที่ผ่านมาพยายามมาแทบตาย และงานต่อมาอย่าง 13 (1999) ก็ยิ่งหม่นกว่าเดิม จนแฟนๆเริ่มเป็นห่วงหนักขึ้น
พวกเขาพักเบรกจากวงและไปทำงานเพลงของตัวเอง Damon Albarn ประสบความสำเร็จจากโปรเจ็คต์ Gorillaz ส่วน Graham Coxon ก็ออกงานเดี่ยว และตัดสินใจออกจากวงในเวลาต่อมา สมาชิกที่เหลือรวมแรงออกงาน Think Thank (2003) ซึ่งกลายเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายของพวกเขา ก่อนที่จะเงียบหายไปตามทางของใครของมัน อย่าง Alex James ก็กลายเป็นพ่อบ้านทำชีสประกวดจนได้รางวัลไป ส่วน Damon ก็สนุกกับการทำงโปรเจคต์นู้นนี้ จนดูเหมือนกับว่า Blur จะกลายเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ต่างอะไรกับวงรุ่นราวคราวเดียวกันที่ต่างแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน แต่ข่าวดีก็กลับมาในปี 2008 ว่าพวกเขาจะกลับมาร่วมงานกัน โดยได้ Graham กลับมาครบ 4 คนเหมือนเคย ทำให้แฟนดีใจกัน โดยพวกเขาไม่ได้กลับมาเพื่อจัดคอนเสิร์ตอย่างเดียว แต่กลับสร้างงานเพลงใหม่ๆออกมาด้วย และคุณภาพะงานของพวกเขาก็ไม่ตกเลย เหมือนกับว่าการที่แยกไปทางใครทางมันก็เพื่อเป็นการพักผ่อนเพื่อให้กลับมาได้อย่างมั่นคงกว่าเดิม
และเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน พวกเขาก็ได้จัดคอนเสิร์ตใน Hyde Park กรุงลอนดอนอีกครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการการแสดงในพิธีปิดงานโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน และกลายมาเป็นบันทึกคอนเสิร์ตชื่อ PARKLIVE ให้แฟนๆที่ไม่ได้ไปดูที่อังกฤษได้ชื่นใจ พอเปิดแผ่นมาก็เจอเพลงดัง Girls & Boys เลย รู้สึกเหมือนได้กลับไปวันเก่าๆในยุครุ่งเรืองของพวกเขา ซึ่ง Damon ก็ยัง(พอ)ดูดีอยู่ Dave กลายเป็นน้าไปล่ะ ส่วน Alex เหมือนจะดูดี แต่พุงโผล่ชัดเชียว ที่ตกใจเล็กคือ Graham ใส่เสื้อหนัง The Abyss ที่เขาเคยใส่ถ่ายแบบลงในนิตยสารเมื่อนานมาแล้ว ย้อนอดีตกันจริงๆ
พอได้ดูแล้วก็เพลินดีครับ พวกเขาเล่นเอาเพลงดังๆมาประโคมให้แฟนเพลงได้เพลินกันจริง แถมพลังของพวกเขายังไม่ถดถอยเลยแม้แต่น้อย ยังคงคุมแฟนเพลงที่เข้าไปเต็ม Hyde Park ได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ แถมยังมีกิมมิคนู่นนี่ตลอด อย่างตอนเพลง Out of Time ก็ได้ Khyam Allami มาเล่น แบนโจ (รึเปล่า ไม่แน่ใจ) ประกอบเพลง และ Park Life ก็ได้ลุง Ohil Daniels ออกมาร่วมร้องตามแบบต้นฉบับบเลย ฮาดีจริงๆ แถมระหว่างเพลงก็ยังมีป้า (น่าจะเป็นลุงมากกว่า) คอยเข็นรถเข็นมาเสิร์ฟน้ำชาโดยบอกว่านี่แหละตัวแทนวัฒนธรรมแบบอังกฤษ คนได้ดูคงฟินสมหวังกันไปตามๆกัน
เวลาได้ฟังเพลงเก่าที่ชอบก็มีความสุขแบบนี้ล่ะครับ และรสนิยมของคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าพวกคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนศิลปินไทยนี่ ไม่ได้คิดจะสนเลยครับ แต่ถ้าเป็นพวก Brit Pop อย่าง Blur นี่ ไม่มีทางพลาดได้แน่นอนครับ
No comments:
Post a Comment