ในวัยสามสิบต้นๆ ผมเห็นเด็กรุ่นใหม่ตอนนี้แล้วแอบอิจฉานะ โอกาสที่เค้าจะประสบความสำเร็จในวงการเพลงมันมีมากขึ้นมาก (ไม่ได้หมายความว่าง่ายขึ้นนะ) เพราะเทคโนโลยีในการทำเพลงก็ถูกลง มีพื้นที่ให้แสดงออกได้มากขึ้น คุณอาจจะมีไอแพดซักเครื่อง ก็นั่งทำเพลงได้ เอามือถืออัดวิดีโอ เอาคลิปขึ้น YouTube แล้วแชร์ให้คนอื่นดูผ่าน Facebook หรือ Twitter ถ้าโชคดี คลิปนั้นดังแบบไวรัล คุณก็อาจจะกลายเป็นสตาร์คนใหม่ก็ได้
วงดนตรีรุ่นแรกๆที่โดรงดังมากจากโลกไซเบอร์ ก็คงจะเป็น Arctic Monkeys ที่กลายเป็นวงดังตั้งแต่ยังไม่มีสัญญากับค่ายเพลง ส่วนศิลปินเดี่ยวที่อาศัยไมโครบล๊อกในการสร้างกระแสได้เรื่อยๆคือ Lily Allen และที่ดังจาก YouTube จนกลายมาเป็นซูปเปอร์สตาร์ในตอนนี้คือ ไอ้หนูบีเวอร์ Justin Bieber นั่นเอง ส่วนในบ้านเรา คงต้องยกให้กับ บี้ เดอะ สกา กับ น้องก้อง ที่ได้งานบันเทิงเป็นระยะๆ แต่เอาที่ประสบความสำเร็จในวงการเพลงเต็มตัวคงยังหาไม่เจอครับ และในตอนนี้ ในอังกฤษก็มีศิลปินหนุ่มน้อยหน้าใหม่ ที่โด่งดังขึ้นมาได้ด้วยคลิปใน YouTube จนเขาถูกเรียกขานว่าเป็น Bieber ฉบับอังกฤษเลยทีเดียว เขาคือ Conor Maynard
Conor Maynard (คอเนอร์) เจ้าหนูวัย 19 ปีจาก ไบรต์ตัน เมืองแห่งการปาร์ตี้ชื่อดังของเกาะอังกฤษ กำลังกลายเป็นศิลปินน้องใหม่ที่มาแรงที่สุดอีกคนนึงในเกาะอังกฤษ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ามันเหมือนกับฝันไป เพราะจากเด็กน้อยโนเนม เค้าก็กลายมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของเกาะอังกฤษไปอย่างเรียบร้อยและกลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา
ไอ้หนูเมย์นาร์ดเริ่มต้นเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆที่อยากจะเป็นนักร้อง ก็เลยร้องเพลงของคนนั้นคนนี้ ถ้าเป็นรุ่นผม อยากมากก็ได้ร้องในงานประกวดของโรงเรียนล่ะครับ แต่ในยุคที่ใครก็เป็นดาราหน้าจอได้ ถ้ามีฝีมือก็ไม่ปล่อยให้เสียเปล่าครับ อัพวิดีโอขึ้น YouTube ซะ แล้วจะดีเองครับ เขาเริ่มอัพวิดีโอที่เขาคัฟเวอร์เพลงของศิลปินดังต่างๆขึ้นบน YouTube อย่างเช่น Taio Cruz, Usher, Ne-Yo และ Rihanna (!?!) ซึ่งทำยอดผู้ชมรวมได้ถึง 90 ล้านครั้ง และก็ไปเข้าสายตาค่ายเพลงต่างๆ (เดี๋ยวนี้แมวมองนั่งอยู่บ้านเสิร์ชคลิปก็ได้)
และคนแรกที่ติดต่อเขาไปคือ Ne-Yo นั่นเองครับ เป็นผมคงไม่เชื่อนะว่าคนระดับนั้นจะมาติดต่อ และNe-Yo ก็ได้เสนอสัญญาให้กับเขาพร้อมทั้งยืนยันว่าจะโปรดิวซ์เขาด้วย คงคล้ายกับการที่ Usher ไปอุ้มเอา Justin Bieber มาปั้นนั่นล่ะครับ ซึ่งอีกคนที่จะดึงเขาไปทำงานด้วย แต่ไม่ทัน โดนตัดหน้าไปก่อนคือ Pharrell Williams แห่ง The Neptunes แต่ก็ยื่นโอกาสให้เขาไปทำงานเพลงร่วมกันด้วยครับ
จากเด็กธรรมดา ไอ้หนูเมย์นาร์ดก็กลายมาเป็นศิลปินที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่ง เขาถูกเสนอชื่อเข้าประกวดศิลปินหน้าใหม่ Brand New ของ MTV UK แข่งกับศิลปินที่มาแรงอย่าง Lana Del Rey และ Delilah และเขาก็ชนะไปด้วยคะแนนโหวตเกือบครึ่ง ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับค่าย EMI เสียด้วยซ้ำ
และในเดือนเมษายน ศิลปินฟอร์มร้อนอย่างเขาก็ออกซิงเกิ้ลแรกซึ่งก็คือ Can’t Say No ซึ่งเป็นผลงานการแต่งของเขาเองและโปรดิวซ์โดย The Invisible Men ที่โปรดิวซ์เจซซี่เจมาก่อน และมันก็เป็นเพลงพ๊อพฟังได้สนุกๆ แต่ไม่ใช่เพลงพ๊อพจ๋าแบบเพลง Baby ที่สร้างชื่อให้กับจัสตินบีเบอร์ แต่มันมีบีทแบบหน่วงๆไล่ไปตลอดเพลง เหมาะกับการเอาไปรีมิกซ์เปิดในคลับมากกว่าครับ เบสบวมขนาดนั้น บวกเข้ากับเสียงร้องที่ออกสูงแต่มีชีวิตชีวา ทำให้เพลงออกมาลงตัว และส่งให้เขาขึ้นไปถึงอันดับ2ของชาร์ตซิงเกิ้ลในเกาะอังกฤษได้อย่างงดงามจะแพ้ก็แค่เพลง Call Me Maybe ของ Carly Rae Jepsen ที่กำลังหลอนทุกท่านในตอนนี้อยู่ล่ะครับ (ถ้าไม่นับกังนัมสไตล์นะ)
ส่วนทางฝั่งอเมริกา เขาเปิดตัวด้วยเพลง Vegas Girl ที่จังหวะไม่เร็วมากและยังอบอวลไปด้วยเสียงเบสหน่วงๆเช่นเดียวกับเพลงก่อนหน้า ซึ่งคงเป็นเพราะมันคือผลงานการโปรดิวซ์ของ The Invisible Men มันขึ้นไปถึงอันดับ 4 บนบิลบอร์ดชาร์ต ดังข้ามฟากไปที่อเมริกาเลย และเป็นเพลงนี้ล่ะครับ ทำให้คิดว่า การเอาเขาไปเปรียบกับ Justin Bieber นั้นเป็นความเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก
ยิ่งพอได้ฟังอัลบั้มเต็ม Contrast ที่พึ่งออกมา ยิ่งเห็นได้ชัด แม้ไอ้หนูรุ่นเดียวกันอย่าง Justin Bieber จะโด่งดังมาก่อนด้วยแนวทางเดียวกัน แต่เมื่อดูที่งานเพลงแล้ว ต่างกันไปมากครับ ของ Bieber คือเพลงบับเบิ้ลกัมพ๊อพเอาใจวัยทวีน (กึ่งเด็กสาวกึ่งหญิงสาว) แต่เพลงของเมย์นาร์ด จะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า โทนเพลงมักจะเป็นเพลงที่เหมาะสำหรับเปิดในคลับโยกไปกับสาวในชุดหวิวมากกว่างานเลี้ยงเด็กมัธยม บวกกับน้ำเสียงของเขาที่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่นิ่มนวลสไตล์ R&B มากกว่า ทำให้คิดไปถึงอีกจัสตินครับ นั่นคือ Justin Timberlake ที่หลังจากทิ้งงานสุดเท่ไว้เมื่อหลายปีก่อน ก็หันไปเล่นตลกกับแสดงหนังอย่างเดียว ทำให้ เมย์นาร์ดน่าจะอาศัยโอกาสนี้มาเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ครับ
เมื่อฟังทั้งอัลบั้มยิ่งได้เพลินครับ เริ่มตั้งแต่เพลงแรก Animal ที่เปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่เร็วพอที่จะเต้นได้ และยังไม่ขาดเสียงเบาสหน่วงๆตลอดเพลงครับ เป็นเพลงพ๊อพที่ฟังได้สบายๆ ส่วนเพลง Turn Around ที่ Ne-Yo ลงมาร่วมงานเองด้วย เป็นเหมือนบรรยากาศที่สดชื่นในเช้าวันใหม่ด้วยเสียงระดับยอดเยี่ยมของทั้งคู่ ส่วนเพลง Lift Off ที่ร่วมงานกับ Pharrell มีแนวโน้มที่ดี แต่เสียดายที่มันยังขาดอะไรบางอย่างอยู่ จนไม่สามารถขึ้นบินได้เต็มที่ ส่วน Better Than You ร่วมงานกับ Rita Ora หรือ Rihanna ของฝั่งอังกฤษ ที่ผสมกลิ่นของ Dubstep เข้าไปบนเนื้อเพลงที่แสบสันต์ (หาใหม่ได้ดีกว่าเธอ) ก็เท่ไม่เบาครับ
Contrast เป็นงานเปิดตัวของศิลปินพ๊อพหน้าใหม่ที่ผมถือว่าอยู่ในกลุ่มเยี่ยมเลยล่ะครับ แม้ว่าเพลงเด่นๆจะหนักอยู่ที่ช่วงต้นอัลบั้ม แต่ก็ยังถือได้ว่าอยู่คนล่ะลีกกับศิลปินพ๊อพวัยทีนคนอื่น เพราะว่าเขาทะเยอทะยานพอที่จะพยายามแบกน้ำหนักขึ้นไปชกกับรุ่นใหญ่ และจัดได้ว่าทำได้ไม่เลวเลยล่ะครับ ที่สำคัญ อย่าได้เอาเขาไปเทียบกับบีเบอร์เลยครับ
2 comments:
ขอบคุณสำหรับblog ดีๆนะคะ เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน แบบบังเอิญ ขอติดตามต่อไปนะคะ :)
ขอบคุณที่ชอบครับ :)
Post a Comment